[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
20 เมษายน 2567 02:40:14 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: นิทานสอนใจ : เปิบมหาพิสดาร!  (อ่าน 2884 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.13 Firefox 3.6.13


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2554 19:23:54 »


นิทานสอนใจ : เปิบมหาพิสดาร!
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    
20 กุมภาพันธ์ 2554 10:45 น.

           
 ขอบคุณภาพประกอบจาก http://learnamericanenglishonline.com


เห็น คำว่า "เปิบพิสดาร" ที่ร้านไหนทุกคนก็ทราบว่าที่นั่นขายอาหารอร่อย และคงมีความพิเศษพิสดารต่าง ๆ นานา แต่ "เปิบมหาพิสดาร" เรื่องนี้ ไม่ซ้ำแบบใคร เป็นเรื่องพิสดารเกินกว่าเรื่องใด ๆ ที่ทุกคนเคยได้พบเห็นได้ยินมา
       
       ความพิสดารในอดีตกาลครั้งนี้ เกิดขึ้นที่เมืองพาราณสี...
       
       เริ่มเรื่องด้วยการที่เศรษฐีคนหนึ่งได้ถึงแก่กรรมลง พระราชาจึงมีพระกระแสรับสั่งให้ทายาทเศรษฐีนาม "คันธกุมาร" เข้าเฝ้าเพื่อทรงปลอบโยนให้คลายโศก แล้วจึงพระราชทานตำแหน่งเศรษฐีให้แทนบิดา
       
       ต่อมาผู้รักษาเรือนคลังของเศรษฐีผู้วายชนม์ก็ขนทรัพย์สมบัติที่เก็บ รักษาไว้มาให้คันธเศรษฐีดูพลางแจงให้ทราบว่าส่วนไหนเป็นของบิดา และส่วนไหนตกทอดมาจากปู่ของเขา
       
       คันธเศรษฐีเห็นทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาลที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้ตนแล้ว ก็คิดว่าบรรพบุรุษทั้งหลายไม่ฉลาดเลยที่พากันสะสมทรัพย์สินไว้มากมายแล้ว ละทิ้งไปเสีย เพราะฉะนั้น เขาจะต้องนำทรัพย์สมบัติเหล่านั้นไปด้วยให้จงได้
       
       คงจะทราบดีอยู่แล้วว่า ตามคติของชาวพุทธนั้น การที่คนเราจะนำทรัพย์สินติดตัวหลังจากลับโลกไปแล้วได้นั้นจะต้องทำบุญทำทานในพระพุทธศาสนา และสงเคราะห์คนยากไร้เจ็บป่วย แต่คันธเศรษฐีก็ไม่ฉลาดพอที่จะทราบ และกระทำดังกล่าว เขาคิดแค่จะใช้สมบัติเหล่านี้ให้หมดไปก่อนตายเท่านั้น
       
       เศรษฐีจึงเริ่มดำเนินการใช้จ่ายเงินเพื่อการ "เปิบมหาพิสาดาร" ของตัวเองโดยจ่ายเงินสองแสนแรกสร้างห้องอาบน้ำประดับประดาไปด้วยแก้วผลึก จัดสร้างบัลลังก์สำหรับนั่ง ถาดใส่อาหาร ตั่งสำหรับวางอาหาร และมณฑปที่ตกแต่งประตูหน้าต่างอย่างวิจิตรงดงามด้วยเงินหลายแสนบาท แล้วจ่ายเงินจำนวนพันสำหรับอาหารแต่ละมื้อ
       
       ครั้นใกล้ถึงวันเพ็ญ คันธเศรษฐีก็ให้เตรียมอาหารราคาเรือนแสน ทั้งยังสละเงินอีกหนึ่งแสนตกแต่งพระนครจนงดงาม ใช้ให้คนเที่ยวตีกลองป่าวประกาศเชิญชวนประชาชนมาชมการเปิบมหาพิสดารของตน ราษฎรทั้งหลายจึงเตรียมผูกเตียงซ้อนเตียงขึ้น (คงทำคล้าย ๆ อัฒจันทร์สมัยนี้) เพื่อจะชมการเปิบกันให้ชัด ๆ
       
       วันนั้นมีชายบ้านนอกบรรทุกฟืนเพื่อแลกเปลี่ยนกับเสื้อผ้า และเสบียงอาหารคนหนึ่งเข้ามาพักกับสหายของตนในเมือง พอทราบข่าวการบริโภคอาหารของคันธเศรษฐีก็ชักชวนกันไปดู
       
       ฝ่ายเศรษฐีก็อาบน้ำชำระร่างกายอยู่ในห้องแก้วผลึกโดยใช้น้ำหอมถึง 16 หม้อ จากนั้นจึงขึ้นนั่งบัลลังก์เปิดสีหบัญชรให้ประชาชนชม แล้วคอยบริวารที่จะยกอาหารมาจึงบริโภคอาหารเรือนแสนโดยมีการฟ้อนรำ และมโหรีบรรเลงขับกล่อมต่อหน้าประชาชนทั้งปวง
       
       ส่วนชายบ้านนอก เมื่อชมการบริโภคอาหารของเศรษฐีแล้วก็เกิดความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะได้ บริโภคบ้าง แม้ไม่สมหวังก็จะขอตาย สหายของเขาจึงต้องเข้าไปอ้อนวอนคันธเศรษฐีให้ช่วยชีวิตเพื่อนไว้ ครั้งแรกเศรษฐีไม่ยอมด้วยกลัวว่าจะเป็นตัวอย่างให้คนอื่น ๆ พากันมาขอบ้าง
       
       แต่ด้วยเห็นแก่ชีวิตชายบ้านนอกคนนั้น จึงออกปากให้โดยมีข้อแม้ว่า ชายคนนั้นต้องมาทำงานในบ้านของตนครบ 3 ปีเสียก่อนถึงจะมีสิทธิ์บริโภคอาหาร มหาชนทั้งหลายเมื่อทราบเรื่องในครั้งนี้ต่างก็ขนานนามชายบ้านนอกนั้นว่า "นายภัตตภติกะ"

                                                 

       ด้านนายภัตตภติกะก็ไม่ย่อท้อ ทำกิจการทุกอย่างโดยเรียบร้อยทั้งงานในบ้าน ในป่า ไม่ว่าจะเป็นกลางวัน หรือกลางคืน และเมื่อครบ 3 ปีตามสัญญา คันธเศรษฐีก็อนุญาตให้จัดงาน "เปิบมหาพิสดาร" ขึ้นในคืนวันเพ็ญท่ามกลางสายตามหาชน
       
       ได้เวลานายภัตตภติกะก็อาบน้ำชำระร่างกายในห้องแก้วผลึกด้วยน้ำหอม 16 หม้อตามแบบคันธเศรษฐีทุกประการ แล้วจึงขึ้นนั่งบัลลังก์เพื่อเตรียมลิ้มรสอาหาร
       
       กาลนั้น มีพระปัจเจกพุทธเจ้าที่ภูเขาคันธมาทน์ในป่าหิมพานต์พระองค์หนึ่งทรงออกจาก นิโรธสมาบัติ หรือเข้าถึงความดับครบเจ็บวันในวันที่เจ็ด ทรงเล็งเห็นด้วยพระญาณ จึงทรงเหาะมาบิณฑบาตอาหารจากนายภัตตภติกะ ฝ่ายนายภัตตภติกะผู้สู้อุตส่าห์อดทนทำงานถึง 3 ปี เพียงเพื่อจะลิ้มรสอาหารมื้อนี้ ยังไม่ทันได้ตักเข้าปากสักคำก็เหลือบเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าเข้าจึงกลับคิด ได้ว่า
       
       "เพราะเราไม่ได้ทำทานเอาไว้ใน กาลก่อน ชาตินี้จึงเกิดมายากจนถึงเพียงนี้ อาหารมื้อนี้ถ้าเราบริโภคเข้าไปก็จะยังประโยชน์ต่อเราเพียงแค่วันเดียว แต่ถ้าเราถวายแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว อาหารนี้ก็จะยังประโยชน์ต่อเรามากกว่าพันโกฏิกัลป์ทีเดียว"
       
       คิดได้ดังนั้นนายภัตตภติกะจึงก้มลงกราบพระปัจเจกพุทธเจ้าด้วยท่าเบญจางคประดิษฐ์แล้วถวายบิณฑบาตแก่พระองค์
       
       เมื่อใส่อาหารลงไปได้ครึ่งหนึ่ง พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงปิดบาตรเสีย แต่นายภัตตภติกะขอร้องให้ทรงรับไปเสียทั้งหมดเพื่อผลบุญจะได้เต็มที่ หลังจากที่พระผู้เป็นเจ้ารับแล้วนายภัตตภติกะจึงขอพรให้ตนมีความสุขในทุก ๆ ชาติ และขอให้ได้มีส่วนแห่งธรรมที่พระปัจเจกพุทธเจ้าพึงมีด้วยเถิด
       
       พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานว่า
       
      "ขอให้ท่านจงสำเร็จสมความมุ่งหมาย ประสงค์สิ่งใดจงได้เต็มเปี่ยมดุจพระจันทร์วันเพ็ญ และแก้วมณีโชติรสฉะนั้น"
       
       จากนั้นก็ทรงตั้งจิตอธิษฐานให้มหาชนทั้งปวงสามารถมองเห็นพระองค์เหาะ กลับไปยังภูเขาคันธมาทน์แจกอาหารแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าหลายร้อยพระองค์ที่ ประทับอยู่ ณ ที่นั่น ซึ่งก็แจกกันได้อย่างทั่วถึงโดยไม่รู้จักหมด
       
       มหาชนเห็นดังนั้นก็พร้อมใจกันเปล่งเสียงสาธุการดังสนั่นราวกับ อสนีบาต คันธเศรษฐีได้ยินก็เข้าใจว่าเป็นเสียงหัวเราะเยาะของมหาชนเมื่อเห็นนายภัตตภติกะบริโภคอาหารด้วยท่าทางเปิ่นเทิ่นตามแบบยาจกบ้านนอก แต่เมื่อทราบเรื่องราวที่แท้จริงจากบริวารก็เรียกนายภัตตภติกะเข้ามาเพื่อขอ อนุโมทนาแบ่งบุญ ซึ่งนายภัตตภติกะก็ยินยอมแบ่งให้ตามส่วน ด้านคันธเศรษฐีจึงแบ่งทรัพย์ให้กึ่งหนึ่ง
       
       แม้แต่พระราชาที่ทรงสดับข่าว ก็ยังขอแบ่งบุญจากนายภัตตภติกะ เขาได้รับพระราชทานทรัพย์สมบัติมากมาย แล้วยังได้รับพระราชทานคำว่า "เศรษฐี" เป็น "ภัตตภติกะเศรษฐี" อีกด้วย
       
       คงจะไม่แปลกใจในผลบุญของนายภัตตภติกะ ด้วยเขาบริจาคทานอันทำได้ยากยิ่ง บริจาคทานอันสุจริตทั้งหมดแก่ผู้มีจิตบริสุทธิ์ด้วยศรัทธาเต็มเปี่ยม จึงได้รับอานิสงส์ทั้งในปัจจุบัน และอนาคต
       
       ครั้นสมัยพุทธกาลนายภัตตภติกะก็ถือกำเนิดมาเป็น "สุขกุมาร" บรรพชาเป็นสามเณรแล้วบรรลุธรรมตั้งแต่อายุ 7 ขวบดังนี้แล

   
       ขอขอบคุณนิทานเรื่องสั้น "ธรรมะบันดาลใจ นิทานต้นแบบแห่งความดี" สำนักพิมพ์ในเครือสถาพรบุ๊คส์


http://i18.photobucket.com/albums/b121/nature-delight/PICS%20FOR%20FRIENDS/ARTS%20AND%20PAINTING/080-jardinflo.gif
นิทานสอนใจ : เปิบมหาพิสดาร!


ขอบพระคุณที่มาจาก : ผู้จัดการออนไลน์
นำมาแบ่งปันโดย : sithiphong
Pics by : Google
อกาลิโกโฮม * ใต้ร่มธรรมดอทเน็ต
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 9.0.597.98 Chrome 9.0.597.98


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2554 19:41:57 »

อ่านจนจบ เนื้อหาดีมากเลยครับ

อ้างถึง

 เศรษฐีจึงเริ่มดำเนินการใช้จ่ายเงินเพื่อการ "เปิบมหาพิสาดาร" ของตัวเองโดยจ่ายเงินสองแสนแรก
สร้างห้องอาบน้ำประดับประดาไปด้วยแก้วผลึก จัดสร้างบัลลังก์สำหรับนั่ง ถาดใส่อาหาร ตั่งสำหรับวางอาหาร
และมณฑปที่ตกแต่งประตูหน้าต่างอย่างวิจิตรงดงามด้วยเงินหลายแสนบาท แล้วจ่ายเงินจำนวนพัน
สำหรับอาหารแต่ละมื้อ


ด้วยเงินหลายแสนบาท !!!

เมืองพาราณาสี ในอดีตกาล ใช้ค่าเงินบาท !!!

ใครจะไปรู้ ประเทศสารขัณฑ์ ในอดีตกาลอาจใช้เงินยูโร !!!

แซวเล่นขำ ๆ น่ะครับ พอดีเจอระหว่างกำลังอ่าน เห็นแล้วตลกดี

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
คำค้น: นิทาน เรื่องสั้น ธรรมะบันดาลใจ เครือสถาพรบุ๊คส์ 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.368 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 04 เมษายน 2567 09:59:57