[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 15:47:49 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ทุกขเวทนาของพระอรหันต์เจ้า  (อ่าน 1974 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.13 Firefox 3.6.13


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 27 กุมภาพันธ์ 2554 18:00:51 »



http://i424.photobucket.com/albums/pp326/weerayut2529/pic_no_138_JamADSC00003.jpg
ทุกขเวทนาของพระอรหันต์เจ้า


ทุกขเวทนาของพระอรหันต์เจ้า
ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่จาม มหาปุญโญ
หน้าที่ ๑๔ กระทู้ที่ ๒๗๕

ทุกขเวทนาของพระอรหันต์เจ้า
ถาม : หลวงปู่ครับ ท่านผู้ได้อรหันตภูมิ เมื่อแก่ชรา เมื่ออาพาธเจ็บป่วย หรือเมื่อมีทุกขเวทนาอย่างที่คนทั่วไปได้รับอยู่นั้น ของท่านจะเป็นอย่างใดครับ ?
ตอบ : ก็ไม่เป็นไร ทุกข์บ้างสุขบ้างไปตามเรื่อง
ทุกข์ทางกาย (กายิกทุกข์) ก็มีบ้างเป็นคราวๆ ไป คือทุกข์เพราะยังอยู่ยังมีรูปกาย เป็นเครื่องรองรับทุกข์ แปลว่า เวทนากายยังเป็นอยู่
แต่ท่านได้สุขจากการพิจารณาธรรมดา คือ เกิด – แก่ – เจ็บป่วย – เป็นอยู่หรือมรณานุสสติ
แต่ทุกข์ในทางใน คือ จิตใจ ท่านไม่มี ไม่เสวย
แปลว่าจิตใจไม่เป็นที่ตั้งของทุกข์ประการใดๆ
กายป่วยจิตไม่ป่วย กายทุกข์จิตไม่ทุกข์ กายทรุดโทรมจิตไม่ทรุดโทรม กายคือรูปก็เป็นธรรมดาธรรมชาติตามยถา เป็นไปตามเรื่องของทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ส่วนจิตใจอันเป็นธรรมะแล้วนั้นก็เป็นธรรมคงธรรม ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นอนิจจัง เป็นธรรมไป ตามยถาของธรรม

ถาม : เข้าใจแล้วครับกระผม
แล้วในเมื่อยังต้องค้างอยู่กับทุกข์ทางกายนี้อยู่ เหตุใดจึงไม่ปรินิพพานเสียหล่ะ
ตอบ : นักโทษเมื่ออยู่ในคุก ก็รู้ว่าทุกข์ทรมาน แต่ทำไมหนีจากคุกไม่ได้ ทำไมไม่ออกจากคุกหนีไปเสียหละ
ก็อายุโทษยังไม่หมดมิใช่หรือ
นี่ก็เช่นกัน อายุยังไม่สิ้น ก็สืบอายุไป เลี้ยงชีวิตไป ทำหน้าที่ของท่านไป ไม่มีเร่งรัดเวลาใดๆ ไม่อยากพ้นทุกข์
ไม่อยากพ้นมรณะ ไม่มีรักไม่มีชังในสภาพเป็นอยู่และเป็นไป มีสติมั่นรู้รอคอยกาลเวลาอยู่ มรณะมาถึงวันใดก็วันนั้น
ทุกข์ก็เรื่องของทุกข์ สุขก็เรื่องของสุข ไม่อินังขังขอบอันใด ไม่เหมือนเรามัวเมาแต่คิดทุกข์คิดยาก เอาตนเพื่อคนนั้นคนนี้


http://i424.photobucket.com/albums/pp326/weerayut2529/pic_no_786_zjrm_rs2_604.jpg
ทุกขเวทนาของพระอรหันต์เจ้า
             

ถาม : ภาระเรื่องขันธ์อาการ ๕ ต้องต่างก็รับของตัวไว้อย่างนั้นหรือ ?
ตอบ : ใช่...อย่างนั้น ร้อน หนาว หิว กระหาย ปวดหนัก ปวดเบา เจ็บนั่นนี้ บริหารอิริยาบถน้อยใหญ่ ไปมา ก็ยังมีอยู่
พยาธิทุกข์ก็ยังมีอยู่ แต่ท่านรู้หน้าตาของเวทนาว่า เวทนากล้านักๆ, อาพาธคราวนี้หนักหนาจริง, เวทนามันรุนแรงอย่างนี้หรือ
นี่ท่านรู้ที่จะพิจารณาอย่างนี้ แต่จิตใจของท่านไม่กระวนกระวายตามอาการของกายไม่ทุกข์ไปด้วย
ให้พิจารณาดูเถิดว่า แม้ตัวเราได้แต่รูปกาย รู้แต่รูปกายเท่านี้ก็ยังแบกภาระอันหนักเอาไว้ วันๆใช้รูปกายอันนี้อย่างหนัก

เพื่อให้กายนี้คงอยู่ได้ปัจจัยมาบำรุงบำเรอ เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าสุดประมาณก็ยินยอมบางพวกก็บาปใหญ่เข้าให้อีก
มิหนำซ้ำได้โรคภัยไข้หนาวอื่นๆ อีกเป็นสิบเป็นร้อยอาการแก้ไขเยียวยาไปตามเรื่อง ทุเลาบ้างไม่หายบ้าง
นี่คือ ขันธภาระ เป็นภาระของทุกข์ทางกาย ผู้ยังเป็นปุถุชนก็หนักหนาสาหัสเป็นตายอยู่เท่าๆ กัน แล้วยังต้องหาบหาม
กิเลสภาระ ที่เกี่ยวด้วย เวทนา สัญญาสังขารวิญญาณเข้าอีก เป็นอยู่กับจิตนั่นหล่ะ คือให้ทุกข์ ให้เดือดร้อน เมาทุกข์เมาโลกไปเรื่อย

สมกับพระพุทธพจน์ที่ว่า “ขันธ์ ๕ เป็นภาระอันหนัก แต่จำต้องนำภาระนี้ไป การต้องทำภาระนี้เป็นทุกข์อย่างยิ่ง
การปลงภาระนี้เสียได้เป็นสุข ครั้นปลงภาระอันหนักนี้ได้แล้ว ไม่ยึดภาระอันอื่นอีก ถอนตัณหาพร้อมมูลรากได้แล้ว
เป็นผู้หมดความอยาก เป็นผู้ดับสนิท”

ถาม : หมายความว่า ขันธ์คงขันธ์, ธรรมคงธรรม เช่นนั้นหรือครับ ?
ตอบ : ถูกแล้ว พระอรหันต์ท่านเป็นอย่างนั้น

ถาม : คำว่า คงธรรมคงขันธ์ หมายความว่าอย่างไร ขอหลวงปู่อธิบายให้ฟัง
ตอบ : คงที่คงธรรมก็หมดเรื่องว่าอีกต่อไปแล้ว จะให้อธิบายอะไรอีกเล่า
เหมือนกับแม่ครัวเขาทำอยู่ทำกิน ต้มยำทำแกง ใส่ลงไปในหม้อเดียวกัน
รสชาติทุกรสมีทุกรสของมัน เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เผ็ด จืด ต่างก็บอกลักษณะเอาไว้
จะมาแยกรสชาติให้เสียไปทำไมอีก หล่ะ นี่ก็เหมือนกันเป็นธรรมอันบริสุทธิ์ หมดอาการแล้วไม่มีไปไม่มีมา
ไม่มีใครแยกความหวานออกจากน้ำตาลให้เมื่อยโดยเปล่าหรอก
ถาม : กราบขอบพระคุณครับหลวงปู่ แจ่มแจ้งแล้วครับ
ตอบ : เออ..ต้องอย่างนั้น



ขอบพระคุณที่มาบทความ : หนังสือมหาปุญโญวาท 6
พิมพ์ถวายวัดป่าวิเวกวัฒนาราม ( วัดหลวงปู่จาม )
บ้านห้วยทราย คำชะอี จ.มุกดาหาร โดยสำนักพิมพ์มติชน




รวบรวมข้อมูลนำมาแบ่งปันโดย : VANCO (เต้)
http://board.palungjit.com/f63/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%97%E0%B8%B2-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A1-%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B9%82%E0%B8%8D-223113-14.html

Pics by : Google
ใต้ร่มธรรมดอทเน็ต * อกาลิโกโฮม
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น: คติธรรม คำสอน โอวาทธรรม 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.391 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 14 มีนาคม 2567 17:27:22