[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 14:41:20 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ไซอิ๋ว (ฉบับเดินทางสู่พุทธภาวะ) : เมตตา ของ อวิชชา  (อ่าน 1937 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5062


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 50.0.2661.273 Chrome 50.0.2661.273


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 23 พฤศจิกายน 2559 06:11:22 »



เมตตาของอวิชชา

ลุถึงเดือนหกย่างเข้าเดือนเจ็ด สองข้างทางไปไซทีที่มีดอกไม้บานสะพรั่ง อาจารย์และสานุศิษย์รอนแรมมาถึงดงสนร่มรื่นประหลาดที่ไม่เคยพบมาก่อน พระถังซัมจั๋งจึงขอนั่งพักผ่อน ฝ่ายเห้งเจียนั้นพิเคราะห์ดูเห็นว่าที่ดงสนเป็นที่มีรัศมีรุ่งเรือง แต่ครู่เดียวที่กลางดงสนก็มีควันดำพุ่งขึ้นมา โป้ยก่ายและซัวเจ๋งหาได้ทันสังเกตเห็นไม่ เพราะมัวเพลินเก็บดอกไม้ ผลไม้อยู่
 
ปีศาจตี้ย้งฮูหยิน (เมตตาของอวิชชา) หรือปั๊วเจี๊ยดกวนอิม (กวนอิมผ่าซีก) ซึ่งเป็นปีศาจหนูเผือกเฝ้าดูพระถังซัมจั๋งนั่งพักผ่อน ในดงสนอยู่ ครั้นเห็นพระถังซัมจั๋งนั่งอยู่ลำพังคนเดียว มันจึงแปลงกายเป็นหญิงสาวถูกจับมัดมือห้อยอยู่บนต้นไม้สูง ปากก็ร้องอ้อนวอนให้พระถังซัมจั๋งช่วย พระถังซัมจั๋งร้องเรียกให้โป้ยก่ายขึ้นไปช่วยเหลือ มิไยที่เห้งเจียผู้มาทันเหตุการณ์จะคัดค้านว่ามันเป็นปีศาจ พระถังซัมจั๋งกับโป้ยก่ายหาเชื่อฟังไม่ ฝ่ายปีศาจตี้ย้งฮูหยินถูกปลดลงจากต้นไม้แล้วขอติดตามร่วมทางไปด้วย พระถังซัมจั๋งรู้สึกเมตตาสงสารหญิงสาว ไม่มีญาติผู้นี้ จึงอนุเคราะห์ให้เป็นศิษย์ติดตามคณะไปด้วย
 
ศิษย์และอาจารย์รอนแรมมาถึงวัดหนึ่งชื่อ ติ๊นไฮ้เสียนลิ่มยี่ (โยนิโส มนสิการ) ที่มีกำแพงล้อมรอบ ๔ ชั้น นอกกำแพงนั้นมีโจรผู้ร้ายชุกชุม เที่ยวปล้นสะดมอื้ออึงอยู่ ชั้นที่หนึ่งมีหอกลอง (เฝ้าดูการกระตุ้นด้านใน) ชั้นที่สองมีหอระฆัง (เฝ้าดูการกระตุ้นในขณะที่ยังมี วิตก วิจาร เป็นวจีสังขาร) และในชั้นที่สามนั้นมีเต้าหยิน (เฝ้าดูการกระตุ้นในขณะวิตก วิจาร ระงับสิ้นแล้ว) ชั้นที่สี่ ซึ่งเป็นชั้นในสุดของอารามติ้นไฮ้เสียนลิมยี่นี้มี พระภิกษุชื่อพิเบ๊จง (เฝ้าดูการกระตุ้นอายตนะ) จึงได้รับการต้อนรับอย่างดี
 
คืนแรกของการค้างคืนที่อารามนี้หามีเหตุการณ์อะไรไม่ ครั้นล่วงมาคืนที่สอง ในตอนดึกพระถังซัมจั๋งลุกขึ้นร้องไห้คร่ำครวญและหมดขันติที่จะไปไซที เพื่ออาราธนาพระไตรปิฎก ทั้งนี้เพราะฤทธิ์ของปีศาจตี้ย้งฮู้หยิน ที่พักแรมอยู่ด้วยกันนั่นเอง
 
ฝ่ายเห้งเจียเห็นดังนั้นเข้าปลอบประโลมอาจารย์ให้อุ่นใจว่าไม่เท่าไร ไข้จะหายไปเอง ส่วนเห้งเจียเองยังหาทราบสมุฏฐานของอาการไข้ของพระถังซัมจั๋งไม่ได้ ครั้นใกล้สว่างนางปีศาจออกไปชักชวนสามเณรผู้ตื่น ขึ้นตีระฆังไปร่วมอภิรมย์ด้วย แล้วจับสามเณรกินเป็นอาหาร เป็นอย่างนี้ ทุกคืนจนภิกษุสามเณรในวัดหายไปอย่างไม่มีร่องรอย
 
เห้งเจียเมื่อทราบความดังนี้แล้ว แปลงกายเป็นสามเณรน้อยตื่นแต่ดึกไปตีระฆัง นางปีศาจเข้ามาชักชวนไปร่วมอภิรมย์ด้วย พอเห้งเจียเผลอตัว นางปีศาจขัดขาเห้งเจียล้มลง มันกระโดดเข้าปลุกปล้ำเห้งเจีย หวังจะเอาน้ำสัมภาวะไปเป็นน้ำกระสายยาอย่างเช่นแต่ก่อนมา เห้งเจียจึงกระชากตะบอง วิเศษออกมาสู้รบกับนางปีศาจ
 
ตี้ย้งฮูหยินสู้เห้งเจียไม่ได้ถอดร่างหลอกให้เห้งเจียสู้รบ ส่วนตัวมันเองบันดาลเป็นสายลมหอบพระถังซัมจั๋งที่กำลังหลับไปซ่อนไว้ที่ถ้ำโป๊เต๊ยต๋อง ภูเขาฮั้มถังซัว แล้วให้สมุนปีศาจเตรียมจัดงานวิวาห์บังคับจะข่มขืนพระถังซัมจั๋ง
 
ฝ่ายเห้งเจียพอตีซากปีศาจล้มลง รู้สึกว่าถูกกลลวง วิ่งไปดูอาจารย์ในห้องเห็นหายไปรู้ได้ว่า โป้ยก่าย ซัวเจ๋ง ไม่ทำหน้าที่รักษาพระอาจารย์ จึงโกรธจัดร้องด่า ซัวเจ๋งจึงท้วงเห้งเจียว่า “พี่อย่าด่าเราทั้งสองเลยหากขาด โป้ยก่ายและฉันแล้วแม้เพียงจะสนเข็มปักลายสักเส้นเดียว ย่อมหาทำได้ไม่ และขาดเราทั้งสองแล้วใครจะจูงม้าหาบของให้เล่า”
 
เห้งเจียนึกได้จึงขอโทษขอโพย แล้วสามพี่น้องพร้อมทั้งม้าขาวออกติดตามพระถังซัมจั๋ง เห้งเจียแผลงฤทธิ์เรียกพระภูมิเจ้าที่มาสอบถามถึง ถ้ำปีศาจแล้วออกติดตามไปจนพบปากถ้ำ ครั้นพิจารณาดูแล้วเห็นผิดปกติ ไม่เคยพบปากถ้ำเช่นนี้มาก่อน กล่าวคือปากทางแคบ และลึกสุดหยั่ง จึงให้โป้ยก่าย ซัวเจ๋ง ซุ่มเฝ้าที่ปากทาง เห้งเจียก็แปลงเป็นแมลงวันหัวเขียว บินลงไปจนถึงห้องฉลองวิวาห์ของนางปีศาจ เห้งเจียบินเข้าไปจับที่ใบหู แล้วบินซุกเข้าไปในฟองสุราของนางปีศาจ หวังจะเข้าไปบิดพุงกระทุ้งปอด ฝ่ายนางปีศาจตาไวเห็นแมลงวันหัวเขียวเอานิ้วเขี่ยทิ้งเสีย เห้งเจียเดือดดาล ที่ทำการไม่สำเร็จแปลงร่างกลับคืน แล้วกระชากตะบองวิเศษออกมาสู้รบกับปีศาจ ถูกปีศาจรุกไล่พ่ายหนีวิ่งกลับขึ้นมาทางเก่า
 
เห้งเจียหวนกลับลงไปในรูลึกถึงบาดาลนั้นใหม่ แปลงกายเป็นแมลงหวี่ ไปกระซิบความให้พระถังซัมจั๋งชวนปีศาจลงไปชมสวน แล้วเห้งเจียแปลงเป็นผลชมพู่สุก พระถังซัมจั๋งแสร้งทำเป็นรักนางปีศาจเด็ดชมพู่ ป้อนให้กันและกัน ครั้นเห้งเจียตกถึงท้องปีศาจ เริ่มกระทุ้งดี ตีม้าม จนนางปีศาจยอมแพ้ เห้งเจียบังคับให้มันแบกพระถังซัมจั๋งขึ้นบ่าเหาะขึ้นมาตามปล่องถ้ำ จนขึ้นสู่พื้นดิน พอเห้งเจียกระโดดออกจากปากนางปีศาจกลับหักหลังหอบ รวบพระถังซัมจั๋งมุดลงบาดาลไปอีก
 
เห้งเจียกระโดดไล่ลงไปตามปล่องเที่ยวค้นหาตัวพระถังซัมจั๋งใต้บาดาลโกลาหล จนหลงเข้าไปในห้องบูชาของนางปีศาจๆ นางแอบบูชา ถักทะลีทีอ๋อง(กุศล = ความดีงาม)ว่าเป็นบิดาของตน เพราะมีรูปสลักไว้กราบไหว้ เห้งเจียดีใจนักหนา ขึ้นจากปล่องบาดาลเหาะทะยานขึ้นไปหาถักทะลีทีอ๋อง (กุศล = ความดีงาม) และโลเฉีย (เจตสิก = ธรรมปรุงแต่งประกอบจิต) สองพ่อลูกยกกองทัพเทพบุตรลงมายังปากปล่องถ้ำเพื่อปราบนางปีศาจตัวฉกาจ
 
 
เห้งเจีย (ปัญญา = การหยั่งรู้ในเหตุและผลของความดี ความชั่ว) กับโลเฉีย (เจตสิก = ธรรมปรุงแต่งประกอบจิต)กระโจนลงไปในปล่องถ้ำจนถึงบาดาลทันท่วงที ในขณะที่นางปีศาจตี้ย้งฮูหยิน (เมตตาของอวิชชา) กำลังจะข่มขืนพระถังซัมจั๋ง (ขันติ = ความอดทนเพื่อบรรลุถึงสิ่งดีงาม) อยู่
 
เมื่อนางปีศาจตี้ย้งฮูหยิน(เมตตาของอวิชชา) เหลือบเห็นหน้าโลเฉีย (เจตสิก = ธรรมปรุงแต่งประกอบจิต) ให้หมดเรี่ยวแรงสิ้นฤทธิ์กลับ ร่างกลายเป็นหนูเผือก เห้งเจียจึงแบกพระถังซัมจั๋งหนี โลเฉียลากนางหนูเผือกขึ้นจากปล่องถ้ำ ถักทะลีทีอ๋องกับโลเฉียและกองทัพก็คุมตัวนาง หนูเผือกกลับไปสวรรค์ พระถังซัมจั๋งและศิษย์พร้อมหน้ากันแล้วออกเดินทางมุ่งทิศปราจีนต่อไป
 
 
 

(เมื่อได้ผ่านโลกียะ เข้าสู่เขตโลกุตระ มรรคทั้ง ๗ ในทางสัมมาทิฏฐิ ก็เกิดขึ้น คือ
 
๑.ซึงหงอคงที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ คือ มิจฉาปัญญา กลายเป็นเห้งเจีย ทดใช้ในทางสัมมาทิฏฐิ คือ สัมมาปัญญา = ความเห็นชอบ
 
๒.อั้งฮั้ยยี้สมัยเป็นมิจฉาสังกัปปะ เป็นเสียนใช้ทงจื้อทดใช้ใน ทางสัมมาทิฏฐิ คือ สัมมาสังกัปปะ = ดำริชอบ
 
๓.อึ้งฮองไต้อ๋อง ปีศาจหนูปากพ่นไฟ มิจฉาวาจาทดใช้ในทางสัมมาทิฏฐิ เป็นสัมมาวาจา = วาจาชอบ
 
๔.เอ็กฮองไต้อ๋อง ปีศาจหมีดำ มิจฉากัมมันตะ กลับมารับใช้ผู้อื่น ในลักษณะปิดทองหลังพระ เป็นสัมมากัมมันโต = การงานชอบ
 
๕.ปีศาจเฒ่าเชียงก๊ก(กวางขาว) มิจฉาอาชีโว เมื่อไม่มีใจที่ต้องการกิเลส เป็นสัมมาอาชีโว = อาชีพชอบ
 
๖.ตาเฒ่าแซ่ตั๊น ๒ คนกับ ลูก ๒ คนแห่งหมู่บ้านตั๊นแกจึง ริมแม่น้ำทงทีฮ้อ มิจฉาวายามะ เป็นสัมมาวายามะ = ความเพียรชอบ
 
๗.ปีศาจแป๊ะงั้นหม้อกุน (ท้าวพันตา) มิจฉาสติ เป็นสัมมาสติ = สติชอบ
 
เมื่อมีมรรคทั้ง ๗ องค์ เป็นสัมมาทิฏฐิครบแล้ว มรรคองค์ที่ ๘ ก็จะมีมาเอง คือ สัมมาสมาธิ = สมาธิชอบ เมื่อมีสมาธิชอบ ความสงบรำงับ ความร่มรื่นดุจดงสนจึงเกิดขึ้น แต่ยังจะมีความสุขที่แฝงด้วยกิเลสเกิดขึ้น ด้วยมีเมตตาของอวิชชา
 
ดังเช่นแม่รักลูก ลูกรักแม่ ศิษย์รักอาจารย์ เป็นเมตตาที่ยังจมอยู่ในสังสารวัฏ ไม่ใช่เมตตาอย่างผู้มีปัญญา ที่สงเคราะห์กันและกันให้ออกจาก วัฏฏะสงสาร จึงควรมีการเพ่งพิจารณามโนกรรมที่ถูกต้อง คือ โยนิโส มนสิการ ด้วยการ เพ่งดูเข้าไปข้างในจิต ซึ่งมีด้วยกัน ๔ ชั้น
 
๑. ปรฺวรฺตกฺก มนสฺการ เฝ้าดูการกระตุ้นในใจ มโนนิเวศน์
 
๒. วิจฺฉินฺนปรฺวรฺตกฺก มนสฺการ เฝ้าดูการกระตุ้นในขณะที่ยังมี วิตก วิจาร อันเป็นวจีสังขาร
 
๓. อวิจฺฉินฺน ปรฺวรฺตกฺก มนสฺการ เฝ้าดูการกระตุ้นในขณะ วิตก วิจาร ระงับสิ้นแล้ว
 
๔.อายตนปรฺวรฺตกฺก มนสฺการ เฝ้าดูการกระตุ้นของอายตนะ คือ ชั้นประณีตที่สุด เพื่อการเกิดดับของ มนายตนะ)


จาก http://www.khuncharn.com/skills?start=28

อีกอัน ไซอิ๋ว ฉบับ อาจารย์ เขมานันทะ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=maekai&month=10-07-2008&group=15&gblog=1

ลิ้ง สำรอง http://www.tairomdham.net/index.php/topic,11948.0.html

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
ไซอิ๋ว (ฉบับเดินทางสู่พุทธภาวะ) : ศีลที่เกิดจากปัญญา
เอกสารธรรม
มดเอ๊ก 0 1289 กระทู้ล่าสุด 21 พฤศจิกายน 2559 15:27:39
โดย มดเอ๊ก
ไซอิ๋ว (ฉบับเดินทางสู่พุทธภาวะ) : อนันตริกะสมาธิที่เกิดจากปัญญา
เอกสารธรรม
มดเอ๊ก 0 1304 กระทู้ล่าสุด 21 พฤศจิกายน 2559 15:32:32
โดย มดเอ๊ก
ไซอิ๋ว (ฉบับเดินทางสู่พุทธภาวะ) : บารมี ๓๐ ที่แท้ คือ ปัญญา กับ เมตตา
เอกสารธรรม
มดเอ๊ก 0 1477 กระทู้ล่าสุด 21 พฤศจิกายน 2559 15:34:34
โดย มดเอ๊ก
ไซอิ๋ว (ฉบับเดินทางสู่พุทธภาวะ) : โพธิสัตว์ยาน
เอกสารธรรม
มดเอ๊ก 0 1747 กระทู้ล่าสุด 21 พฤศจิกายน 2559 15:45:15
โดย มดเอ๊ก
ไซอิ๋ว (ฉบับเดินทางสู่พุทธภาวะ) : ปริยัติเฟ้อดุจเข้าสู่ความหมองมัว
เอกสารธรรม
มดเอ๊ก 0 1554 กระทู้ล่าสุด 21 พฤศจิกายน 2559 15:51:00
โดย มดเอ๊ก
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.329 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 01 มีนาคม 2567 00:51:53