[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 มีนาคม 2567 18:17:23 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: จิตวิวัฒน์ : คำสอนสุดท้ายของหลวงพ่อคูณ โดย พระไพศาล วิสาโล  (อ่าน 1302 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5062


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 50.0.2661.271 Chrome 50.0.2661.271


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 29 มิถุนายน 2559 20:25:12 »



โดย พระไพศาล วิสาโล
หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับประจำวันที่ 7 พฤศจิกายน 2558

ในรอบปีที่ผ่านมา การมรณภาพของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ หรือ พระเทพวิทยาคม เป็นข่าวใหญ่ที่สุดข่าวหนึ่ง แม้จะมีพระมหาเถระและเกจิอาจารย์เป็นอันมากละสังขารไปในช่วงดังกล่าว ก็ไม่เป็นข่าวดังเท่ากับการสิ้นลมของหลวงพ่อคูณ และหากมีการพระราชทานเพลิงศพของท่านอย่างที่นิยมปฏิบัติกันโดยทั่วไป ก็เชื่อได้ว่าจะเป็นข่าวใหญ่ระดับชาติที่ผู้คนทั้งประเทศตั้งตารอคอยเช่นกัน

อย่างไรก็ตามเป็นที่ทราบกันดีว่างานดังกล่าวมิอาจเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้เพราะหลวงพ่อคูณได้เขียนไว้ในพินัยกรรมของท่านอย่างชัดเจนว่า “ห้ามขอพระราชทานเพลิงศพ โกศ และพระราชพิธีอื่นๆ เป็นกรณีพิเศษเป็นการเฉพาะ” ยิ่งกว่านั้นท่านยังกำชับว่า งานศพของท่านั้น “ให้จัดงานแบบเรียบง่าย ละเว้นการพิธีสมโภชใดๆ” ว่าจำเพาะพิธีกรรมทางศาสนา ท่านระบุว่า ให้มีการสวดอภิธรรมศพ เพียง ๗ วันเท่านั้น

ใช่แต่เท่านั้นท่านยังได้สั่งเสียอย่างชัดเจนว่า “ศพของอาตมา ให้มอบแก่มหาวิทยาลัยขอนแก่นภายใน ๒๔ ชั่วโมง หลังจากมรณภาพลง” เพื่อเป็น “อาจารย์ใหญ่”ให้แก่นักศึกษาแพทย์ นี้เป็นการให้ครั้งสำคัญและครั้งสุดท้ายของหลวงพ่อคูณ ในยามที่ยังมีชีวิตท่านให้ทุกอย่างที่ท่านมีหรือได้มา ไม่ว่า เงินทอง วัตถุมงคล และคำสอน ด้วยเมตตาจิตอันใหญ่หลวง สมกับโวหารที่กลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวท่านว่า “กูให้มึง” เป็นการสอนด้วยการกระทำตลอดทั้งชีวิตว่า “ยิ่งเอามันยิ่งอด ยิ่งสละให้หมดมันยิ่งได้” สุดท้ายเมื่อท่านสิ้นลม แม้เอาอะไรไปไม่ได้เลยสักอย่าง แต่ก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ให้ได้ นั่นคือ ร่างกายของท่าน

นอกจากเจตนาที่จะให้จน “หยดสุดท้าย” เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้คนแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งก็คือหลวงพ่อคูณไม่อยากให้ผู้คนเดือดร้อนเพราะท่าน ดังท่านได้กล่าวไว้หลายปีก่อนมรณภาพว่า “กูเองไม่อยากเป็นภาระกับคนอื่น ....กูไม่ต้องการให้ศิษยานุศิษย์เดือดร้อน หรือเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อยามที่ล่วงลับไปแล้ว และเพื่อไม่ต้องการให้เกิดเป็นปัญหาระหว่างลูกศิษย์ด้วยกัน”

หลวงพ่อคูณคงเห็นอยู่เนืองๆ ว่า งานศพพระมหาเถระชื่อดังนั้นมักสิ้นเปลืองเงินทองอย่างมากมาย อีกทั้งยังมักก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างลูกศิษย์ลูกหาทั้งพระและฆราวาส เนื่องจากมีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับการจัดพิธีศพ ยังไม่ต้องพูดถึงการทะเลาะเบาะแว้งเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น ดังนั้นเพื่อตัดปัญหาเหล่านี้ ท่านจึงเขียนระบุไว้ในพินัยกรรมของท่านอย่างชัดเจนดังกล่าว

๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ คือวันที่หลวงพ่อคูณมรณภาพ สิ่งที่ท่านปรารถนาได้ปรากฏเป็นจริง งานศพของท่านเป็นไปอย่างเรียบง่าย ไม่มีการนำศพของท่านไปบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านไร่ตามที่ลูกศิษย์จำนวนหนึ่งขอร้อง สังขารของท่านถูกเคลื่อนไปยังมหาวิทยาลัยขอนแก่น และมีการสวดพระอภิธรรมที่นั่นเป็นเวลา ๗ วัน ตามที่ท่านระบุไว้ เหตุการณ์ผ่านไปด้วยดี ไม่มีความวุ่นวายหรือความขัดแย้งเกิดขึ้นในหมู่ลูกศิษย์ลูกหา

อย่างไรก็ตามน่าคิดว่าหากพินัยกรรมของท่านระบุเพิ่มเติมว่า ท่านอยากให้ปฏิบัติกับร่างกายของท่านอย่างไรในช่วงที่ท่านป่วยหนักในระยะสุดท้ายและไม่รู้สึกตัวหรือไม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง ก็เป็นไปได้ว่าชั่วโมงท้ายๆ ของท่านจะไม่กลายเป็นช่วงเวลาแห่งความโกลาหลวุ่นวาย ดังที่ได้เกินขึ้นในช่วง ๓๐ ชั่วโมงสุดท้ายของท่าน

จากปากคำของพยาบาลที่ดูแลหลวงพ่อที่วัดบ้านไร่ ประมาณ ๕.๔๕ น.ของวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พบว่าหลวงพ่อมีอาการหมดสติไม่รู้สึกตัว จึงรีบแจ้งให้แพทย์ทราบ เมื่อแพทย์มาถึงก็พบว่า หลวงพ่อคูณหยุดหายใจ และหัวใจหยุดเต้นแล้ว จึงทำการปั๊มหัวใจเป็นเวลา ๑ ชั่วโมง เมื่อหัวใจกลับมาเต้นใหม่ ได้ใส่เครื่องช่วยหายใจ พร้อมทั้งเครื่องกระตุ้นหัวใจ แล้วรีบส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ประมาณ ๒๐.๐๐ น. แพทย์รายงานว่า หลวงพ่อมีสัญญาณชีพไม่คงที่ รวมทั้งมีเลือดออกในทางเดินอาหารจำนวนมาก นอกจากนั้นไตยังหยุดทำงาน เป็นผลให้ไม่มีปัสสาวะออกจากร่างกาย ทั้งนี้ เกิดจากปอดและหัวใจ หยุดทำงานเป็นเวลานาน วันรุ่งขึ้น แพทย์พบว่าระบบหายใจของหลวงพ่อล้มเหลวและหัวใจหยุดเต้นอีกครั้ง จึงทำการปั๊มหัวใจอีก แม้หัวใจกลับมาเต้นใหม่ แต่อาการของหลวงพ่อก็ยังคงทรุดลงเป็นลำดับ

กระทั่งเวลา ๑๑.๔๕ น. แพทย์ก็ประกาศว่าหลวงพ่อคูณได้มรณภาพแล้ว ต่อมา น.พ.พินิศจัย นาคพันธุ์ หัวหน้าคณะแพทย์ได้แถลงข่าวโดยให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า หลวงพ่อมรณภาพ เนื่องจากหยุดหายใจ เพราะมีลมรั่วเข้าไปภายในปอด หรือที่เรียกว่าปอดแตก ทำให้หัวใจหยุดเต้น จนต้องปั๊มหัวใจเป็นเวลานานถึง ๑ ชั่วโมง ครั้นมาถึงโรงพยาบาลแล้ว. ยังต้องปั๊มหัวใจเพิ่มถึง ๒ รอบ แต่ด้วยความที่หลวงพ่อหมดสติตั้งแต่อยู่ที่วัดบ้านไร่แล้ว เมื่อหยุดหายใจและหัวใจหยุดเต้นเป็นเวลานาน ก็ส่งผลให้อวัยวะอื่นๆ วิกฤตตามไปด้วย เข้าสู่ภาวะสมองตายตั้งแต่แรก ต่อมาแพทย์พยายามยื้อหัวใจ และปอด จนมาถึงไต แต่แล้วในที่สุด อวัยวะสำคัญก็ล้มเหลวลงทั้งหมด หลวงพ่อจึงถึงแก่มรณภาพ

เห็นได้ชัดว่าแพทย์พยายามยื้อชีวิตของหลวงพ่อทุกวิถีทาง แต่ก็ไม่สำเร็จ แต่ถึงแม้สำเร็จ หลวงพ่อก็คงมีสภาพไม่ต่างจาก “ผัก” คือไม่รู้สึกตัว เนื่องจากสมองขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน แพทย์เองก็ยอมรับว่าหลวงพ่อเข้าสู่สภาวะสมองตาย (อาจจะตั้งแต่ที่วัดบ้านไร่แล้ว) เหล่านี้ย่อมไม่ใช่สภาวะที่หลวงพ่อปรารถนาเป็นแน่ เพราะท่านไม่ต้องการให้ตัวท่านเป็นภาระแก่ใครมาตั้งแต่แรกแล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงว่าท่านไม่มีความหวงแหนในชีวิต ชนิดที่จะต้องยื้อให้ยืนยาวที่สุดไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ ก็ตาม เพราะท่านเห็นว่าความตายเป็นธรรมดา

น่าคิดต่อไปด้วยว่าสังขารวัย ๙๑ ของหลวงพ่อซึ่งล้มป่วยมานานนับปี เข้าออกโรงพยาบาลหลายครั้ง จะสามารถทนการปั๊มหัวใจถึง ๒-๓ ครั้งได้มากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตามสำหรับแพทย์แล้ว ย่อมไม่มีทางเลือกอื่น หากคนไข้หยุดหายใจหรือหัวใจหยุดเต้น ย่อมจำต้องพยายามช่วยชีวิตเอาไว้ก่อน เว้นแต่คนไข้ได้แสดงเจตนาล่วงหน้าว่าไม่ต้องการให้ทำเช่นนั้นเมื่อเข้าสู่ระยะสุดท้ายของชีวิต หรือญาติ(และลูกศิษย์)ระบุไว้ชัดเจนว่าไม่ต้องการให้ยื้อชีวิตคนไข้เพราะคนไข้ได้สั่งไว้ขณะที่ยังมีความรู้สึกตัวอยู่

ในทัศนะของพุทธศาสนา ชีวิตที่ดีไม่ได้หมายถึงชีวิตที่ยืนยาว แต่หมายถึงชีวิตที่ตั้งมั่นในธรรม ประกอบคุณงามความดี ถึงพร้อมด้วยประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน หรืออยู่อย่างไม่ประมาท ในทำนองเดียวกันการตายดีก็ไม่ได้อยู่ที่ว่า ตายที่ไหน ด้วยสาเหตุใด อายุเท่าไร แต่หมายถึงการตายด้วยจิตที่สงบ ปล่อยวางทุกสิ่ง ไร้อารมณ์เศร้าหมอง นั่นหมายความว่าก่อนตายก็ควรมีคุณภาพจิตที่ดี สำหรับปุถุชนคนทั่วไป บรรยากาศแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญที่เอื้อให้เกิดคุณภาพจิตดังกล่าว แต่หากบรรยากาศรอบตัวคนไข้ในวาระสุดท้ายเต็มไปด้วยความโกลาหล และมีการยื้อชีวิตด้วยวิธีการต่างๆ มากมาย ที่ก่อให้เกิดทุกขเวทนา เช่น การปั๊มหัวใจ น่าสงสัยว่าบรรยากาศเช่นนี้จะเอื้อให้เกิดการตายดีได้เพียงใด

หลวงพ่อคูณเป็นผู้ที่จัดเจนในการบำเพ็ญทางจิต การยื้อชีวิตของท่านด้วยวิธีการต่างๆ ที่กล่าวมาย่อมไม่อาจรบกวนจิตหรือขัดขวางการตายดีของท่านได้ แต่คนทั่วไปยากจะทำเช่นนั้นได้ภายใต้บรรยากาศดังกล่าว ดังนั้นหากไม่ปรารถนาภาวะเช่นนั้น ควรตัดสินใจไว้แต่เนิ่นๆ ว่า เมื่อเจ็บป่วยจนเข้าสู่ระยะสุดท้ายของชีวิต อยากให้แพทย์ปฏิบัติกับร่างกายของตนมากน้อยเพียงใด จะยอมให้ปั๊มหัวใจ ใช้เครื่องช่วยหายใจ หรือผ่าตัดใหญ่ ฯลฯ หรือไม่ หากไม่ประสงค์เช่นนั้น เพราะยอมรับความตาย ไม่ปรารถนาที่จะ “หอบสังขารหนีความตาย” ดังคำของท่านอาจารย์พุทธทาส หรือปรารถนาที่จะตายอย่างสงบ ก็ควรระบุเจตนารมณ์ดังกล่าวเอาไว้ล่วงหน้า ไม่เพียงแต่ทำพินัยกรรมที่จะมีผลหลังตายแล้วเท่านั้น

หลวงพ่อคูณได้สอนธรรมแก่ศิษยานุศิษย์จนถึงวาระสุดท้ายของท่าน คำสั่งเสียเกี่ยวกับการปลงศพของท่าน เป็นแบบอย่างที่ดีทั้งแก่พระและโยม แม้แต่ช่วงท้ายของชีวิตท่านก็ยังให้แง่คิดหรือบทเรียนเพื่อการเตรียมตัวตายที่พึงประสงค์ หากพิจารณาไตร่ตรองและนำไปปฏิบัติก็ย่อมเกิดประโยชน์แก่เรามิใช่น้อย

จาก http://jitwiwat.blogspot.com/2015/11/blog-post.html#more

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
เปลี่ยนแปลงสังคมและตนเอง, พระไพศาล วิสาโล
กระบวนการ NEW AGE
เงาฝัน 3 3079 กระทู้ล่าสุด 28 พฤษภาคม 2553 15:57:42
โดย เงาฝัน
ทำไมสัตว์โลกถึงเป็นไปตามกรรม? พระไพศาล วิสาโล
สมถภาวนา - อภิญญาจิต
เงาฝัน 3 3660 กระทู้ล่าสุด 20 มิถุนายน 2554 01:10:46
โดย หมีงงในพงหญ้า
นำผู้ป่วยโคม่าสู่ความสงบ พระไพศาล วิสาโล
ธรรมะจากพระอาจารย์
เงาฝัน 1 2588 กระทู้ล่าสุด 10 ตุลาคม 2553 19:40:45
โดย หมีงงในพงหญ้า
ธรรมะไม่ใช่ของยาก พระไพศาล วิสาโล
ธรรมะจากพระอาจารย์
เงาฝัน 2 3094 กระทู้ล่าสุด 08 พฤศจิกายน 2553 11:24:54
โดย หมีงงในพงหญ้า
อย่าติดสมมุติ พระไพศาล วิสาโล
เสียงธรรมเทศนา
เงาฝัน 1 2401 กระทู้ล่าสุด 24 พฤษภาคม 2554 14:00:19
โดย เงาฝัน
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.33 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 26 มีนาคม 2567 17:17:21