[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 เมษายน 2567 10:57:52 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ตายแล้วฟื้นของคุณครูบุญชูบันทึกสภาพเมืองนรก  (อ่าน 2601 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪
ลั้ลลา
ผู้ดูแลบ้านสุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +8/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 2097


【ツ】ต้นไม้แห่งแสง

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 2.0.157.2 Chrome 2.0.157.2


หน้ากู
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 15 เมษายน 2553 15:00:55 »

ตายแล้วฟื้นของคุณครูบุญชูบันทึกสภาพเมืองนรก


วันนั้นเป็นวันที่ ๕ ก. พ ๒๔๙๕ ฉันได้ไปทำกิจวัตรประจำวันของฉันคือเป็นครูน้อยประจำโรงเรียนประชาบาล ต. สามโก้ ๔ (วัดมงคลธรรมนิมิตร) อ.วิเศษไชยชาญ จ. อ่างทอง ตามปกติ แต่วันนั้นเป็นวันที่ฉันรู้สึกเกียจคร้าน ไม่มีกำลังใจที่จะสอนเด็กประกอบกับความง่วงผิดปกติ ซึ่งฉันก็ไม่ได้ไปอดนอนที่ไหนมา แต่เป็นเพราะเหตุใดไม่ทราบทำให้ฉันง่วงนอนอยากจะหลับ เป็นเหตุทำให้จิตใจของฉันไม่เป็นปกติ แต่ฉันก็ทนสอนต่อไปจนหมดเวลา ๑๕.๑๕ น. ซึ่งเป็นวันเวลาเลิกทำการสอน
พอปล่อยเด็กกลับบ้านแล้วฉันก็เดินมาบ้านซึ่ง***งจากโรงเรียนประมาณ ๓ เส้นเศษ ฉันมาถึงบ้านก็ผลัดเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว และปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน คือหุงข้าว กวาดบ้าน ถูบ้าน อาบน้ำ ตนเองและบุตร เมื่อเสร็จงานบ้านแล้ว ฉันก็นำเสื่อมาปูและนอนเล่นกับบุตร ๒ คน ในขณะนั้นเวลา ๑๖. ๓๐ น. เศษต่อมาฉันก็หลับไปเมื่อไรไม่ทราบมารู้สึกตัวต่อเมื่อตัวของฉันเองมายืนอยู่ใต้ร่มไม้ มีร่มมะพร้าว ขนุน มองดูสวยงามมาก มะพร้าวและขนุนกำลังมีผลดก แต่ก็ไม่ทราบว่าที่ฉันยืนอยู่นี้เป็นที่ใด
ฉันมองไปรอบ ๆ ตัวบังเอิญสายตามองไปบนถนนสายหนึ่ง ยาวเหยียดไปข้างหน้า ด้วยความอยากรู้ฉันยกเท้าจะขึ้นไปเที่ยวถนนสายนั้น  แต่ยังมิทันที่เท้าของฉันจะถูกพื้นถนนก็ต้องสดุ้ง เพราะได้ยินเสียงพูด แต่เสียงดังเหลือเกิน ดังคล้ายตวาด มาจากทางข้างหน้าของฉันว่า “ อ้อ...บุญชู เหมอะเลยมาเถิด นายให้มารับ ถึงเวลาแล้ว ” ฉันได้ยินดังนั้นก็บอกเขาไปว่าไม่ไปหรอก พร้อมกับผละวิ่งหนีทันที
แต่ชายทั้งสี่คนก็เดินตามและพูดว่า “ ถึงเวลาแล้ว ไม่ไปไม่ได้ ” ฉันก็หันไปบอกเขาว่า “ ลุงไปบอกนายเถิดว่า ฉันผัดไปก่อน ฉันยังไม่ไปไหนหรอก ” แต่เขาก็ตอบมาอีกว่า “ผัดกับข้าไม่ได้ เอ็งต้องไปผัดเอง” เมื่อหมดหนทางเลี่ยงฉันจึงบอกว่า “ ถ้าเช่นนั้นต้องคอยก่อน ฉันต้องไปบอกคนทางบ้านเสียก่อน เพราะที่มาเที่ยวนี้ไม่มีใครรู้ ” แล้วฉันก็เดินมาหน้าบ้านและเดินเข้ารั่วบ้านขึ้นบันไดไป ก็พบว่าบนบ้านสว่างไปด้วยตะเกียงเจ้าพายุและมีชาวบ้านมานั่งกันอยู่เต็มบ้านพร้อมทั้งร้องไห้ ฉันขึ้นบันไดได้ก็ผละวิ่งจากตรงบันไดไปหาสามีของฉัน ซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆหมอ ฉันเสียหลักสะดุดชายเสื่อล้มลงไป
เมื่อฉันลุกขึ้นมา ชาวบ้านใกล้เคียงที่มานั่งอยู่บนบ้านข้าง ๆ ฉันนั้นต่างพากันถอยหนีไปรวมกันอยู่หน้าครัวหมดและต่างก็ชิงกันถามว่า “ ครูฟื้นแล้วหรือ ครูไม่ตายหรือ ครูไม่ได้หลอกพวกฉันไม่ใช่หรือ” ฉันก็บอกพวกนั้นว่า “ อย่ากลัวฉันเลย ฉันอยากจะพูดอะไรด้วยสักหน่อย แล้วก็จะไปเพราะเขามารับฉันแล้ว ฉันอยู่ไม่ได้ฉันยังไม่อยากตาย ขอผัดเขา เขาไม่ยอมบอกให้ไปผัดกับยมบาลเองฉันจึงจะต้องไป และฉันขอร้องด้วยขอให้เก็บศพฉันไว้ ๓ วันก่อน ถ้าไม่กลับหมายความว่าเขาไม่ยอม จึงค่อยเผา”
พอดีได้ยินเสียงสุนัขหอนขึ้นและได้ยินเสียงเรียก ฉันจึงบอกว่า “ โน้นเขาเรียกเร่งมาแล้ว ฉันไปล่ะ ลาก่อนทุก ๆ คน ” นายเจ๊กที่เป็นหมอแกจึงเอาธูปเทียนมาให้ฉัน และบอกว่า “ พระอรหํ พระอรหํ” ตอนนี้ฉันเกือบจะหมดสติแล้ว รับคำพระอรหํได้สองครั้งก็หมดสติวูบไป มาารู้สึกตัวว่าตัวของฉันเองได้เดินอยู่บนถนนสายนั้นเสียแล้ว
ในระยะที่ฉันฟื้นและตายไปใหม่นี้คือฟื้นตอนประมาณ ๒๒. ๐๐ น. และตายไปใหม่ประมาณ ๒๒ . ๐๖ น. ตลอดทางที่เดินไปนั้นฉันอยู่ตรงกลาง มีคนขนาบข้าง ๒ คน เดินมาพักใหญ่จึงมาพบโต๊ะตั้งข้างทางเดินมีอาหารหลายชนิดตั้งอยู่บนโต๊ะ มีเหล้า ข้าว หมู ไก่ ขนมจีนน้ำยาและขนมอีกหลายชนิดคนทั้งสี่ตรงเข้าไปที่โต๊ะและเรียกฉัน “บุญชูยังไม่ได้กินข้าว มากินเสียซิ”
ฉันก็ตรงเข้าไปกินกับเขา เมื่ออิ่มแล้วก็ถามเขาว่า “ ของใครนี่เรามากินของเขาไม่ว่าเอาหรือ ” คนที่มีท่าทีว่าจะเป็นหัวหน้าบอกฉันว่า “ ไม่มีใครว่าหรอกเพราะเขาเซ่นผี ไว้อีกสองวันข้าจะกลับมาเอา” ฉันถามว่าบ้านใครเล่า เขาบอกว่า “ โน้นไงเล่า บ้านนางหล่ำ หัวตะพานเขาทำบุญต่ออายุไว้
อีกสองวันเถิดข้าจะมาเอาตัวไป” ฉันมองตามมือก็เห็นบ้านหลังนี้อยู่ข้าง ๆ บ้านมีลูกกรงสีเขียวต่อจากบ้านนางหล่ำมาอีกพักใหญ่ จึงพบขบวนคนยืนอยู่สองฟากถนนต่างไชโยโห่ร้องรับฉัน และร้องบอกกันว่า “ พวกเรามาอีกคนแล้วโว้ย ”ฉันบอกกับเขาว่า “ ฉันไม่มาเป็นพวกแกหรอก ” พวกนี้ส่วนมากไม่นุ่งผ้ากันเลย
จากพวกนี้ไปก็ถึงสวนดอกไม้ใหญ่ ดอกสวยมากเป็นทองคำทั้งดอก ใบสีเขียวเป็นมันเหมือนมรกต ฉันตรงเข้าไปจะเก็บก็ถูกห้ามไม่ให้เก็บ เขาบอกว่าถ้ายังอยากจะกลับละก้ออย่าเก็บ ถ้าเก็บแล้วเอ็งจะกลับไม่ได้ ฉันต้องเดินผ่านมาด้วยความเสียดาย
เดินพักใหญ่ก็พบลานกว้างมีต้นไทรขนาด ๒ คนโอบ มีแท่นหินและโต๊ะหินอยู่โคนต้นไทร มีชายคนหนึ่งตัวดำ ผมหยิกตาพอง รูปร่างใหญ่โตนั่งอยู่บนแท่นหินนั้น ชายทั้งสี่และฉันเดินมาถึงตรงนี้ ก็ถูกเรียกว่า “ เฮ้ย .. พามาตรงนี้ซิ มาถามไถ่กันดูก่อน อีนี่ดื้อนักเรียกไม่ค่อยจะมา ” ฉันและชายทั้งสี่จึงเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าพอเงยหน้าขึ้นดูก็รู้สึกดีใจว่ายมบาลคนนี้รูปร่างเหมือนนายสิงห์หมี ผู้ใหญ่บ้านที่รู้จักกัน
จึงถามว่า “ อ้าว ..ตาเชย มาเมื่อไรเล่า ? ” แต่กลับตวาดว่า “ เชย..เชยอะไร เอ็งรู้จักข้าตั้งแต่เมื่อไหร่? ” ทำให้ฉันเงียบเสียงทันที แต่ยังนึกสงสัยว่า ยมบาลนี้ถ้าไม่ชื่อเชย ทำไมรูปร่างเหมือนผู้ใหญ่เชยจริง ๆ คล้ายกับจะเป็นลูกฝาแฝดทีเดียว แต่ยมบาลตัวใหญ่มาก ฉันจะพูดกับยมบาลต้องแหงนหน้า ฉันยืนอยู่ตรงหน้าคล้ายกับเอาลูกหนูไปยืนอยู่ตรงหน้าวัว ตัวเขือง ๆ ทีเดียว
ต่อไปยมบาลถามฉันว่า “ เอ็งทำไมดื้อนัก ..ข้าให้คนไปรับยังวิ่งหนี ” ฉันตอบไปว่า “ ฉันห่วงลูก เพราะลูกยังเล็กอยู่ ” คราวนี้ยมบาลสดุ้งทันทีร้องว่า “ อ้าว ..พวกมึงทำไมทำ***อย่างนี้เล่า ผิดตัวเสียแล้ว อีนี่มันไม่มีลูกนี่หว่า ” เสร็จแล้วก็ไปพลิกบัญชีดูและบอกว่า “ อีคนนั้นชื่อบุญชู จิตทอง บ้านต้นโพธ์ หมู่ ๑ จ.สิงห์บุรี ตายเวลาตีหนึ่งครึ่ง เป็นไข้ทับระดูตาย อีนี่ตายตั้งแต่ห้าโมงเย็น เป็นลมตาย ไม่ใช่ ๆ ผิดตัว
เอ็งจัดแจงเตรียมตัวไปเอาอีคนนั้นมา ” พอสี่คนนั้นเตรียมตัวไปยมบาลก็หันหน้ามาบอกฉัน “ จะดูอะไรก็ดูเลย ประเดี๋ยวจะให้เขาเอากลับไปส่ง ” ฉันจึงเดินดู พบชายคนหนึ่ง ซึ่งฉันเคยรู้จักชื่อนายเปรื่อง ถูกตัดนิ้วมือด้วนกุดหมด ถามได้ความว่าชอบยิงนกในวัด
บางคนก็เคยทุบหัวควายก็ถูกล่ามโซ่และถูกเชือดเนื้อเสียงร้องอู้ ๆ น่ากลัวมาก ฉันมองดูด้วยความหวาดเสียว เมื่อฉันเดินออกมายมบาลก็โยนบัญชีมาให้ฉันดู ในบัญชีนั้นมีหนังสือตัวใหญ่ ๆ แผ่นกระดาษใหญ่เท่ากับแผ่นกระดานดำที่สอนเด็ก ฉันมองดูมีชื่อคนมาก
แต่ฉันพยายามจำแต่คนที่ฉันรู้จักจำมาได้ดังนี้คือ (๑) นางบุญชู จิตทอง ตีหนึ่งครึ่ง ไข้ทับระดู ๕ ก.พ. ๒๔๙๕ (๒) นางหล่ำ ๗ ก.พ. ๒๔๙๕ (๓) นางฉาย บุญวงศ์ ๔ มี. ค. ๒๔๙๕ (๔) นานแม่น ทองสติ ๔ ก. ค. ๒๔๙๕ (๕) นายปลอด สีสิงห์ ๔ ก.พ. ๒๔๙๗ (อีกสองปี)
ฉันเปิดขอดูอีกแต่เขาไม่ยอมให้เปิด เขาบอกว่า “ เอ็งหมดสิทธิ์ที่จะเปิดแล้ว เอ็งเป็นคนใจบุญเปิดดูไม่ได้หรอก เดี๋ยวไปเที่ยวบอกเขาหมด เมื่อก่อนนี้เอ็งเป็นคนทำบัญชีให้ข้า ข้าคิดถึงเอ็ง อีกห้าปีข้าจะให้ไปรับเพราะเอ็งจะลำบากอีกมาก ” ฉันบอกว่า “ อีกห้าปีฉันไม่มาหรอก ” ยมบาลหัวเรอะแล้วพูดว่า “ เอ็งอยากลำบากก็ตามใจเอ็ง แต่ถ้าเอ็งไม่มาเอ็งต้องบวชลูกให้ข้า ข้าก็ไม่ไปรับเอ็ง  แต่ข้าจะให้คาถาเอ็งไว้ป้องกันตัวบทหนึ่ง เอ็งพยายามท่องอยู่เสมอ อันตรายและความลำบากจะลดน้อยลงไป คาถานี้เอ็งบอกให้ทั่ว ๆ ไปเถิด เพราะต่อ ๆไปในเมืองมนุยษ์จะยุ่งกันใหญ่ เอ็งคอยจำนะข้าจะบอกให้ ” แล้วเขาบอกว่า “ ก่อนท่อง ตั้งนะโมสามจบเสียก่อนนะแล้วท่อง จะออกจากบ้านหรือจะนอนนะท่องอยู่เสมอ ๆ จะคุ้มภัยเอ็งได้ ”
             ปะโตเมตัง ปะระชิวินัง สุขะโต จุติ
                จิตะเมตะ นิพพานัง สุขะโต จุติ
ฉันจำไว้เพื่อนำมายังมนุษย์โลกต่อไป และก็เป็นที่น่าแปลกว่า ฉันได้ฟังเพียงครั้งเดียวก็จำได้และก็พอดีเขานำบุญชู จิตทองมา บุญชูคนนี้กับฉันรูปร่างเหมือนกันมาก ฉันได้ยินเสียงยมบาลดุบุญชูว่า “ เอ็งนี่จะตายแล้วยังก่อเวรไปลักพุทราเขามากินและผิดสำแดงพุทราจึงตาย ” แล้วเขาสั่งให้ตีบุญชู ฉันรู้สึกกลัวจริง ๆ เมื่อบุญชูคนโน้นถูกตีด้วยหวายแล้ว ยมบาลก็สั่งให้ชายทั้งสี่นำฉันมาส่ง
พอมาถึงหน้าบ้านฉันเข้าบ้านไม่ได้เพราะล้อมสายสิญจน์และซัดข้าวสารไว้ จนกระทั้งคนที่ท่าทางคล้ายกับเป็นหัวหน้าแกจึงจับฉันเหวี่ยงโครมขึ้นมาบนบ้านทำให้บ้านไหวยวบ คนหนีกันหมดเหลือแต่ลูกสาวฉันได้อายุได้สี่ปี นั่งอยู่และถามฉันว่า “ แม่ไม่ตายหรือ ..” พอบอกว่าไม่ตายหรอก จึงได้เรียกคนขึ้นมาบนบ้าน ฉันรู้สึกใจหาย เพราะตอนที่ฟื้นมานี้เป็นเวลา ๐๘. ๐๕ น. เศษ และต่อโลงเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกชาวบ้านและพระขอร้องให้ฉันเล่าให้ฟัง ผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีฉันก็นำมาเล่าให้ชาวบ้านและพระฟังจนหมด
และต่อมาเมื่อวันที่ ๗ นางหล่ำตาย วันที่ ๔ มี.ค. นางฉายตาย วันที่ ๔ ก.ค. นายแม่นตาย ต่อมาคนสุดท้าย นายปลอด สี่สิงห์ กำหนด ๒ ปี พอครบพอดีก็ตาย แต่ก่อนตายแกไปเที่ยวขุดละลายหัวคนที่แกเคยรุกที่เขาคืนให้เจ้าของหมด
ต่อมานายคนหนึ่งทางห้วยคันแหลม ( ต. ห้วยคันแหลม ) ได้สั่งลูกหลานไว้หลังฉันฟื้นมาแล้ว “กูตายไปละก้อ มึงเอาขวานใส่โลงไปให้กูด้วยกูจะเอาขวานไปโค่นต้นงิ้วในนรก” พอตาย ลูกหลานก็เอาขวานใส่โลงไปให้จริง ๆ ต่อมาแกกลับมาเข้าทรงเด็ก ๆ ให้ไปขุดขวานขึ้น แกบอกว่า “ ไม่ไหวละ มันเอาขวานทุบหัวเสียอีกด้วยซี แทนที่จะเอาขวานไปโค่นต้นงิ้ว” ในที่สุดพวกลูกต้องไปขุดเอาขวานขึ้น ”



** ทั้งหมดนี้เป็นบันทึกของนาง บุญชู ศรีผ่อง **




Credits: mindcyber.com

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

เราช่วยกันนำต้นรักที่เพาะได้
   ส่งไปตาม บ้านที่ต้องการ
       อยากจะได้...
   หรืออยากจะเติม
【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪
ลั้ลลา
ผู้ดูแลบ้านสุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +8/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 2097


【ツ】ต้นไม้แห่งแสง

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 2.0.157.2 Chrome 2.0.157.2


หน้ากู
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 15 เมษายน 2553 15:02:57 »

จากบทความข้างบน คาถาบูชาพญายม

ปะโตเมตัง ปะระชิวินัง สุขะโต จุติ
                จิตะเมตะ นิพพานัง สุขะโต จุติ

เป็นอีกหนึ่งคาถาที่ผมท่องอยู่ทุกวัน ทั้งก่อนนอน และเมื่อรู้สึกมีเคราะห์ร้ายเข้ามา
ซึ่งก็มักผ่านไปด้วยดี จึงอยากให้ทุกคนได้ลองสัมผัสดูครับ

บันทึกการเข้า

เราช่วยกันนำต้นรักที่เพาะได้
   ส่งไปตาม บ้านที่ต้องการ
       อยากจะได้...
   หรืออยากจะเติม
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.329 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 22 มีนาคม 2567 07:10:13