[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 19:56:58 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ความหมายของพระไตรปิฎก  (อ่าน 6174 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 20 มีนาคม 2553 18:22:12 »




ความหมายของพระไตรปิฎก

ศาสนาทุกศาสนาในปัจจุบัน มีคัมภีร์หรือตำราทางศาสนาเป็นหลักในการสั่งสอน
แม้ว่าแต่เดิมจะมิได้มีการขีดเขียนเป็นอักษรก็ตาม

แต่เมื่อมนุษย์ได้มีพัฒนาการทางด้านการพิมพ์คัมภีร์ทางศาสนาจึงได้รับการพิมพ์ด้วยเช่นกัน พระไตรปิฎก
ก็เป็นคัมภีร์หลักในพระพุทธศาสนา ดุจคัมภีร์ไบเบิลของคริสต์ศาสนา คัมภีร์ อัลกุรอาน ในศาสนาอิสลาม
และคัมภีร์พระเวทของศาสนาพราหมณ์ ตามรูปศัพท์ คำว่า "พระไตรปิฎก" แยกศัพท์ออกเป็น
พระ+ไตร+ปิฎก คำว่า พระ เป็นคำยกย่องแปลว่า ประเสริฐ ไตร ในภาษาบาลีใช้คำว่า ติ แปลว่า ๓ ปิฎก
บาลีใช้คำว่า ปิฎก แปลได้ ๒ นัยคือ

๑. หมายถึง ภาชนะ (ภาชนตฺโถ)

เช่นตะกร้า ดังประโยคบาลีที่ว่า อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺยํ กุทฺทาลปิฏกมาทาย
แปลว่า คราวนั้น บุรุษคนหนึ่ง ได้ถือจอบและตะกร้ามา

๒. หมายถึง คัมภีร์ หรือ ตำรา (ปกณมฺปิ ปิฏกนฺติ วุจฺจติ)

ดุจในประโยค ในกาลามสูตรว่า มา ปิฏกสมฺปทาเนน
ท่านอย่าเชื่อเพียงเพราะอ้างตำราหรือคัมภีร์

ดังนั้น พระไตรปิฎก จึงหมายถึง คัมภีร์ หรือ ตำรา ที่รวบรวมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไว้เป็นหมวดเป็นหมู่
ไม่ให้กระจัดกระจายคล้ายกระจาดหรือตะกร้าอันเป็นภาชนะสำหรับใส่ของฉะนั้น

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 20 มีนาคม 2553 18:34:35 »



จากพระธรรมวินัย สู่พระไตรปิฎก

บทพระธรรมคุณ ที่มีอยู่ในพระสูตรหลายสูตร เช่น ธชัคคสูตร ได้แสดงไว้ชัด ว่า สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม
ซึ่งแปลว่า พระธรรม อันพระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้ว จะเห็นว่า คำว่า พระธรรมในที่นี้
หมายเอาทั้งธรรมและวินัย ที่พระองค์ตรัสและบัญญัติไว้ทั้งหมด

หรือคำที่ให้อุปสมบทแบบ เอหิภิกขุอุปสัมปทาว่า สฺวากฺขาโต ธมฺโม พฺรหฺมจริยํ จรถ สมฺมาทุกฺขอนฺตกิริยาย
ซึ่งแปลว่า "ธรรมที่เรากล่าวไว้ดีแล้ว ท่านทั้งหลายจงประพฤติพรหมจรรย์เพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบ"

คำว่าธรรมในที่นี้จึงหมายเอาทั้งวินัยที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้ และธรรมที่พระองค์
ทรงแสดง ต่อมาในสมัยใกล้จะปรินิพพาน มีศัพท์คู่ซึ่งพระองค์ทรงตรัสกับพระอานนท์ก่อนแต่จะปรินิพพาน

ซึ่งปรากฏในมหาปรินิพพานสูตรว่า โย โว อานนฺท ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปญฺญตฺโต โส โว มมจฺจเยน สตฺถา
ซึ่งแปลว่า ดูกรอานนท์ ธรรมวินัยที่เราแสดงบัญญัติไว้แก่พวกเธอ นั่นแหละจะเป็นศาสดาของพวกเธอทั้งหลายเมื่อเราสิ้นไป
มาถึงตอนนี้จะเห็นว่า ทรงตรัสไว้ชัดว่า พระธรรมและพระวินัย

พระอรรถกถาจารย์ได้อธิบายว่า คำว่า ธรรมนั้นหมายถึง นิกายห้า คือ
ทีฆนิกาย สังยุตตนิกาย อังคุตตรนิกาย และขุททกนิกาย แต่ขุททกนิกายนั้น
ได้รวมเอาอภิธรรมปิฎก หรือ สัตตัปปกรณ์เข้าไว้ด้วย

แม้การสังคายนาครั้งแรก พระมหากัสสปเถระก็กล่าวชักชวนพระอรหันต์ทำการสังคายนาพระธรรมวินัยว่า
หนฺท มยํ อาวุโส ธมฺมญฺจ วินยญฺจ สงฺคายาม แปลว่า
เชิญเถอะ ท่านผู้อาวุโส เราจะสังคายนาพระธรรมและพระวินัยกัน (๗/๖๑๔/๓๘๐)

คำว่า พระไตปิฎก ยังไม่มีกล่าวไว้ชัดเจน คงเรียกรวมว่าพระธรรมวินัย ดังได้กล่าวแล้ว
แต่มีข้อความหลายแห่งในพระวินัยและพระสูตรที่มีคำว่า พระวินัย พระสูตร และพระอภิธรรมไว้ครบ
เช่นในมหาวิภังค์ สังฆาทิเสสข้อที่ ๗ ที่กล่าวไว้ว่า

ทพฺโพ มลฺลปุตฺโต สภาคานํ ภิกฺขูนํ เอกชฺฌํ เสนาสนํ ปญฺญาเปติ, เย เต ภิกฺขุ สุตฺตนฺติกา, เตสํ เอกชฺฌํ
เสนาสนํ ปญฺญาเปติ "เต อญฺญมญฺญํ สุตตนฺตํ สงฺคายิสฺสนฺตีติ, เย เต ภิกฺขุ วินยธรา, เตสํ เอกชฺฌํ
เสนาสนํ ปญฺญาเปติ "เต อญฺญมญฺ ญํ วินยํ วินิจฺฉินิสฺสนฺตีติ,เย เต ภิกฺขุ อาภิธมฺมิกา, เตสํ
เอกชฺฌํ เสนาสนํ ปญฺญาเปติ "เต อญฺญมญฺญํ อภิธมฺมํ สากจฺฉิสฺสนฺตีติ.

แปลว่า พระทัพพมัลลบุตร ย่อมจัดเสนาสนะไว้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แก่ภิกษุทั้งหลาย
ที่มีลักษณะคล้ายๆกัน กล่าวคือ ภิกษุเหล่าใดศึกษาเล่าเรียนพระสูตร ก็จัดเสนาสนะให้ภิกษุเหล่านั้น
ไว้ในกลุ่มเดียวกัน ด้วยคิดว่า พวกเธอจะได้สอบสวน พระสูตรกะกันและกัน

ผู้ทรงวินัยก็จัดเสนาสนะไว้เดียวกัน ด้วยคิดว่าภิกษุเหล่านั้นจะได้วินิจฉัย ข้อวินัย กะกันและกัน

ภิกษุเหล่าใดเล่าเรียน พระอภิธรรม ก็จัดเสนาสนะสำหรับภิกษุเหล่านั้นไว้กลุ่มเดียวกัน ด้วยคิดว่า
ภิกษุเหล่านั้นจักสนทนาพระอภิธรรมกะกันและกัน (๑/๕๔๓/๓๖๙)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 มีนาคม 2554 15:21:19 โดย เงาฝัน, เหตุผลที่แก้ไข: เพิ่มภาพค่ะ » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 20 มีนาคม 2553 18:40:15 »



อนึ่ง ในภิกขุณีวิภังค์ ฉัตตุปาหนวรรค สิกขาบทที่ ๑๒ ว่า

ปญฺหํ ปุจฺเฉยฺยาติ สุตฺตนฺเต โอกาสํ การาเปตฺวา
วินยํ วา อภิธมฺมํ วา ปุจฺฉติ อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ วินเย โอกาสํ การาเปตฺวา สุตฺตนฺตํ วา อภิธมฺมํ วา
ปุจฺฉติ อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อภิธมฺเม โอกาสํ การาเปตฺวา สุตฺตนฺตํ วา วินยํ วา ปุจฺฉติ
อาปตฺติปาจิตฺติยสฺสฯ

แปลความว่า ภิกษุณี ผู้ถามปัญหากับภิกษุ ขอโอกาสอันใดต้องถามอันนั้น ถ้าขอโอกาสถามพระสูตรแล้ว
กลับไปถามพระวินัยก็ดี ถามพระอภิธรรมก็ดี ต้องอาบัติปาจิตตีย์
ขอโอกาสถามพระวินัยกลับไปถามพระสูตรหรือพระอภิธรรม ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ขอโอกาสถามพระอภิธรรม
กลับไปถามพระสูตรหรือพระวินัยต้องอาบัติปาจิตตีย์ (๓/๔๗๗/๒๕๕)

ยังมีข้อความใน อปทาน อุบาลีเถรวัตถุ หน้า ๖๓ มีว่า สุตฺตนฺตํ อภิธมฺมญฺจ วินยญฺจาปิ เกวลํ นวงฺคํ
พุทฺธวจนํ เอสา ธมฺมสภา ตว แปลว่า (ข้าแต่พระจอมมุนี) พระสูตร พระอภิธรรม พระวินัย รวมพุทธวจนะ มีองค์ ๙
ทั้งสิ้นนี้ เป็นธรรมสภาของพระองค์ ฯลฯ

ข้อความดังกล่าวแสดงถึงการเรียกพระวินัย พระสูตร และพระอภิธรรม ได้มีมานานแล้ว แต่ยังไม่แยกออกชัด เป็น
พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎก อย่างที่ปรากฏในยุคตั้งแต่สังคายนาครั้งที่ ๓ เป็นต้นมา

ดังคำบาลีว่า

เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ นาม พุทฺธสฺส ภควโต ธมฺมวินยสฺส สโมธานํ โหติ
แปลว่า พระพุทธพจน์คือพระไตรปิฎก เป็นที่รวมแห่งพระธรรมวินัยขององค์ภควันต์พุทธเจ้า

จากมุขปาฐะสู่การจารึกใบลาน

ตำราที่บรรจุพระพุทธพจน์ ที่พระธรรมสังคาหกาจารย์ได้สังคายนา หรือรวบรวมไว้เป็นหมวด เรียกว่า พระไตรปิฎก
ได้ถ่ายทอดกันมาโดยระบบมุขปาฐะ หรือท่องจำ (Oral Tradition) ดุจสมัยก่อนๆ ในประเทศไทยของเรา
ก็มีการนิยมต่อหนังสือค่ำ เจ็ดตำนานสิบสองตำนาน หรือท่องพระปาติโมกข์ โดยอาศัยการท่องปากต่อปาก
จากครูบาอาจารย์ จนจำได้แม่นยำและสืบต่อกันมาถึงอนุชนรุ่นหลังพระไตรปิฎกก็เช่นกัน

ตั้งแต่ สังคายนาครั้งแรก ศิษย์สายพระอุบาลีก็จดจำพระวินัยปิฎก ศิษย์สายพระอานนท์ ก็จดจำพระสุตตันตปิฎก
และพระอภิธรรมปิฎกสืบๆ กันมาโดยมิได้ขาดสาย


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 มีนาคม 2554 15:30:39 โดย เงาฝัน, เหตุผลที่แก้ไข: เพิ่มภาพค่ะ » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 20 มีนาคม 2553 18:51:07 »




ตัวอย่างสายพระอุบาลี ที่ท่านแสดงไว้ตามลำดับ ออกนามเฉพาะหัวหน้าสายดังนี้

ในอินเดีย

พระอุบาลีเถระ
พระทารกเถระ
พระโสณกเถระ
พระสิคควเถระ
พระโมคคัลลีบุตรเถระ

ในลังกา

พระมหินทเถระ
พระอิฏฏิยเถระ
พระอุตติยเถระ
พระสัมพลเถระ
พระภัททนามเถระ ฯลฯ

การท่องจำนี้ ได้กระทำมาจนถึงสังคายนาครั้งที่ ๕ ในลังกาทวีป
(ถ้านับเฉพาะที่ทำสังคายนาในศรีลังกาก็เป็นครั้งที่ ๒) ประมาณ พ.ศ. ๔๓๓
ในรัชสมัยของพระเจ้าวัฏฏคามณีอภัย โดยมีพระรักขิตมหาเถระเป็นประธาน ทำที่ อาโลกเลณสถาน
ณ มตเลชนบท หรือที่เรียกว่า มลัยชนบท

สาเหตุของการจารึกพระพุทธวจนะ ลงในใบลานก็เพราะว่า ถ้าจะใช้วิธีท่องจำพระพุทธวจนะต่อไป
ก็อาจมีข้อวิปริตผิดพลาด ได้ง่าย เพราะปัญญาในการท่องจำของกุลบุตรเสื่อมถอยลง

 นอกจากนั้นพระสงฆ์ยังได้รับความกระทบกระเทือนจากภัยธรรมชาติและภัยสงครามอยู่เนืองๆ
ทำให้ไม่มีเวลาท่องจำพระพุทธวจนะ จะทำให้ช่วงการสืบต่อ ขาดลงได้

มีคำกล่าวว่า ในการจารึกครั้งนี้ได้จารึกอรรถกถาลงไว้ด้วย  
มีผู้สงสัยว่า สมัยพุทธกาลคนไม่รู้จักการเขียนหนังสือหรืออย่างไร?
จึงไม่ปรากฏว่ามีตำรับตำราจารึกไว้เป็นหลักฐาน แม้บริขารที่สำคัญของพระภิกษุ ก็ไม่ระบุหนังสือไว้ด้วย


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 มีนาคม 2554 15:38:55 โดย เงาฝัน, เหตุผลที่แก้ไข: เพิ่มภาพค่ะ » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 20 มีนาคม 2553 18:56:15 »


พระมหาเสฐียรพงษ์ ปุณฺณวณฺโณ ได้ประมวลทัศนะนี้ไว้ในหนังสือ ภาษาศาสตร์ ภาษาบาลี*
(*พระมหาเสฐียรพงษ์ปุณณวณโณ ภาษาศาสตร์ภาษาบาลี, ชุดวรรณไวทยากร, กรุงเทพฯไทยวัฒนาพานิช, ๒๕๑๔)

ไว้ว่า"ความจริงการเขียนหนังสือน่าจะมีมาก่อนพุทธกาลแล้ว

ในพระไตรปิฎกเองก็มีข้อความเอ่ยถึงการขีดเขียนเป็นครั้งคราว เช่น ตอนหนึ่ง ห้ามภิกษุเล่นเกม
"อักขริกา" ได้แก่ การทายอักษรในอากาศ หรือบนหลังเพื่อนภิกษุ

วิชาเขียนหนังสือ (เลขา)ได้รับยกย่องว่าเป็นศิลปะพิเศษอย่างหนึ่ง สิกขาบทบางข้อห้ามภิกษุณีเรียนศิลปะทางโลก
หนึ่งในศิลปะเหล่านี้คือวิชาเขียนหนังสือ ในบทสนทนาภายในครอบครัวพ่อแม่ปรารภว่าจะให้บุตรเรียนวิชาอะไรดี

ถ้าจะให้เรียนเขียนหนังสือ บุตรก็อาจยังชีพอยู่ได้อย่างสบาย แต่ก็อาจเจ็บนิ้วมือ

ถ้าภิกษุเขียนหนังสือพรรณนาคุณ ของอัตตวินิบาตกรรม (การฆ่าตัวตายเอง)
ปรับทุกกฏทุกตัวอักษร ถ้ามีผู้อ่านพบข้อความนั้นเข้า เห็นดีเห็นงามด้วย แล้วฆ่าตัวตายตามนั้น
ปรับอาบัติปาราชิก
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 20 มีนาคม 2553 19:06:06 »



หลักฐานเหล่านี้แสดงว่า อักษรหรือการเขียนมีมาก่อนสมัยพระพุทธเจ้าแล้ว แต่ที่พระพุทธองค์ไม่นิยมใช้
หันมาใช้วิธีมุขปาฐะแทน น่าจะทรงเห็นประโยชน์อานิสงส์บางสิ่งบางอย่างกระมัง
หรือว่าระบบการขีดเขียนยังไม่เป็นที่แพร่หลายเท่าที่ควร ทั้งยังไม่มีอุปกรณ์การขีดการเขียนเพียงพอ
ก็ยากที่จะทราบได้ แต่ข้อที่น่าคิดอยู่อย่างคือ วิธีเรียนด้วยมุขปาฐะนี้
นอกจากจะสร้างสัมพันธภาพอย่างใกล้ชิดระหว่างผู้เรียนและ ผู้สอนแล้วยังเป็นการสร้างสมาธิฝึกจิตของผู้เรียนไปในตัวด้วย

นักปราชญ์ยุคก่อนที่มีความคิดเช่นนี้ก็มีไม่น้อย เปลโต้เคยกล่าวไว้ว่า

"การคิดอักษรขึ้นใช้ แทนการท่องจำ ทำให้มนุษย์ขาดอานุภาพแห่งความทรงจำ
คือแทนที่จะจดจำจากอินทรีย์ภายใน ต้องอาศัยสัญลักษณ์นอกเข้าช่วย"

พระเถระที่เกี่ยวข้องกับการเกิดของพระไตรปิฎก  พระเถระในระยะที่พระพุทธเจ้าทรงพระชนม์อยู่

๑. พระจุนทะ เป็นพระเถระรูปหนึ่งที่มีความปรารถนาดีต่อวงการพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา
ท่านเป็นน้องชายพระสารีบุตร ข้อความในสามคามสูตร ในมัชฌิม นิกาย อุปริปัณณาสก์ (๑๔/๕๑/๔๙)

ครั้งหนึ่ง เมื่อนิครนถ์นาฏบุตร ได้สิ้นบุญไปใหม่ๆ ที่เมืองปาวา พระจุนทะได้เห็นความแตกแยกขัดแย้ง
และระส่ำระสายในหมู่สาวกของนิครนถ์นาฏบุตร ที่ขัดแย้งกันในคำสอนของศาสดาของตนเอง

จึงได้เข้าไปเล่าเหตุการณ์ให้พระอานนท์ฟัง แสดงความเป็นห่วงความมั่นคงแห่งพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า
พระอานนท์ฟังเรื่องแล้วเห็นด้วย จึงได้พาไปเฝ้าพระศาสดา ทูลเรื่องให้ทรงทราบ และแสดงความเป็นห่วงว่า

ขอการทะเลาะวิวาทอย่างนั้นอย่าเกิดมีในหมู่พระสาวกของพวกเราเลย
เพราะไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของพหูชน เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย



โดย : puling


อนุโมทนาสาธุธรรมค่ะ
 รัก  http://www.212cafe.com/boardvip/view.php?user=cm99&id=1082

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 มีนาคม 2554 15:18:22 โดย เงาฝัน, เหตุผลที่แก้ไข: เพิ่มภาพค่ะ » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: 20 มีนาคม 2553 21:39:19 »



(:LOVE:)ขอมอบภาพ พระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ให้ เจ๊ เงาฝัน รัก


(:LOVE:)สาธุ....................สาธุ.........ภาพนี้อยู่ในเว็บ ตากล้อง ดอดคอม ตามลิงค์เลย รัก

http://www.taklong.com/pictpost/show-pictpost.php?No=328030
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 มีนาคม 2553 21:42:37 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: 20 มีนาคม 2553 21:58:52 »




 รัก  ปิ๊ง ๆ  รัก
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
ย้ายแล้ว: ความหมายของพระไตรปิฎก
บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪ 0 1925 กระทู้ล่าสุด 03 เมษายน 2553 10:12:11
โดย 【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.279 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 6 ชั่วโมงที่แล้ว