30 เมษายน 2567 15:27:42
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
นั่งเล่นหลังสวน
สุขใจ จิบกาแฟ
.:::
พิซซ่าเป็นมากกว่าฟาสต์ฟู้ด
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: พิซซ่าเป็นมากกว่าฟาสต์ฟู้ด (อ่าน 1305 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 2327
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ
พิซซ่าเป็นมากกว่าฟาสต์ฟู้ด
«
เมื่อ:
29 มีนาคม 2559 19:28:04 »
Tweet
พิซซ่าเป็นมากกว่าฟาสต์ฟู้ด
พิซซ่าที่คนทั่วโลกรับประทานในปัจจุบันนี้ แต่เดิมไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาอย่างที่พวกเราเห็นกัน ซึ่งอาหารชนิดนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานย้อนไปถึงยุคกรีกคลาสสิก กำเนิดของพิซซ่ามาจากเหตุบังเอิญในการประกอบอาหาร เพราะพ่อครัวลืมนำขนมปังแผ่นกลมแบนออกจากเตาอบทำให้แป้งกรอบและมีกลิ่นหอม ชาวกรีกมักจะรับประทานขนมปังแบบนี้โดยฉีกเป็นชิ้น แล้วจิ้มกับน้ำมันมะกอกและเกลือ หลังจากนั้นการอบขนมปังแผ่นกลมแบนได้แพร่ไปยังตอนใต้ของคาบสมุทรอิตาลีและพัฒนามาเป็น ฟอคัคชา (
focaccia
) หรือชื่อในภาษาละตินว่า
panis focacius
นักประวัติศาสตร์ถือว่าฟอคัคชาเป็นบรรพบุรุษของพิซซ่า แม้กระนั้นชาวอีทรัสกันจนมาถึงชาวโรมันยังคงรับประทานฟอคัคชากับน้ำมันมะกอก แต่เพิ่มรสชาติด้วยเครื่องเทศ อาทิ ใบเบซิล (
basil
-จำพวกกะเพรา, โหระพา)
ในขณะที่ซีกโลกตะวันออกมีเรื่องเล่าในหมู่ชาวจีนว่าพิซซ่าดัดแปลงมาจาก ชงโหย่วปิง (
congyoubing
) หรือโรตีทอดใส่ต้นหอม ซึ่ง มาร์โค โปโล เป็นผู้นำไปเผยแพร่ในอิตาลีโดยสั่งให้พ่อครัวจากเนเปิลส์ปรุงอาหารชนิดนี้ให้กับแขกที่มาร่วมงานเลี้ยงของเขา แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงให้ใช้ส่วนที่จะมาทำเป็นไส้โรยหน้าแป้งแทน เรื่องที่เล่ามาข้างต้นไม่ปรากฏหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในยุโรป แม้แต่บันทึกของมาร์โค โปโล เองก็ไม่ได้กล่าวถึงชงโหย่วปิง และจีนเองไม่ได้อ้างสิทธิว่าเป็นผู้คิดค้นพิซซ่า ถึงแม้ว่าประเด็นนี้หลักฐานทางประวัติศาสตร์รองรับ แต่เป็นข้อบ่งชี้ได้ว่าชาวจีนบริโภคแป้งสาลีมาหลายศตวรรษด้วยการนึ่ง แป้งสาลีนึ่งนี้ชาวจีนมักจะใส่ยีสต์ไปด้วยในขณะนวดแป้ง เมื่อนึ่งเสร็จแล้วจะฟูสังเกตได้จาก หมั่นโถว ซาลาเปา ตรงข้ามกับแป้งสาลีที่ประกอบอาหารด้วยการอบ จะไม่มีการเติมยีสต์ เพราะฉะนั้นเวลารับประทานขนมเปี๊ยะ แป้งจึงไม่ฟู และอาหารจีนที่ทำจากแป้งสาลีจะไม่มีส่วนผสมของนม เนย เนยแข็ง และโยเกิร์ต ทั้งๆ ที่จีนเคยมีปฏิสัมพันธ์กับชาวมองโกลและทิเบต แต่ชาวจีนบริโภคเนยแข็งและโยเกิร์ตได้เพียง 20 ปีนี้เอง
ที่เปอร์เซีย มีการรับประทานขนมปังแผ่นแบนย้อนไปถึงรัชสมัยของกษัตริย์ ดาริอุสมหาราช (
Darius the Great
) ครองราชย์ระหว่างปี 521-486 ก่อนคริสต์ศักราช ทหารของพระองค์อบขนมปังแผ่นแบนบนโล่ของตนเองและแต่งหน้าขนมปังด้วยผลอินทผาลัมแห้งกับมันหมู (
lard
) ระหว่างเดินทัพ สำหรับคำว่า พิซซ่า (
pizza
) นั้นยังมีที่มาไม่แน่ชัด ในภาษาอิตาเลียนโดยนัยหมายถึง
pie
ซึ่งอาจมีรากจากภาษาละตินคำว่า
pix
หรือ
pita
ในภาษากรีก โดยคำหลังยังมีความหมายว่าขนมปังแถวเล็ก รวมไปถึงเค้ก ทั้งนี้ ชาวกรีกในปัจจุบันใช้เรียกขนมปังแผ่นแบนรับประทานในรูปแบบแซนด์วิชกับเนื้อแกะ เนื้อวัว หรือเนื้อไก่ เรียกว่า ไจรอส (
gyros
) ขณะที่ชาวอิสราเอลรับประทาน
pita
กับฮูมุส (
hummus
-เครื่องจิ้มของชาวอาหรับและยิวทำจากถั่วชิกพี (
chickpea
) บด งาบด ผสมกับน้ำมันมะกอก น้ำเลมอน เกลือ และกระเทียม)
จากเอกสารทางวิชาการของ จูเซปเป้ น็อกกา (
Giuseppe Nocca
) จากสถาบันอัลแบร์เกียโร แห่งฟอร์มิอา (
Istituto Alberghirero di Formia
) อ้างถึงบันทึก
codex diplomaticus cajtanus
ว่าปรากฏคำ
pizza
ครั้งแรกใน ค.ศ.997 ในฐานะหนึ่งในรายการอาหารจัดอยู่ในประเภทส่วยที่ผู้ประกอบการโรงโม่แป้งสาลีบริเวณริมฝั่งแม่น้ำ การิก–ลาโน (
Garigliano
) จะต้องส่งให้กับอาร์คบิชอบแห่งกาเอตา (
Gaeta
) ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเนเปิลส์ (
Naples
หรือ
Napoli
ในภาษาอิตาเลียน) ราว 80 กิโลเมตร แต่เมืองที่คิดค้นพิซซ่ากลับเป็นเนเปิลส์ และชาวเมืองก็ภาคภูมิใจกับอาหารริมทางสุดคลาสสิกจานนี้อย่างมาก ด้วยเหตุนี้ชาวเมืองเนเปิลส์ไม่พอใจอย่างมากกับงานวิชาการของน็อกกา ความภาคภูมิใจในพิซซ่าของชาวเนเปิลส์เพิ่มพูนขึ้นไปอีกเมื่อพิซซ่าได้ขึ้นโต๊ะเสวยระหว่างการเสด็จเยือนเนเปิลส์ของกษัตริย์ อุมแบร์โต (
King Umberto
) และราชินี มาเกริตา (
Queen Margherita
) ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19
ในระยะแรกหน้าของพิซซ่า (
topping
) ยังคงใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นและผลผลิตส่วนเกินทางการเกษตร จึงสะดวกต่อการซื้อหามารับประทานในหมู่ครอบครัวผู้ใช้แรงงานและคนทั่วไป จนกระทั่งการสำรวจโลกใหม่โดยเฉพาะพืชผลแปลกๆที่นำมาจากอเมริกาได้เพิ่มรสชาติและสีสันให้กับพิซซ่า การมาถึงของมะเขือเทศในปี ค.ศ.1522 ครั้งแรกที่ชาวเมืองเห็นมะเขือเทศก็ไม่กล้ารับประทานเพราะเกรงว่าพืชชนิดนี้อาจจะมีพิษ เมื่อมีผู้กล้าหาญได้ลิ้มลองแล้วติดใจ ต่อมามะเขือเทศเป็นองค์ประกอบหลักของพิซซ่า เมื่อ ราฟาเอล เอสโปซิโต (
Rafael Esposito
) ผู้ประกอบการร้านพิซซ่า พิเซอเรีย แบรนดิ (
Pizzeria Brandi
) ในย่านพอร์ตอัลบา (
Port Alba
) เมืองเนเปิลส์ นำมะเขือเทศมาแต่งหน้าเป็นครั้งแรกพร้อมกับเนยแข็ง มอซซาเรลลา (
mozzarella cheese
) น้ำมันมะกอก ปลา แอนโชวี่ (
anchovy
) และกระเทียม ซึ่งลักษณะของพิซซ่าเหมือนกับธงชาติอิตาลีจากสีแดงของมะเขือเทศ สีขาวจากเนยแข็งมอซ– ซาเรลลา และสีเขียวจากใบเบซิล แล้วนำขึ้นถวายแด่ราชินี
มาเกริตาตามที่กล่าวมาข้างต้น และพิซซ่าจานนี้ราชินีโปรดมากเสียจนเอสโปซิโตให้ชื่อว่า มาเกริตาพิซซ่า (
Margherita Pizza
)
ทว่า มะเขือเทศยังคงเป็นสิ่งเกินเอื้อมสำหรับชนชั้นแรงงาน พิซซ่าของพวกเขายังคงปรุงด้วยแป้ง น้ำมันมะกอก มันหมู (
lard
) และสมุนไพร ต่อมาเมื่อมะเขือเทศเป็นผักที่ทุกครัวเรือนหาซื้อได้และนำประกอบอาหาร เช่น สปาเกตตีซอส แต่ชาวอิตาเลียนยังคงนิยมรับประทานพิซซ่าแบบดั้งเดิมที่แต่งหน้าด้วยน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ กระเทียม ลูกสน ใบโรสแมรี่ และเกลือป่น เช่นเดิม
กระทั่งในปี ค.ศ.2009 มาเกริตาพิซซ่าได้รับตรารับรองอาหารประจำชาติ
STG
(
Specialita Tradizionali Garantite
หรือ
Traditional Guaranteed Specialty
) จากสหภาพยุโรป ถึงแม้ว่ามาเกริตาพิซซ่าจะไม่ได้รับรางวัลหรือเหรียญตราใดๆก็ตาม พิซซ่าชนิดนี้จากเมืองเนเปิลส์ก็เป็นที่นิยมและถือเป็นวัฒนธรรมทางอาหารของอิตาลีและของโลกในทางพฤตินัย
พิซซ่าได้ข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังสหรัฐอเมริกาโดยผู้อพยพชาวอิตาลี และก็เป็นชาวเนเปิลส์เช่นเคยที่ทำให้อเมริกัน–ชนที่ไม่ใช่เชื้อสายอิตาลีได้รับประทานพิซซ่าบางกรอบ เริ่มจากนิวยอร์กและกระจายไปตามเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบอสตัน ชิคาโก และเซนต์หลุยส์ ชาวเนเปิลส์ที่อพยพสู่สหรัฐอเมริกานั้นมิได้หวังร่ำรวยจากการทำพิซซ่าขาย
ผู้ริเริ่มเปิดร้านพิซซ่าเป็นจริงเป็นจังแห่งแรกในสหรัฐอเมริกาคือ เจนนาโร ลอมบาร์ดี (
Gennaro Lombardi
) ร้านตั้งอยู่บน ถนนสปริง นิวยอร์ก ในปี ค.ศ.1905 ใช้ชื่อร้านว่า ลอมบาร์ดี’ส (
Lombardi’s
) พิซซ่าของร้านในระยะแรกจำหน่ายในราคาถาดละ 5 เซนต์ ร้านพิซซ่าของลอมบาร์ดียังคงดำเนินกิจการมาจนถึงทุกวันนี้ เพียงแต่ร้านไม่ได้อยู่บนถนนสปริงเหมือนแรกตั้ง และฉลองครบ 100 ปี เมื่อปี ค.ศ.2005 (ความจริงแล้วร้าน
Lombardi’s
เปิดกิจการมาจนถึงปี ค.ศ.1984 แล้วกลับมาเปิดให้บริการใหม่อีกครั้งในปี ค.ศ.1994 ที่ตั้งของร้านไม่ไกลจากที่ตั้งเดิมเท่าไรนัก) พิซซ่ายังถือเป็นอาหารต่างชาติสำหรับชาวอเมริกันจนกระทั่งทศวรรษ 1950 พิซซ่าเป็นอาหารหลักและแพร่หลายในหมู่ชาวอเมริกัน ปัจจุบันพิซซ่าไม่ได้ถูกมองว่าเป็นอาหารของชนชาติใดชาติหนึ่งอีกต่อไปแล้ว แต่กลับกลายเป็นอาหารจานด่วนในสายตาของชาวอเมริกันทั้งหลาย
ในยุโรป พิซซ่าได้รับความนิยมในหมู่ชาวอังกฤษ ฝรั่งเศส และสเปน เมื่อทหารฝ่ายสัมพันธมิตรยกพลเข้าอิตาลีระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และนำอาหารจานนี้มาเผยแพร่ยังบ้านเกิดของตน ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1940 เป็นต้นมาพิซซ่าจึงเป็นที่รู้จักทั่วทั้งยุโรป หลังจากความนิยมจำกัดอยู่ในประเทศอิตาลีมานานนับศตวรรษ
สำหรับประเทศไทย คนไทยส่วนมากมักจะคุ้นลิ้นกับพิซซ่า อเมริกันแบบแป้งหนานุ่มจากร้านพิซซ่าแฟรนไชส์ชื่อดังอย่าง พิซซ่าฮัท หรือ โดมิโน พิซซ่า มากกว่าพิซซ่าแบบอิตาเลียนแบบแป้งบาง กรอบนอก นุ่มใน ชุ่มชีส และมีกลิ่นชีสมอซซาเรลลา หรือ ชีสพาร์เมซาน (
Parmesan cheese
)
นอกจากนี้ พิซซ่ายังมีบทบาทสำคัญในด้านการทหารและการเมือง หน่วยสืบราชการลับที่ 113 สังกัดกองทัพบกสหรัฐอเมริกา ได้ใช้การส่งพิซซ่าเพื่อทำการ จารกรรมข้อมูลจากนักข่าวและนัก การเมือง ในปลายทศวรรษที่ 1960 และแฟรนไชส์พิซซ่ายักษ์ใหญ่อย่างพิซซ่าฮัท ในสหภาพโซเวียตมีบทบาทสำคัญในการต่อต้านคณะรัฐประหารที่จะยึดอำนาจจากนาย มิคาอิล กอร์บาชอฟ (
Mikhail Gorbashev
) ด้วยการส่งพิซซ่าเป็นเสบียงให้ในปี 1991
ปัจจุบันพิซซ่าไม่ได้มีแค่สัญชาติอิตาเลียนอีกต่อไป เมื่อไปตามที่ต่างๆ ก็เปลี่ยนรูปร่างหน้าตาและแปลงสัญชาติไปตามถิ่นที่อยู่นั้นไม่ว่าจะเป็นพิซซ่าเม็กซิกัน พิซซ่ากรีก โดยหน้าของพิซซ่าเหล่านั้นไม่ได้จำกัดวัตถุดิบเพียงซอสมะเขือเทศ มอซซาเรลลา หรือปลาแอนโชวี่ อีกต่อไป ถ้าหากเดินทางไปแคลิฟอร์เนีย จะได้รับประทานพิซซ่าหน้าแปลกๆ ตั้งแต่ไก่บาร์บีคิว ไปจนถึงปลาแซลมอนรมควัน ในขณะที่พิซซ่าเซนต์หลุยส์ เป็นพิซซ่าในถาดสี่เหลี่ยม แป้งบาง ขอบนอกกรอบ มีหน้าหลายหน้าให้เลือก พิซซ่านิวยอร์กจะเป็นพิซซ่าถาดใหญ่ ปรุงด้วยซอสในปริมาณไม่มาก ในคูราเซา (
Curacao
-ประเทศหมู่เกาะในอเมริกาใต้) จะแต่งหน้าพิซซ่า ด้วย ชีสเกาด้า (
Gouda
-เมืองในประเทศเนเธอร์แลนด์ มีชื่อเสียงในการผลิตชีส) ที่บราซิล ไข่ต้มแข็ง จะปรากฏบนหน้าพิซซ่า ที่ญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวอาจจะได้ลิ้มลองพิซซ่าหน้ามายองเนสกับสาหร่ายโนริ ประเทศไทย หน้าพิซซ่าจะถูกแปลงโฉมด้วยพริกแห้ง แกงเผ็ด ต้มยำกุ้ง แหนม ไส้อั่ว ไม่เว้นแม้กระทั่งผลไม้อย่างมะม่วง
ในโลกสมัยใหม่ แป้งพิซซ่าไม่ได้มีแป้งโดว์ (
dough
) เท่านั้น เพียงแค่ขนมปังอบหนึ่งแผ่นทาซอสมะเขือเทศกับชีสมอซซาเรลลาก็สามารถรับประทานเป็นพิซซ่าได้ แป้งพิตา (
pita
) บรรพบุรุษของพิซซ่าก็ยังสามารถนำมาดัดแปลงเป็นพิซซ่าได้ รวมไปถึง ตอร์ติยา (
tortilla
) แผ่นแป้งแบบเม็กซิกันที่ทำมาจากแป้งข้าวโพดก็นำมาทำเป็นแป้งพิซซ่าได้ด้วยเช่นกัน.
โดย : ชนะประสิทธิ์ โพธิพันธุ์
ทีมงานนิตยสาร ต่วย'ตูน
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
กำลังโหลด...