[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
25 เมษายน 2567 11:20:44 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ ณ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จังหวัดลพบุรี  (อ่าน 2844 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5458


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0 MS Internet Explorer 9.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2559 15:56:12 »





มวลชนหลั่งไหลเข้าไปใน "วังนารายณ์" หรือพระนารายณ์ราชนิเวศน์
เพื่อร่วมงาน "แผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์" ของค่ำคืนวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
(งานสิ้นสุดวันที่ ๒๑ คนยังเนืองแน่นขนาดนี้ ไม่ทราบว่าวันแรกๆ คนจะมากกว่านี้สักแค่ไหน?)

"งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์"  
ณ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จังหวัดลพบุรี

งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ เป็นงานที่สร้างชื่อเสียงให้กับชาวลพบุรีเป็นอย่างมาก เนื่องจากความเป็นเอกลักษณ์ของงาน คือ การแต่งกายชุดไทย อันเป็นวัฒนธรรมประจำชาติไทย ที่มีความอ่อนช้อยงดงาม

วัตถุประสงค์หลักของการจัดงาน คือเทิดพระเกียรติและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณขององค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระมหากษัตราธิราชผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ทรงสร้างความเจริญให้กับเมืองลพบุรี

สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์เดียวที่ประทับที่จังหวัดลพบุรียาวนานกว่ากษัตริย์พระองค์ใดในประวัติศาสตร์...พระองค์เสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จังหวัดลพบุรี เมื่อ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๒๓๑ ตลอดรัชสมัยทรงทำนุบำรุงบ้านเมือง การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม การติดต่อค้าขายและสร้างความสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศ ถือเป็นยุคทองของกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย

ในปี พ.ศ.๒๕๕๙ จังหวัดลพบุรี กำหนดให้มีการจัดงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ขึ้นในระหว่างวันที่ ๑๓-๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ณ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จังหวัดลพบุรี การจัดงานในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เนื่องจากเป็นเดือนพระราชสมภพของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช  

รูปแบบของงานมีจำลองเหตุการณ์ในครั้งประวัติศาสตร์  มีขบวนแห่ของชาติต่างๆ ที่เข้ามาเจริญพระราชไมตรีและเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร มีการจุดประทีปโคมไฟให้เหมือนราตรีแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชในอดีต มีการแสดงนาฏศิลป์ การแต่งโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน และคำประพันธ์ต่างๆ  มีร้านจำหน่ายและสาธิตสินค้า ตลอดจนขนมหวานในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ เช่น ขนมทองพลุ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เป็นต้น

ก่อนจะมาเป็นงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์นั้น ชาวลพบุรีเคยมีงานประเพณีอยู่อย่างหนึ่ง คือ "งานในวัง" ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๑ เพื่อจัดหารายได้นำไปก่อสร้างอนุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ในสมัย จอมพล ป.พิบูลสงคราม ซึ่งมีดำริให้สร้างอนุสาวรีย์ในราวปี พ.ศ.๒๕๐๐ ต่อมาได้มีการวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๐๕ และดำเนินการก่อสร้างจนเสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์

งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เกิดขึ้นจากแนวคิดของชมรมอนุรักษ์โบราณวัตถุสถานและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลพบุรี กับนายเชาวน์วัศ สุดลาภา ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีในขณะนั้น ที่จะพัฒนาเมืองลพบุรีให้เป็นเมืองท่องเที่ยว เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนารายณ์มหาราชผู้ทรงสร้างเมืองลพบุรีให้เจริญรุ่งเรือง การจัดงานครั้งแรก ตั้งชื่องานว่า "นารายณ์รำลึก" ต่อมาเปลี่ยนเป็นชื่อ "งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์" โดยจัดงานครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๗-๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๒๒ ซึ่งเดิมแล้วมีกำหนดจัดงานในวันที่ ๒๑-๒๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๒๑ แต่เกิดวิกฤตการณ์น้ำท่วมใหญ่ในจังหวัดลพบุรี จึงต้องเลื่อนมาเป็นวันที่ ๑๗-๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๒๒ แทน



ชมภาพ งานประจำปีที่ยิ่งใหญ่
...ชาวลพบุรีพร้อมใจ แต่งไทยทั้งเมือง...



เจ้าคนขวามือ หลายท่านคงรู้สึกคุ้นๆ...
















.

จุดเที่ยวชมอีกแห่งหนึ่ง บริเวณเทวสถานปรางค์แขก PRANG KHEAK 
(ศาสนสถานในศาสนาพราหมณ์– ฮินดู)
อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๕ (พ.ศ.๑๔๒๕ - ๑๔๓๖)
ตั้งอยู่ระหว่างพระนารายณ์ราชนิเวศน์กับบ้านวิชาเยนทร์
ก่อนการบูรณะ ก่อสร้างด้วยอิฐ  ระหว่างอิฐแต่ละก้อนจะสอเชื่อมด้วยยางไม้
บริเวณนี้ จัดให้มีเวทีแสดงดนตรี โดยนักดนตรีแต่งกายพื้นเมืองล้านนา
ไม้ดอกไม้ประดับ เป็นประเภทไม้เมืองหนาว ทุ่มงบประมาณไปหลายล้านบาท
จัดได้สวยงามมาก สูสีกับไม้ดอกไม้ประดับของ จ.เชียงรายที่จัดเมื่อเดือนธันวาคม-มกราคมที่ผ่านมา













เจ้าเสื้อสีฟ้านี่น่าเห็นใจ...เกิดมาชาตินี้แสนจะเหน็ดเหนื่อย เที่ยวจนผ่ายผอม...
เฉพาะงานนี้...ปีนี้... ขับรถมาเที่ยวงานนี้ (ไป-กลับ) รวมแล้ว 3 วัน












Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 กุมภาพันธ์ 2559 15:40:10 โดย กิมเล้ง » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5458


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0 MS Internet Explorer 9.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 24 กุมภาพันธ์ 2559 14:45:20 »



ท่านนี้ สวมบท "สมเด็จพระนารายณ์ฯ"














ตำรวจรักษาความสงบเรียบร้อยแต่งกายย้อนยุค
เข้ากับบรรยากาศของงาน









นาฏศิลป์ "งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์"
ประจำปี ๒๕๕๙ ณ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ ช่วงเวลากลางวัน


การแสดงศิลปะการร่ายรำ พระนารายณ์ 10 ปาง
ตามความเชื่อของชาวฮินดู ว่า พระศิวะ หรือ พระนารายณ์ มีอวตารที่สำคัญอยู่ 10 ปาง ได้แก่
 ปางที่ 1 วราหาวตาร (อวตารเป็นหมูเผือกเขี้ยวเพชร)
ปางที่ 2 กูรมาวตาร (อวตารเป็นเต่าทอง)
ปางที่ 3 มัตสยาวตาร (อวตารเป็นปลากรายทอง)
ปางที่ 4 นรสิงหาวตาร (อวตารเป็นครึ่งสิงห์)
ปางที่ 5 วามนาวตาร หรือ ทวิชาวตาร (อวตารเป็นพราหมณ์เตี้ย)
ปางที่ 6 มหิงสาวตาร (อวตารเป็นมหิงสา หรือควาย)
ปางที่ 7 อัปสราวตาร (อวตารเป็นนางฟ้า)
ปางที่ 8 รามาวตาร (อวตารเป็นมนุษย์ชื่อพระราม)
ปางที่ 9 กฤษณาวตาร (อวตารเป็นพระกฤษณะ)
ปางที่ 10 กัลกยาวตาร (อวตารเป็นมนุษย์เรียกว่า วีรบุรุษขี่ม้าขาว)































Mckaforce เจ้าของเว็บไซต์ เป็นผู้ถ่ายภาพ
...แกสัก "ยันต์" ไว้เรียบร้อยแล้ว ที่มุมขวามือด้านล่างของภาพ
ภาพสวยๆ ทั้งนั้น ขโมยมาเผยแพร่เล็กน้อย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 มีนาคม 2559 18:20:16 โดย กิมเล้ง » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5458


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 02 มีนาคม 2559 18:37:37 »

.



มีอะไร?
ใน
แผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

ประวัติศาสตร์เมื่อ ๓๐๐ กว่าปีมาแล้ว

โดย พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก

ผู้เขียนเคยเป็นเด็กเรียนอนุบาลและประถม ณ เมืองละโว้ ทราบว่าจะมีงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ระหว่าง ๑๓-๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ที่วังพระนารายณ์ราชนิเวศน์ เมืองลพบุรี เลยนึกสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้นในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์

ค้นไปค้นมา จึงไปพบผลงานจากหนังสือ ความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส สมัยอยุธยา ของ ผศ.พลับพลึง มูลศิลป์ เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๓ ที่น่าทึ่ง น่าปลื้มมาก เลยขอนำข้อมูลบางส่วนและค้นคว้าเพิ่มเติมมาตีแผ่ครับ

สมเด็จพระนารายณ์เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อ ๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๑๙๙ ขณะมีพระชนม์เพียง ๒๕ พรรษา

ชาวต่างชาติทุกสำนักบันทึกตำนานช่วงนี้ไว้ตรงกัน ชื่นชมอยุธยาในยุคสมเด็จพระนารายณ์ว่า รุ่งเรือง เจิดจรัส โดดเด่นเรื่องกิจการงานต่างประเทศ มีชาวต่างประเทศมากกว่า ๑๐ ชาติเข้ามาติดต่อการค้าขาย เผยแผ่ศาสนา บ้านเมืองคึกคัก มีการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

นายนิโคลาส แชร์แวส ชาวฝรั่งเศส บรรยายในหนังสือเมื่อ ๓๐๐ กว่าปีที่แล้วว่า สมเด็จพระนารายณ์ฯ พระองค์ทรงมีรูปร่างสันทัด พระพักตร์ยาว พระฉวีสีคล้ำ ดวงพระเนตรแจ่มใสเป็นประกาย พระวรกายโดยรวมมีลักษณะท่าทีของผู้ยิ่งใหญ่ สง่างาม พระอัธยาศัยอ่อนโยน

เหตุผลประการหนึ่งที่ทำให้ชาวตะวันตกดิ้นรน เสี่ยงชีวิตแล่นเรือข้ามทะเลมาสำรวจดินแดนแถบเอเชีย คือการมาแสวงหา เครื่องเทศ พริกไทย เพื่อต้องการนำกลับไปใช้เก็บถนอมอาหารยามหน้าหนาว นำไปปรุงรสอาหาร นำไปเป็นส่วนผสมของยารักษาโรค

สำหรับคนไทย เรื่องเหล่านี้อาจจะฟังดูไร้สาระ ไม่น่าเชื่อ แต่เป็นเรื่องจริงครับ

ในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ พ่อค้า-บาทหลวงชาวยุโรปเขียนบันทึกไว้ว่า สยามเป็นแหล่งที่เหมาะสมสำหรับติดต่อค้าขาย เป็นแหล่งทำการค้าที่ใหญ่โต มีข้าวปลาธัญญาหารอุดมสมบูรณ์พอที่จะส่งไปขายที่มะนิลา ญี่ปุ่น มาเก๊า โคชินไชนา และมีท่าเรือที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับท่าเรื่ออื่นๆ นอกจากนี้ ยังมีพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงทศพิธราชธรรมปกครอง ทั้งมีแม่น้ำที่ดีที่สุดในย่านอินดีส


สินค้าสำคัญที่อยุธยาค้าขายกับสังคมโลกในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

สินค้าออก พริกไทย ข้าว หมาก น้ำผึ้ง รังนก ลูกจันทน์เทศ กระวาน กานพลู น้ำตาล ฝาง กฤษณา กะลำพัก ไม้ซุง แก่นคูน น้ำมันสน ยางสน ยาง รง ฝ้าย คราม ครั่ง หนังสัตว์ ปลากระเบน งาช้าง ช้าง ชะมดเชียง กำยาน ดีบุก ตะกั่ว ดินประสิว ทองแดง เหล็ก ขันลงหิน ทอง พลอย ผ้าไทยลาย

สินค้าเข้า สินค้าที่มาจากจีนและญี่ปุ่น คือ ไหมดิบ แพรหนังไก่ แพรต่วน แพรดอก แพรหลิน ผ้าโปร่ง เครื่องถ้วยชาม เครื่องเคลือบ เครื่องลายคราม เครื่องทองเหลือง เครื่องเหล็ก ปรอท ทองคำ ทองขาว ทองแดงแท่ง เงินเหรียญญี่ปุ่น

สินค้ามาจากเปอร์เซีย อินเดีย ชวา และมลายู คือ ผ้าฝ้าย ผ้าเยียรบับ การบูร น้ำหอม

สินค้าที่มาจากยุโรป เช่น ผ้าสักหลาด ผ้าขาว ผ้าลูกไม้ หมวก ถุงเท้า เครื่องแก้ว สุรา ปืนชนิดต่างๆ ดาบ กระบี่

ผู้เขียนขอเจาะกรณีของชนชาติฝรั่งเศสที่เข้ามามีบทบาทเด่นที่สุดในยุคสมัยสมเด็จพระนารายณ์ครับ

พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ของฝรั่งเศส ทรงมุ่งมั่นส่งราชทูต พ่อค้า วิศวกร ทหาร บาทหลวงมาอยุธยาหลายคณะ ครั้นเมื่อสมเด็จพระนารายณ์ทรงให้การต้อนรับอย่างดี จัดขบวนเรือรับราชทูตฝรั่งเศสเข้ามาในแม่น้ำเจ้าพระยาแบบสุดอลังการ ทรงซักถามประเด็นของคริสต์ศาสนาโดยละเอียด เลยทำให้บาทหลวงฝรั่งเศสถวายรายงานกลับไปปารีสว่า สมเด็จพระนารายณ์สนพระทัยในคริสต์ศาสนายิ่งนัก บ้างก็รายงานเกินเลยไปว่า พระนารายณ์ทรงมีไม้กางเขนแขวนในห้องบรรทม ซึ่งเลยเถิดเลยทุ่งไปเยอะ

เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ของฝรั่งเศส ทรงรับรายงานจากบาทหลวง จึงทรงทุ่มเทหมดหน้าตักเพื่อสร้างไมตรี พร้อมส่งเครื่องราชบรรณาการสูงค่ามาถวาย เพื่อโน้มน้าวให้กษัตริย์แห่งกรุงสยามเปลี่ยนมานับถือคริสต์ให้จงได้

การดำเนินวิเทโศบายของสมเด็จพระนารายณ์ ที่จะตอบรับหรือปฏิเสธการเข้ารีตหันไปนับถือคริสต์เป็นเรื่องพะอืดพะอมยิ่ง เพราะยุคนั้นพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสเป็นมหาอำนาจทางทหารในยุโรป ฝรั่งเศสกำลังเน้นการเผยแผ่ศาสนาไปทั่วโลก

สมเด็จพระนารายณ์ฯ มีที่ปรึกษาใกล้ชิดคนสำคัญและเป็นคนโปรดชื่อ คอนสแตนติน ฟอลคอน

ในที่สุด พระนารายณ์ทรงมอบให้ฟอลคอนเขียนจดหมายถึงพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ที่กรุงปารีส พระองค์ได้รับจดหมายเมื่อ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๒๒๘ มีเนื้อหาบางตอนที่นำมาถ่ายทอด ดังนี้ครับ

…..พระเจ้ากรุงสยาม นายของข้าพเจ้า ทรงยินดียิ่งนัก จนจะหาถ้อยคำที่จะแสดงความยินดีนั้นไม่ได้แล้ว แต่ทรงเสียพระทัยว่า การที่จะได้เป็นพระราชไมตรีกับพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส พระองค์ก็จะต้องปฏิบัติตามพระราชดำริของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ดังที่ท่านได้กราบทูลในจดหมายบันทึก กล่าวคือ ต้องให้พระองค์เข้ารีตถือศาสนาคริสเตียนนั้นเป็นการยากนักยากหนา เพราะการที่จะเปลี่ยนศาสนาอันได้นับถือและเชื่อถือกันมาถึง ๒,๒๒๙ ปีมาแล้วนั้น เป็นการยากอย่างยิ่ง…ขอให้พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสทรงดำริด้วยว่า ถ้าพระเจ้าผู้สร้างฟ้า สร้างดิน และสร้างสิงสาราสัตว์อันมีรูปพรรณสัณฐานและนิสัยต่างกัน จะประสงค์ให้มนุษย์ทั้งหลายได้นับถือศาสนาอย่างเดียวกันทุกคน และให้มนุษย์ทั้งหลายอยู่ในกฎหมายอันเดียวกันหมดแล้ว พระเจ้าคงทำให้เป็นเช่นนั้นได้ง่ายที่สุด แต่สิงสาราสัตว์ ต้นหมากรากไม้ และของทั้งปวง พระเจ้าก็ได้สร้างให้มีรูปพรรณและลักษณะต่างกันทั้งสิ้น…เพราะเหตุฉะนั้น พระเจ้ากรุงสยาม นายของข้าพเจ้า ทรงยอมให้พระเจ้าได้ตัดสินในเรื่องนี้ แล้วแต่พระเจ้าจะเห็นควรอย่างไร…ถึงแม้พระองค์จะไม่ทรงรับปฏิบัติตามพระราชดำริของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสก็จริงอยู่ แต่พระองค์ขอให้พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้เชื่อพระทัยว่า ถ้าพระเป็นเจ้าได้ให้พระเจ้ากรุงสยามมีพระชนมายุตราบใด พระราชไมตรีที่พระองค์ได้มีต่อพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสนั้น จะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอยู่ตราบนั้น…..


ลงชื่อ ซี ฟอลคอน

 

นี่คือบางส่วนของจดหมายเมื่อ ๓๓๑ ปีมาแล้ว ที่สมเด็จพระนารายณ์ให้คอนสแตนติน ฟอลคอน ขุนนางสยามเขียนไปถึงพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ เพื่อปฏิเสธคำชักชวนให้พระองค์เปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ ถ้อยคำสำนวนเป็นนักการทูตมืออาชีพเกินบรรยายครับ

นายฟอลคอน เป็นใคร มาจากไหน?

เดิมชื่อ คอนสแตนติน เยรากี (Constantine Hierachy) เกิดที่เกาะเซฟาโลเนีย ประเทศกรีซ พ่อเป็นชาวเวนีเซียน แม่เป็นคนในตระกูลผู้ดีเก่า ครอบครัวเป็นผู้มีอันจะกิน เมื่อการค้าขายเริ่มฝืดเคือง ฟอลคอนออกจากบ้านตอน ๑๐ ขวบเพื่อแสวงหาชีวิตใหม่ ทำงานบนเรือสินค้าอังกฤษใช้ชื่อใหม่ว่า คอนสแตนติน ฟอลคอน (Constantine Phaulcon) สั่งสมประสบการณ์การเดินทางในทะเลราว ๑๐ ปี เดินทางมาถึงอินเดียและเมืองบันตัม ฟอลคอนได้รับเงินรางวัลเป็นเงิน ๑ พันเอกิว เนื่องจากความกล้าหาญที่ช่วยให้โกดังบริษัทอีสต์อินเดียรอดพ้นจากไฟไหม้ ด้วยเงินก้อนนี้ เขาเดินทางต่อเข้ามาสยามทันที และเข้าไปหานายยอร์ช ไวท์ ชาวต่างชาติที่รับราชการเป็นผู้นำร่องเรือในอยุธยา ฟ้าลิขิตให้ฟอลคอนไปพบกับออกญาโกษาธิบดี (เหล็ก) เกิดถูกชะตา รับเข้าทำงานในกรมพระคลังสินค้าทันที เนื่องจากฟอลคอนเชี่ยวชาญการค้าทางทะเลระดับโลกมาโชกโชน

ฟอลคอนสามารถใช้ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส โปรตุเกส มลายู คุณสมบัติคับแก้วแบบนี้ ถือว่า ถูกที่ ถูกเวลา

เมื่อเข้ามาทำงานในอยุธยา ฝรั่งนายนี้หัดเรียนภาษาไทย พูดราชาศัพท์ได้อีกต่างหาก ทำงานคล่องแคล่ว รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมพ่อค้าแขกมัวร์ สยามอ่อนหัดเรื่องการค้ากับต่างประเทศ ฟอลคอนขยัน ทำงานจริงจัง รักษาผลประโยชน์ของสยามโดยเคร่งครัด ตรวจสอบบัญชีแบบเข้มงวด ผลงานที่โดดเด่นที่สุด คือ การพาคณะราชทูตสยามไปเปอร์เซียเพื่อสถาปนาการค้าเป็นผลสำเร็จ และเดินทางกลับมาถึงสยามโดยปลอดภัย

ฝีมือจัดจ้านแบบไร้เทียมทาน ฟอลคอนได้รับมอบให้ตรวจสอบบัญชีการค้าที่กลุ่มแขกมัวร์ (เปอร์เซีย) ที่ทำการค้าผูกขาดกับราชสำนักอยู่ก่อนแล้ว ผ่านไปไม่นาน เมื่อฟอลคอนทำงานเต็มพิกัด ผลปรากฏว่า การค้าขายสินค้าของสยามลืมตาอ้าปากได้ อยุธยามีกำไรเป็นสองเท่า ฟอลคอนได้รับมอบหมายให้สอบสวนเรื่องการจัดซื้อเครื่องราชบรรณาการที่พวกแขกมัวร์เรียกเงินเพิ่มจากสมเด็จพระนารายณ์ฯ ผลสุดท้าย ฟอลคอนพิสูจน์ได้ว่า พวกแขกมัวร์ต่างหากที่เป็นหนี้สมเด็จพระนารายณ์ฯ ถึง ๖ หมื่นเอกิว

ฟอลคอนได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นหลวงสุรสงคราม

ความดีความชอบของฟอลคอนแบบที่ไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน ส่งผลให้เติบโตพรวดพราด สมเด็จพระนารายณ์ฯ ทรงแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งพระคลัง แทนออกญาโกษาธิบดี (เหล็ก) ที่เสียชีวิต แต่ฟอลคอนไม่ขอรับตำแหน่ง เนื่องจากเกรงความริษยาของขุนนางทั้งหลายที่เขม่นชาวต่างชาติ ในที่สุดฟอลคอนยอมรับบรรดาศักดิ์ ออกพระฤทธิกำแหงภักดี ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยออกญาพระเสด็จ ซึ่งดำรงตำแหน่งพระคลังคนใหม่ที่ไม่สันทัดงานการค้าเลยแม้แต่น้อย

สมเด็จพระนารายณ์ โปรดเกล้าฯให้ฟอลคอนตามเสด็จไปทุกที่เพื่อถวายคำแนะนำด้านกิจการบริหารบ้านเมือง การสร้างป้อมปราการ การรบทัพจับศึกทางเรือ

ประวัติศาสตร์บันทึกว่า ฟอลคอน ซึ่งเป็นชาวต่างชาติได้รับโปรดเกล้าฯ จากสมเด็จพระนารายณ์ ให้ทำหน้าที่สมุหนายก ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดฝ่ายพลเรือน ในราชทินนาม ออกญาวิชาเยนทร์

ในช่วงปลายรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ เกิดกระแสต่อต้านชาวตะวันตกอย่างรุนแรงที่ถือว่า ชาวต่างชาติใช้อิทธิพลเกินเลยขอบเขต โดยเฉพาะกิจการด้านศาสนา ออกญาวิชาเยนทร์โดนคำสั่งของพระเพทราชาถึงโทษประหารชีวิตเมื่อ ๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๒๓๑ และมีคำสั่งให้จับกุม และขับไล่ชาวต่างชาติออกจากแผ่นดินสยาม ไม่คบค้ากับชาวตะวันตกอย่างสิ้นเชิง ยกเลิกการศึกษา การรักษาพยาบาล การศาสนา การก่อสร้างทั้งหมด

สยามกลับมาเปิดประตูพูดคุยคบหาชาวตะวันตกอีกครั้งในรัชสมัยในหลวง ร.๓

กลับมาดูเรื่องบ้านเมืองในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสให้การสนับสนุนในทุกมิติ

ความเจริญด้านศิลปกรรมในระหว่างที่พระองค์ประทับอยู่ที่อยุธยา ทรงได้รับทราบข้อมูลเรื่องความเจริญของฝรั่งเศสเป็นหลัก จากบรรดาบาทหลวงที่โปรดให้เข้าเฝ้าเสมอ พระองค์มีพระนิสัยสนพระทัยในวัฒนธรรมของชาติอื่นๆ โปรดปรานผู้ที่มีความรู้ในด้านวิทยาการต่างๆ ทูตฝรั่งเศสที่เดินทางเข้ามา รวมทั้งคณะทูตของสยามที่ส่งไปปารีส ล้วนเป็นแหล่งข้อมูลที่ทำให้พระองค์ตั้งพระทัยที่จะพัฒนาบ้านเมืองตามรูปแบบของฝรั่งเศส

เมื่อสมเด็จพระนารายณ์ ทรงดำริจะสร้างราชธานีสำรองที่เมืองลพบุรี บาทหลวงฝรั่งเศสชื่อโทมัส จึงนำแบบแปลนสิ่งก่อสร้างแบบต่างๆ จากยุโรปมาถวาย และรับอาสาเป็นแม่งานสร้างพระราชวังที่ลพบุรี เมื่อ พ.ศ.๒๒๐๘ เป็นผลให้พระที่นั่งในพระราชวัง ป้อม กำแพงเมือง และอาคารบริวารทั้งหลายออกมามีลักษณะผสมผสานระหว่างสยามกับยุโรป

เกิดระบบประปา ในยุคนั้น ฝรั่งเศสเรืองอำนาจ ร่ำรวย เป็นผู้นำในงานศิลปกรรม พระราชวังในฝรั่งเศสมีน้ำพุพุ่งขึ้นฟ้า สง่างาม เมืองละโว้นั้น แม่น้ำเจ้าพระยาไม่ได้ไหลผ่านโดยตรง ต้องขุดคลองไปบรรจบ ดึงน้ำเข้ามา

สมเด็จพระนารายณ์ฯ รับสั่งให้วิศวกรฝรั่งเศสสร้างที่กักน้ำไว้ เรียกว่า ห้วยซับเหล็ก เมื่อมีน้ำไหลมารวมพอเพียง ก็เปิดประตูให้น้ำมารวมในสระแก้ว ปล่อยน้ำไปตามท่อดินเผายาวราว ๔ กิโลเมตร ไปที่ถังจุขนาดใหญ่ในพระราชวัง แจกจ่ายน้ำไปทั่วเขตพระราชฐาน มีคูน้ำรอบพระราชฐาน ใสสะอาด มีน้ำพุ ๒๐ จุดพุ่งขึ้นฟ้าสวยงามตระการตา นับเป็นความมหัศจรรย์พันลึกสำหรับผู้คนชาวสยามยิ่งนัก ท่อประปาทำด้วยดินเผารอบพระราชฐานยังปรากฏร่องรอยให้เห็น

ด้านการทหาร ทูตฝรั่งเศสชื่อเดอโชมองต์ ขอถวายนายเดอ ลามาร์ (Mr.De Lamare) ซึ่งเป็นวิศวกรสร้างและบูรณะป้อมปืนที่บางกอก ที่ละโว้ พิษณุโลก มะริด และสงขลา โปรดเกล้าฯให้ นายฟอร์บังรับราชการในกองทัพสยาม และเป็นผู้ว่าราชการบางกอก สร้างป้อมแบบฝรั่งเศสเป็นรูปห้าเหลี่ยม ให้อำนาจนายฟอร์บังเรียกเกณฑ์ชายชาวสยาม ๒ พันนายเพื่อเข้ารับการฝึก จัดหน่วยเป็นกรมกอง ฝึกทำการรบแบบฝรั่งเศส ออกพระวิสูตรสุนทร ราชทูตสยามที่ไปดูงานฝรั่งเศสมาแล้ว เป็นผู้สนับสนุนงานทั้งปวง

ด้านการศึกษา สมเด็จพระนารายณ์ทรงตั้งมั่นที่จะให้คนสยามเรียนหนังสือ ต้องการให้มีโรงเรียนให้ได้ คนสยามอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ไม่เคยมีโรงเรียนมาก่อน พระราชทานที่ดินเพื่อให้บาทหลวงฝรั่งเศสสร้างโรงเรียนสามเณร บาทหลวงฝรั่งเศสแต่งไวยากรณ์และพจนานุกรมภาษาไทย และภาษาบาลี แปลหนังสือสวดมนต์เป็นภาษาไทย มีนักเรียนราว ๗๐๐ คน กิจการโรงเรียนก้าวหน้า ตั้งวิทยาลัยที่ตำบลมหาพราหมณ์ เรียนวิชาปรัชญาและเทววิทยา ถึงขนาดนักเรียนสยามพูดภาษาละติน ภาษาฝรั่งเศสโต้ตอบกับราชทูตฝรั่งเศสได้

สมเด็จพระนารายณ์พระราชทานที่ดินตั้งโรงเรียนคาทอลิก ให้บาทหลวงฝรั่งเศสที่ภูเก็ต ลพบุรี บางกอก พิษณุโลก และจันทบุรี ใช้หลักสูตรการเรียนการสอนแบบเดียวกับโรงเรียนในฝรั่งเศสทีเดียว เด็กสยามใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาที่ ๒ ได้คล่อง มีการสอนวิชาสามัญ คณิตศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และด้านการศาสนา เป็นปฐมบทด้านการศึกษาให้กับคนสยามแบบไม่ต้องลงทุนใดๆ

ช้างเผือกในสยามมีอยู่ทุกที่ เด็กสยามผู้เฉลียวฉลาดที่ชื่อ อันโตนิโอ ปินโต ที่พ่อเป็นชาวโปรตุเกส แม่เป็นชาวสยาม พูดภาษาละติน ภาษาฝรั่งเศส แสดงความสามารถโต้ตอบในวิชาเทววิทยากับทูตฝรั่งเศสได้อย่างฉาดฉาน ทูตฝรั่งเศสชอบใจยิ่งนัก จึงขอนายปินโตให้ลงเรือเดินทางไปกับคณะทูตฝรั่งเศส เมื่อไปถึง นายปินโตได้เรียนต่อในมหาวิทยาลัยซอร์บอน (Sorbonne) มหาวิทยาลัยเก่าแก่อันดับ ๒ ของโลก กลางกรุงปารีส จนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญา ต่อมาได้เข้าเฝ้าพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ ๑๑ คุยกันถูกคอ ถูกใจยิ่งนัก ท่านเอ่ยชมว่า นายปินโตมีความรู้ยอดเยี่ยม ถึงกับแต่งตั้งให้นายปินโตจากสยามเป็นบาทหลวงในขณะที่มีอายุเพียง ๒๒ ปี ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน

น่าทึ่งนะครับว่า ๓๐๐ กว่าปีมาแล้ว มีเด็กจากสยามเคยไปเรียนที่มหาวิทยาลัยซอร์บอน เพราะพื้นฐานการศึกษาในสยามที่ฝรั่งเศสมาก่อตั้ง

นี่เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของประวัติศาสตร์ เมื่อ ๓๐๐ กว่าปีมาแล้ว ที่อุบัติขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่มีค่าควรเรียนรู้ บอกต่อลูกหลานด้วยความปีติภาคภูมิ


ที่มา : มติชนรายวัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 มีนาคม 2559 18:42:58 โดย กิมเล้ง » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.397 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 26 มีนาคม 2567 05:58:18