[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
26 เมษายน 2567 13:28:53 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สบู่จากความสะอาดสู่ความงามแห่งผิวพรรณ  (อ่าน 1594 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2325


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0 MS Internet Explorer 9.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 06 มกราคม 2559 14:19:36 »

.

สบู่จากความสะอาดสู่ความงามแห่งผิวพรรณ


สบู่ในยุคแรกทีไว้เพื่อการซักล้าง.
 
ของใกล้ตัวที่ทุกบ้านล้วนมีกัน ทุกคนต้องใช้ในชีวิตประจำวัน แต่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ความเป็นมาของสิ่งนี้กันนัก นั่นก็คือ “สบู่”
 
เริ่มด้วยคำว่า “สบู่” ในภาษาไทย เป็นคำที่แปลงมาจากคำว่า “soap” ในภาษาอังกฤษ ซึ่งมาจากคำในภาษาละตินว่า “sapo” ที่หมายถึงสบู่เช่นกัน ในทางเคมี สบู่เป็นผลผลิตที่ได้จากปฏิกิริยาไฮโดรไลซิสของไขมันในตัวกลางที่เป็นด่างหรือปฏิกิริยาที่เรียกว่า Saponification หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าไขมันเจอกับด่างที่เป็นสารละลาย โซเดียม ไฮดรอกไซด์ (NaOH เรียกกันทั่วไปว่า โซดาไฟ) หรือโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ (KOH) หรือน้ำขี้เถ้าก็จะกลายร่างเป็นสบู่ได้ทั้งสิ้น
 
สบู่นั้นเกิดขึ้นมาตั้งแต่อารยธรรมยุคแรกๆ ของมนุษย์เราเลยทีเดียว คือตั้งแต่สมัยบาบิโลน เมื่อราว 2,800 ปีก่อนคริสตกาล ทั้งนี้ก็เพราะมีการขุดพบไหใบหนึ่งซึ่งภายในมีเศษวัตถุที่มีส่วนประกอบของไขมันสัตว์ผสมกับขี้เถ้าไม้ เชื่อกันว่าการทำวัตถุที่ว่าขึ้นมาในยุคแรกๆ นั้น ไม่น่าจะทำเพื่อการใช้ทำความสะอาดร่างกาย แต่สันนิษฐานว่าสำหรับใช้ทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้มากกว่า ในยุคต่อมาชาวฮีบรูก็ทำวัตถุคล้ายกันนั้นมาใช้เพื่อการซักล้างด้วย
 
ราวศตวรรษที่ 2 ชาวกรีกเริ่มรู้จักใช้สบู่เพื่อการรักษาโรคและทำความสะอาดร่างกาย ต่อเนื่องไปจนถึงยุคโรมันเรืองอำนาจ เชื่อกันว่ายุคนั้นชาวโรมันทำสบู่ขึ้นมาใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะชาวโรมันนิยมอาบน้ำกันอย่างยิ่ง แต่หลังจากสิ้นยุคโรมัน สบู่ก็เหมือนกับจะหายไปจากยุโรป ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคระบาดขึ้นในยุโรปหลายต่อหลายครั้ง เพราะการเป็นอยู่ที่สกปรกของผู้คนนั่นเอง

 

สบู่ อยู่เคียงคู่กับสตรีมาอย่างยาวนาน.
 
ในศตวรรษที่ 7 มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าการผลิตสบู่เกิดขึ้นอีกครั้งในสเปนและอิตาลี โดยทำจากไขมันแพะผสมกับขี้เถ้าจากไม้บีช และในช่วงเวลาใกล้เคียงกันที่ฝรั่งเศสก็เริ่มทำสบู่จากน้ำมันมะกอก และหลังจากนั้นจึงเริ่มมีการผสมส่วนประกอบอื่นๆ เข้าไปเพื่อให้มีกลิ่นหอมขึ้นมา สำหรับใช้เพื่อการชำระล้างร่างกาย ว่ากันว่าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 สั่งตัดคอคนทำสบู่ไปถึงสามคน เนื่องจากสบู่ของพวกเขาทำให้พระฉวีเกิดอาการแพ้ขึ้นมา
 
ที่ตะวันออกกลางมีหลักฐานเป็นเอกสารที่บอกให้ทราบว่า ที่นั่นมีการผลิตสบู่ออกมาใช้กันแล้วตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 และสบู่กลายเป็นสินค้าที่สำคัญในศตวรรษต่อมา แหล่งผลิตสำคัญอยู่ที่เมืองนาบลัส (Nablus แถบเวสต์แบงก์ ของปาเลสไตน์), ดามาสคัส (Damascus) และอัลเลปโป (Aleppo) ประเทศซีเรีย ซึ่งสบู่ที่ผลิตที่เมืองนี้มีเอกลักษณ์พิเศษ คือ จะใช้ส่วนผสมของน้ำมันมะกอกกับน้ำมันจากใบ Laurel ที่ให้กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นสินค้าสัญลักษณ์เด่นของเมืองและสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำมาจนถึงทุกวันนี้
 
ไปที่ประเทศอังกฤษบ้าง เมืองผู้ดีเริ่มทำสบู่ขึ้นมาใช้เองราวศตวรรษที่ 12 เช่นกัน และในปี ค.ศ.1633 พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 ทรงพระราชทานสิทธิ์ในการทำสบู่แต่เพียงผู้เดียวแก่สมาคมผู้ผลิตสบู่แห่งเวสต์มินสเตอร์ (Society of Soapmakers of Westminster) ซึ่งทำมาจากส่วนผสมของกรดไขมันจากพืชหรือสัตว์กับด่างที่ทำจากโพแทสเซียม ไฮดรอกไซด์ หรือ โซเดียม ไฮดรอกไซด์ แสดงให้เห็นว่ายุคนั้นการใช้สบู่ที่อังกฤษเป็นที่นิยมและแพร่หลายมากแล้ว การใช้สบู่ที่อังกฤษเพิ่มมากขึ้นอีกในยุคของควีนเอลิซเบธที่ 1 ว่ากันว่าสมัยนั้นการใช้สบู่ของชาวเมืองผู้ดีใช้สบู่กันมากกว่าชาติใดๆ ในทวีปยุโรปทั้งหมด
 
ส่วนสบู่อย่างที่เราใช้กันในปัจจุบันนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาสงครามโลกครั้งที่ 1 ความต้องการใช้สบู่เพื่อทำความสะอาดบาดแผลและซักล้างสิ่งสกปรกต่างๆ พุ่งขึ้นสูงมาก ขณะที่ส่วนผสมต่างๆ เพื่อทำสบู่กลับขาดแคลน นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันจึงคิดค้นสบู่ที่มีส่วนผสมใหม่ขึ้นมาจากสารสังเคราะห์ต่างๆ หลายชนิด ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของ detergent หรือผงซักฟอกที่ใช้กันในปัจจุบันนี้ด้วย ถ้าจะกล่าวให้ถูกต้องแล้ว สบู่แบบที่ใช้กันในปัจจุบันนี้ควรจะเรียกเป็นสารชำระล้างร่างกาย ไม่ใช่สบู่ เพราะส่วนผสมต่างกันมากเมื่อเทียบกับ soap หรือสบู่ในยุคก่อนหน้านั้น

 

ในโรงอาบน้ำของชาวโรมัน มีการใช้สบู่กันอย่างแพร่หลาย.
 
ส่วนกระบวนการผลิตที่ทันสมัยเกิดขึ้นที่สหรัฐฯ หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 หลังจากผู้ผลิตรายใหญ่รายหนึ่งได้พัฒนากระบวนการผลิตจากเดิมที่ต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์แต่ละลอต เป็นเหลือเวลาเพียงวันเดียว
 
นอกจากนั้นยังมีผู้ผลิตรายใหญ่อีกรายหนึ่งในสหรัฐฯ ที่สร้างตำนานของสบู่คุณภาพขึ้นมาในปี ค.ศ.1925 โดยเน้นความหอมติดผิวและราคาไม่แพง ในชื่อที่บอกออกมาคนยุคนี้ก็ต้องร้อง “อ๋อ” นั่นก็คือ LUX ที่หมายถึงแสงสว่างในภาษาละติน บวกกับความหรูหราแบบ Luxury ของสบู่คุณภาพสูงมาตรฐานฝรั่งเศส จนกลายเป็นที่นิยมของผู้หญิงทั่วอเมริกา ในฐานะ “สบู่เพื่อความงามแห่งผิวพรรณ” และสร้างความนิยมข้ามทวีปไปที่ประเทศอังกฤษในปี 1928 จากนั้นขยายต่อไปในทุกทวีปครอบคลุมกว่า 100 ประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยด้วย และยังมี “ลักส์ สตาร์” ซึ่งก็คือดาราภาพยนตร์ระดับซุปเปอร์สตาร์ที่หลงใหลในเสน่ห์ของสบู่ยี่ห้อนี้กว่า 400 คนจากทั่วโลก อาทิ มาริลีน มอนโร, ออเดรย์ เฮปเบิร์น, เกรซ เคลลี ที่สร้างและส่งต่อแรงบันดาลใจให้เหล่าลักส์ สตาร์ และสาวๆ ทั่วโลกเป็นเจ้าของผิวหอมนุ่มเกินห้ามใจที่เริ่มตั้งแต่การอาบน้ำมายาวนานถึง 90 ปี จนขึ้นแท่นเป็นสบู่ที่ขายดีอันดับหนึ่ง คือราว 12 ล้านก้อนต่อวัน!
 
ทุกวันนี้เมื่อเดินไปดูตามชั้นวางขายสบู่ จะพบว่ามีสบู่จำนวนมากวางขายอยู่ ทั้งแบบก้อนและแบบเหลว ซึ่งสบู่บางแบบก็มีส่วนผสมหรือกลิ่นหอมบางชนิดเพื่อผลเฉพาะอย่างที่มากกว่าแค่ทำความสะอาดผิวกายหรือผิวหน้าเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นครีมบำรุงผิว น้ำผึ้ง สมุนไพรหลากชนิด ฯลฯ แต่ส่วนประกอบหลักที่สำคัญที่ขาดไม่ได้ก็คือ น้ำหอมหรือน้ำมันชนิดต่างๆที่นำมาผสม แล้วสบู่ที่มีส่วนผสมต่างชนิดกันจะมีคุณประโยชน์ต่างกันอย่างไร?
 
ผมมีข้อมูลย่อๆ ที่สามารถนำไปประกอบการตัดสินใจซื้อสบู่มาให้ดูกันครับ



ปัจจุบันมีการผสมสิ่งที่มีประโยชน์ต่อผิวหรือกลิ่นหอมเพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับสบู่.

น้ำหอมกลิ่นกุหลาบฝรั่งเศส ที่สกัดจากกลิ่นหอมหวานของกุหลาบเข้มข้น ผสานวัตถุดิบจากธรรมชาติกว่า 20 ชนิดที่ช่วยให้กลิ่นหอมติดผิวยาวนาน ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย แก้อาการวิตกกังวล เหนื่อยล้า และช่วยสร้างความรู้สึกประทับใจให้กับผู้คนที่ได้อยู่ใกล้ชิดและสัมผัสผิว
 
น้ำหอมกลิ่นดอกมะลิ หอมหวาน นุ่มนวล ละมุนละไม ช่วยให้รู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย จิตใจปลอดโปร่ง ช่วยลดอาการซึมเศร้า และช่วยเพิ่มความมั่นใจ
 
น้ำหอมกลิ่นดอกกล้วยไม้ กลิ่นหอมที่นุ่มนวลเป็นธรรมชาติช่วยให้ระบบประสาทได้ผ่อนคลายจากความเครียดสะสม คืนความสดชื่นมีชีวิตชีวาแก่ผู้ใช้
 
น้ำมันหอมสกัดจากต้นสน มีคุณสมบัติช่วยฆ่าเชื้อที่สะสมตามผิวหนัง จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีสิวหรือมีการอักเสบตามผิวหนัง นอกจากนั้นกลิ่นหอมสดชื่นเป็นธรรมชาติของมันยังช่วยทำให้ผ่อนคลาย และบรรเทาอาการสำหรับผู้มีปัญหาระบบทางเดินหายใจและไซนัสอักเสบ

 

มาริลีน มอนโร ในโฆษณาสบู่.
 
น้ำมันอัลมอนด์ มีประโยชน์มหาศาลเมื่อนำมาผสมกับสบู่ เช่น ลดริ้วรอย ลดจุดด่างดำบนผิวหนัง ขจัดสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ทำให้ผิวขาวใสขึ้น ฯลฯ
 
เกลือแร่ธรรมชาติ เหมาะมากสำหรับผู้มีผิวแห้งและผิวที่ขาดการดูแลรักษา เพราะเกลือแร่จะช่วยเติมแร่ธาตุต่างๆที่จำเป็นต่อผิวให้ผู้ใช้ และยังคืนความชุ่มชื้นใหม่แก่ผิวด้วย
 
สาหร่ายทะเล มีคุณสมบัติช่วยดูแลผิวพรรณได้เป็นอย่างดี เพราะวิตามินนานาชนิดในนั้นจะช่วยขจัดเซลล์ที่ตายแล้วออก เผยให้เห็นผิวใหม่ที่ดูอ่อนเยาว์กว่าเดิม และช่วยขจัดสิ่งอุดตันตามรูขุมขนต่างๆ ได้ดี
 
น้ำผึ้ง คืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ว่ากันว่าสูตรลับของคลีโอพัตราไม่ใช่การอาบน้ำนมเท่านั้น แต่เป็นน้ำนมผสมน้ำผึ้งด้วย

 

หน้าตาผลิตภัณฑ์สบู่ในอดีต.

น้ำมันรำข้าว ให้วิตามินอีมาก ทำให้สบู่มีความชุ่มชื้น บำรุงผิว ช่วยลดความแห้งของผิว
 
น้ำมันงา เป็นน้ำมันที่ให้วิตามินอี และให้ความชุ่มชื้น รักษาผิว แต่มีกลิ่นเฉพาะตัวที่หลายคนอาจไม่ชอบ
 
เพียงแค่อ่านส่วนประกอบที่ฉลากก่อนซื้อ เปรียบเทียบดูสักนิด จะช่วยให้เลือกหาสบู่ที่เหมาะกับตนเองได้มากยิ่งขึ้น ของดีที่ไม่ต้องจ่ายแพงมีให้เลือกซื้ออยู่มากมาย สามารถช่วยประหยัดรายจ่ายไปได้อีกส่วนหนึ่งครับ.


โดย : ณัฐพล เดชขจร
ทีมงานนิตยสาร ต่วย'ตูน
 

 

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.422 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 23 มกราคม 2567 09:07:07