27 มิถุนายน 2568 15:47:35
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
นั่งเล่นหลังสวน
สุขใจ ห้องสมุด
.:::
‘หนุมาน’ เทพแห่งสรรพวิทยา
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: ‘หนุมาน’ เทพแห่งสรรพวิทยา (อ่าน 1954 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 13
คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 2637
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ
‘หนุมาน’ เทพแห่งสรรพวิทยา
«
เมื่อ:
15 กรกฎาคม 2559 17:56:17 »
Tweet
‘หนุมาน’ เทพแห่งสรรพวิทยา
ผู้เขียน ส.พลายน้อย
ที่มา คอลัมน์ จิปาถะ มติชนรายวัน
ในบรรดาวรรณกรรมปรัมปราของอินเดีย เรื่องรามายณะได้รับการยกย่องว่าเป็นเสมือนคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ คนอินเดียนับถือกันว่าใครได้อ่านได้ฟังแล้วชำระบาปได้ ที่สำคัญก็คือ พระราม นางสีดา และหนุมาน ได้รับการเคารพนับถือเป็นเทพ แม้เพียงแต่ออกพระนามหรือนามก็ถือว่าได้บุญ ได้กุศล หรือได้รับความคุ้มครองเป็นอย่างดี
มีเรื่องกล่าวกันว่า เคยมีคนสอนให้นกแก้วออกพระนามพระรามแทน, นกแก้วก็ร้อง “รามๆ” ตลอดทั้งวัน มีนิทานอินเดียเรื่องหนึ่งเล่าถึงเหตุที่นกแก้วออกพระนามพระรามได้คล่องไว้ว่า เมื่อครั้งทศกัณฐ์ทำสงครามกับพระราม และถูกพระรามสังหาร เผอิญมีมหาดเล็กของทศกัณฐ์หลงรอดอยู่ตนหนึ่ง ยักษ์ตนนั้นได้หมอบกราบอยู่แทบเท้าพระราม แล้วทูลอ้อนวอนว่า
“เป็นพระมหากรุณาที่ได้ทรงละเว้นไม่ประหารข้าพเจ้า แต่ขอได้โปรดชุบชีวิตเพื่อนของข้าพเจ้าอีกสักตนหนึ่งเถิด” พูดพลางก็ชี้ไปที่เพื่อนที่นอนตายอยู่ข้างๆ พระรามมีพระกรุณาก็พรมน้ำทิพย์ให้ ยักษ์ตนนั้นก็มีชีวิตขึ้นมา พระรามตรัสว่า“เราช่วยเจ้าแล้ว เจ้าต้องหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เพราะลักษมัณกำลังมา เขากำลังโกรธ เขาจะฆ่าเจ้าเสีย”
“แต่เราไม่มีแรงจะวิ่งหนี พระลักษมัณคงจะฆ่าเราอย่างแน่นอน โปรดช่วยเราอีกสักครั้งเถิด”
ด้วยความกรุณา พระรามได้ประทานปีกให้ยักษ์ทั้งสอง มหาดเล็กกลายเป็นนกแก้ว ส่วนเพื่อนเป็นนกอีกชนิดหนึ่ง ทั้งสองได้บินหนีไป นกแก้วระลึกถึงคุณพระรามจึงร้อง “รามราม” อยู่เสมอ เขาว่าที่นกแก้วเรียนพูด “รามราม” ได้เร็วก็มาจากเรื่องนี้
มีเรื่องเล่ากันว่า เมื่อครั้งท่านมหาตมะคานธีถูกยิง ท่านได้อุทานออกมาว่า “เห ราม” ด้วยความเคยชิน เพราะท่านนับถือพระราม ในปัจจุบันคนที่ไปเมืองพาราณสีและไปที่ท่าน้ำแม่คงคาที่มีการแห่ศพไปเผากันเป็นประจำ ก็จะได้ยินเสียงร้องสรรเสริญพระรามและนางสีดาอยู่เสมอ เมืองพาราณสีจึงเป็นเมืองเดียวที่มีคนร้อง “สีตา-ราม” อยู่ไม่ขาด
ในเมืองไทยไม่มีใครสอนให้ภาวนาถึงพระราม แม้จะมีคาถานารายณ์ขว้างจักรและอื่นๆ แต่ก็รู้จักกันเฉพาะในพวกที่นิยมไสยศาสตร์ รู้กันเฉพาะบางคน เมื่อครั้งผู้เขียนเป็นเด็กเรียนหนังสือ ที่วัดถึงได้คาถา “นโมพุทธายะ” ไว้ภาวนาก่อนนอน และได้คาถา “หนุมาน” ไว้ภาวนาเมื่อมีการต่อสู้ และผู้ใหญ่ก็ชอบพูดคุยถึงหนุมานกันมาก เพราะมีทั้งคาถาและรอยสักรูปหนุมาน รวมไปถึงเครื่องรางของขลังที่ทำเป็นรูปหนุมานจากเกจิอาจารย์หลายสำนัก ซึ่งจะเล่าเท่าที่นึกได้ต่อไป จะมากน้อยอย่างไรก็แล้วแต่สุขภาพจะอำนวย
เมื่อผู้เขียนมีโอกาสได้อ่านหนังสือมากขึ้น จึงทราบว่าเรื่องหนุมานไม่ได้มีเฉพาะในอินเดียและไทยเท่านั้น แม้ประเทศอื่นๆ ที่ได้รับวัฒนธรรมอินเดีย ก็พลอยนับถือหนุมานไปด้วย ครั้นพระถังซำจั๋งไปสืบพระศาสนาในอินเดีย ก็ทำให้เกิดเรื่อง “ไซอิ๋ว” มีเห้งเจียเป็นพระเอก คนจีนก็นับถือเห้งเจียเป็นเทพเจ้า มีศาลเจ้าเห้งเจียอยู่หลายแห่ง ทั้งยังเผยแพร่เข้ามาเมืองไทยอีกด้วย
ในอินเดียซึ่งเป็นต้นแบบก็มีทั้งรามายณะฉบับใหญ่ของวาลมีกิ และมีฉบับย่อของเมืองต่างๆ อีกหลายเล่ม ที่เป็นเรื่องเล่าในทัศนะของชาวบ้าน ซึ่งเป็นหนังสือหาอ่านได้ยาก แม้บางเรื่องจะมีผู้แปลถ่ายทอดเป็นภาษาไทยแล้วก็ตามก็ยังไม่ได้อ่านกันทั่วถึง ผู้เขียนพยายามหาอ่านมาหลายสิบปีก็ทราบแต่เพียงบางส่วน ขณะนี้อายุเกินวัย 86 ปี เวลาเหลือน้อยลงทุกวินาที จึงคิดว่าถ้าเก็บเรื่องที่พบที่เห็นมาเล่ารวมไว้ให้อ่านกันเล่น บางทีจะมีประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจอย่างเดียวกันบ้าง อย่างน้อยก็จะได้รู้จักหนุมานมากขึ้นกว่าที่รู้จักกันในเมืองไทยหรือในเรื่องรามเกียรติ์ ทั้งนี้ก็แล้วแต่จะพิจารณา ถ้าเห็นว่าใครๆ ก็รู้ก็ยุติ ไม่ยากอะไร
เท่าที่ทราบหนุมานในแต่ละถิ่นแต่ละที่มีพฤติกรรมต่างกัน แม้แค่รูปลักษณ์ของหนุมานก็ต่างกันกับที่เรารู้ในเมืองไทย หรือในรามเกียรติ์ อันที่จริงคนไทยก็มีความรู้สึกเหมือนกับว่าเรื่องรามเกียรติ์เกิดขึ้นในเมืองไทย เพราะชื่อบ้านเมืองหลายแห่งตรงกัน เช่น เมืองอโยธยา เมืองลพบุรี ซึ่งว่าเป็นเมืองของหนุมาน มีเขาสรรพยา เขาสมอคอน และอื่นๆ อีกหลายแห่ง แสดงถึงความเชื่อความศรัทธาของเราที่มีต่อเรื่องรามเกียรติ์ เช่นเดียวกับที่เราเชื่อว่าขุนช้างขุนแผนเป็นเรื่องจริง เพราะมีสถานที่เป็นหลักฐาน
คนอินเดียไม่เพียงแต่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริงเท่านั้น แต่เขาได้เขียนเป็นหลักฐานไว้ให้ศึกษาก็มี กวีอินเดียที่ยกย่องหนุมานมากก็คือ “ตุลสีทาส” และมีเขาเพียงคนเดียวที่กล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า“มีใครบ้างในโลกที่ไม่รู้จักวานร ซึ่งมีนามกร สังกัต โมจัน?”
Who in the world does’t know, Monkey, that your name is Sankat Mochan?
คำว่า “สังกัต โมจัน” นั้นว่ามาจากคำสันสกฤตหมายความว่า เป็นผู้ปลดเปลื้องจากอันตราย (ในสิ่งทั้งปวง)
คนอินเดียนับถือหนุมานอย่างไร จะได้เล่าต่อไป
ได้กล่าวมาแล้วว่าคนอินเดียนับถือยกย่องหนุมานว่าเป็น “สังกัตโมจัน” คือเป็นผู้ปลดเปลื้องจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวง ความเชื่อดังกล่าวไม่ใช่เรื่องความเชื่อในระดับชาวบ้าน แม้ในพวกที่มีความรู้สมัยใหม่ก็เชื่อกันว่าหนุมานเป็นผู้เชี่ยวชาญในสรรพ วิทยาหลายสาขา จึงได้ยกย่องให้เป็น “มหาเทพแห่งสรรพวิทยา” ก็มี
หลายปีมาแล้วหนังสือพิมพ์ได้ลงข่าวว่า หนุมานได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานกรรมการบริหารวิทยาลัยเทคโนโลยีและ บริหารจัดการซาร์ตาร์ ภากัตซิงห์แห่งอินเดีย ที่เปิดเมื่อ พ.ศ.2550
ข่าวการแต่งตั้งหนุมานซึ่งไม่มีตัวตน ให้เป็นประธานกรรมการบริหารวิทยาลัยไม่ใช่ข่าวลือ หรือข่าวที่พูดกันอย่างเลื่อนลอย เพราะทางวิทยาลัยได้จัดห้องทำงานไว้ห้องหนึ่ง เหมือนกับว่าหนุมานได้มานั่งทำงานจริงๆ คือให้มีโต๊ะทำงาน มีเครื่องคอมพิวเตอร์ และมีเก้าอี้ 4 ตัว หันเข้าหาที่นั่งของประธาน (หนุมาน) ซึ่งว่างเปล่า แต่ดูแล้วก็อยู่ในลักษณะพร้อมที่จะมีการประชุมได้ทันที
นอกจากนี้ ภายในห้องยังมีกลิ่นกำยานหอมกรุ่น เหมือนเข้าไปในเทวาลันที่สถิตของพระผู้เป็นเจ้าผู้ที่จะเข้าไปในห้องนี้จะ ต้องถอดรองเท้าเดินเท้าเปล่าเข้าไปเช่นเดียวกับเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลาย
เมื่อมีผู้สอบถามนายวิเวก กังทิ ผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหารวิทยาลัย ถึงเหตุที่ทำเช่นนี้ ก็ได้รับคำตอบว่า ที่ทำเช่นนั้นเพราะมีความเชื่อว่างานใดก็ตามที่เทพหนุมานอำนวยพร งานนั้นก็ย่อมจะประสบความสำเร็จเรียบร้อย เพราะหนุมานเคยรับใช้พระรามทำงานที่ยากสำเร็จมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการยกภูเขาทั้งลูก หรือกระโดดข้ามมหาสมุทร ซึ่งเป็นงานที่ยากก็ไม่พ้นความสามารถ จริงอยู่ที่หนุมานไม่เคยทำงานด้านบริหารธุรกิจ แต่ก็เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาอะไร นี่คือศรัทธาของคนอินเดียที่มีต่อหนุมาน
นานมาแล้วครูสอนวรรณคดีคนหนึ่งปรารภว่าเรื่องรามเกียรติ์ไทย ถ้าไม่ได้หนุมานทั้งพระรามพระลักษณ์ก็ตายหมด เมื่อพระลักษณ์ต้องหอกโมกขศักดิ์ถ้าหนุมานไปเอาสังกรณีที่ภูเขาสรรพยามาแก้ ไม่ทันก็ตาย แล้วเขาถามว่าที่อินเดียเรียกภูเขานี้ว่าอย่างไร ผู้เขียนตอบไม่ได้เพิ่งมาทราบภายหลังว่าหนุมานไปเก็บ “สัญชีวนี บูตี” (
Sanjuvni Bootee
) ที่ภูเขาหิมาลัย เคยอ่านรายงานของนักสำรวจชาวญี่ปุ่นไปสำรวจพืชสมุนไพรและไม้มีประโยชน์บน ภูเขาหิมาลัย ก็ว่ามีสมุนไพรอยู่หลายชนิด แสดงว่ามีเค้าความจริงอยู่มาก
ขอเล่าเรื่องลิงญี่ปุ่นและจีนต่อ เพราะเป็นเรื่องที่มีความเชื่อใกล้เคียงกัน และในปัจจุบันก็ยังเชื่อกันว่าลิงเป็นบริวารของหนุมาน
คนญี่ปุ่นนิยมชมชื่นลิงมาแต่โบราณ มีหลักฐานที่พบเห็นตามข้างถนนในชนบทนิยมทำเสาโกชินปักไว้ เสาหินโกชินนี้จะสลักรูปลิง 3 ตัว มีเรื่องกล่าวกันว่า พระชื่อเดนเกียวเป็นผู้ริเริ่มสลักรูปลิงบนเสาหินเป็นครั้งแรก เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ให้ประชาชนระลึกถึงคำสอนแทนตัวหนังสือ ซึ่งคนอ่านหนังสือไม่ออกมาเห็นรูปลิงก็อาจเข้าใจได้
อาการของลิงทั้งสามตัวต่างกัน ตัวหนึ่งเอามือปิดตาทั้งสองข้าง หมายความว่าอย่าดูสิ่งที่ชั่วร้ายหรือมองอะไรในแง่ร้าย อีกตัวหนึ่งเอามือปิดหู หมายความว่าอย่าฟังเรื่องที่ไม่ดี ไม่เป็นมงคล หรือเรื่องชั่วร้ายทั้งปวง และอีกตัวหนึ่งเอามือปิดปาก หมายความว่าอย่าพูดเรื่องที่ไม่ดี ไม่มีประโยชน์หรือพูดในสิ่งที่ไม่เป็นมงคล คำสอนทั้ง 3 ประการนี้ถือว่าสำคัญมาก ที่สังคมยุ่งเหยิงอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะใช้ตา หู และปาก แบบไม่มีสตินั่นเอง
ในสมัยโบราณคนญี่ปุ่นมีเทศกาลโกชิน เรียกว่าวันโกชิน คือวันลิงนั่นเอง เมื่อถึงวันลิง ชาวบ้านจะไปชุมนุมกันที่เสาหินสลักรูปลิงนี้ มีการกินเลี้ยงรื่นเริงอย่างสนุกสนานและจะไม่ยอมหลับนอนทั้งคืน เพราะเชื่อกันว่าวิญญาณในรูปของแมลงที่อยู่ในตัว จะออกจากร่างในขณะนอนหลับ แล้วขึ้นไปรายงานความประพฤติของตนบนสวรรค์ คนที่ไม่ต้องการให้สวรรค์รู้ จึงไม่ยอมนอนหลับในคืนนั้น
เหตุที่คนญี่ปุ่นทำเสาโกชินปักไว้ข้างถนนนั้น นอกจากจะใช้เป็นเครื่องเตือนสติดังกล่าวแล้ว ชาวบ้านยังเชื่อกันว่า หลักโกชินยังเป็น “เจ้าที่” คอยพิทักษ์ดูแลถนน ทำหน้าที่ป้องกันอันตรายให้แก่คนเดินทางอีกด้วย นอกจากนี้ยังเชื่อกันอีกว่ารูปลิงเป็นเครื่องรางป้องกันพวก “ตาร้าย” (
evil eyes
) หรือภูตผีที่จะมารังควานรบกวนเด็กได้อีกด้วย
หลายสิบปีมาแล้วผู้เขียนได้รับทุนไปอบรมการจัดรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่น เห็นเขาทำรูปลิงด้วยผ้า ไม้ และดินเป็นของเล่นให้เด็ก และตามเสื้อผ้าของเด็กเล็กก็จะมีรูปลิงติดอยู่ทางด้านหลังด้วย คล้ายเป็นของขลังไว้คอยป้องกันขับไล่ภูตผีปิศาจมิให้มาทำอันตรายเด็ก
อย่างไรก็ตาม ลิงสามตัวนี้ก็ทำรายได้ให้คนญี่ปุ่นอยู่ไม่น้อย คือเขาเอาไปทำเป็นของที่ระลึกขายชาวต่างประเทศที่ไปเที่ยวญี่ปุ่น ทำด้วยไม้ก็มี ทำด้วยโลหะก็มี ผู้เขียนซื้อชนิดที่แกะไม้มาฝากคนที่ชอบพอหลายชุด เพราะเห็นว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ทำด้วยมือ
ขอเล่าเรื่องลิงญี่ปุ่นและจีนต่อ เพราะเป็นเรื่องที่มีความเชื่อใกล้เคียงกัน และในปัจจุบันก็ยังเชื่อกันว่าลิงเป็นบริวารของหนุมาน
คนญี่ปุ่นนิยมชมชื่นลิงมาแต่โบราณ มีหลักฐานที่พบเห็นตามข้างถนนในชนบทนิยมทำเสาโกชินปักไว้ เสาหินโกชินนี้จะสลักรูปลิง 3 ตัว มีเรื่องกล่าวกันว่า พระชื่อเดนเกียวเป็นผู้ริเริ่มสลักรูปลิงบนเสาหินเป็นครั้งแรก เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ให้ประชาชนระลึกถึงคำสอนแทนตัวหนังสือ ซึ่งคนอ่านหนังสือไม่ออกมาเห็นรูปลิงก็อาจเข้าใจได้
อาการของลิงทั้งสามตัวต่างกัน ตัวหนึ่งเอามือปิดตาทั้งสองข้าง หมายความว่าอย่าดูสิ่งที่ชั่วร้ายหรือมองอะไรในแง่ร้าย อีกตัวหนึ่งเอามือปิดหู หมายความว่าอย่าฟังเรื่องที่ไม่ดี ไม่เป็นมงคล หรือเรื่องชั่วร้ายทั้งปวง และอีกตัวหนึ่งเอามือปิดปาก หมายความว่าอย่าพูดเรื่องที่ไม่ดี ไม่มีประโยชน์หรือพูดในสิ่งที่ไม่เป็นมงคล คำสอนทั้ง 3 ประการนี้ถือว่าสำคัญมาก ที่สังคมยุ่งเหยิงอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะใช้ตา หู และปาก แบบไม่มีสตินั่นเอง
ในสมัยโบราณคนญี่ปุ่นมีเทศกาลโกชิน เรียกว่าวันโกชิน คือวันลิงนั่นเอง เมื่อถึงวันลิง ชาวบ้านจะไปชุมนุมกันที่เสาหินสลักรูปลิงนี้ มีการกินเลี้ยงรื่นเริงอย่างสนุกสนานและจะไม่ยอมหลับนอนทั้งคืน เพราะเชื่อกันว่าวิญญาณในรูปของแมลงที่อยู่ในตัว จะออกจากร่างในขณะนอนหลับ แล้วขึ้นไปรายงานความประพฤติของตนบนสวรรค์ คนที่ไม่ต้องการให้สวรรค์รู้ จึงไม่ยอมนอนหลับในคืนนั้น
เหตุที่คนญี่ปุ่นทำเสาโกชินปักไว้ข้างถนนนั้น นอกจากจะใช้เป็นเครื่องเตือนสติดังกล่าวแล้ว ชาวบ้านยังเชื่อกันว่า หลักโกชินยังเป็น “เจ้าที่” คอยพิทักษ์ดูแลถนน ทำหน้าที่ป้องกันอันตรายให้แก่คนเดินทางอีกด้วย นอกจากนี้ยังเชื่อกันอีกว่ารูปลิงเป็นเครื่องรางป้องกันพวก “ตาร้าย” (
evil eyes
) หรือภูตผีที่จะมารังควานรบกวนเด็กได้อีกด้วย
หลายสิบปีมาแล้วผู้เขียนได้รับทุนไปอบรมการจัดรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่น เห็นเขาทำรูปลิงด้วยผ้า ไม้ และดินเป็นของเล่นให้เด็ก และตามเสื้อผ้าของเด็กเล็กก็จะมีรูปลิงติดอยู่ทางด้านหลังด้วย คล้ายเป็นของขลังไว้คอยป้องกันขับไล่ภูตผีปิศาจมิให้มาทำอันตรายเด็ก
อย่างไรก็ตาม ลิงสามตัวนี้ก็ทำรายได้ให้คนญี่ปุ่นอยู่ไม่น้อย คือเขาเอาไปทำเป็นของที่ระลึกขายชาวต่างประเทศที่ไปเที่ยวญี่ปุ่น ทำด้วยไม้ก็มี ทำด้วยโลหะก็มี ผู้เขียนซื้อชนิดที่แกะไม้มาฝากคนที่ชอบพอหลายชุด เพราะเห็นว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ทำด้วยมือ
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 กรกฎาคม 2559 17:58:41 โดย 自由人
»
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
กำลังโหลด...