หลวงปู่ญาท่าน (บุญเลิศ ปภัสสโร) วัดกุดโพนทัน ต.โพธิ์ชัย อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู

หลวงปู่ญาท่าน พระครูปภัศรคุณ (บุญเลิศ ปภัสสโร)
วัดป่าสามัคคีศิริพัฒนาราม (วัดกุดโพนทัน) ต.โพธิ์ชัย อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู

"พระครูปภัศรคุณ" หรือ "หลวงปู่ญาท่าน" (บุญเลิศ ปภัสสโร) อดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดป่าสามัคคีศิริพัฒนาราม (วัดกุดโพนทัน) ต.โพธิ์ชัย อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู

มีนามเดิมว่า บุญเลิศ ดรพล เกิดเมื่อวันที่ 30 เม.ย.2467 เป็นชาว อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม

อายุครบ 20 ปี ตั้งใจขอบวชเพียง 3 วันเท่านั้น เมื่อวันที่ 6 พ.ค.2487 เข้าอุปสมบทที่วัดโพธิ์ศรีวราราม ต.แพง อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม โดยมีเจ้าอธิการสิงห์ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรีวราราม เป็นพระอุปัชฌาย์

แต่ภายหลังผ่านพ้นการอุปสมบท ปรากฏว่าท่านมีจิตใจที่รู้สึกปลอดโปร่ง สร้างความรู้สึกใฝ่สันติ สุขสงบเป็นอย่างยิ่ง จึงตั้งปณิธานที่จะขอเรียนรู้และปฏิบัติธรรมแสวงหาความหลุดพ้น แต่การเรียนรู้ในทางโลกมิสู้การปฏิบัติจริง ท่านได้ชักชวนพระภิกษุที่เป็นเพื่อน จำนวน 3 รูป ออกธุดงควัตรไปตามป่าเขาลำเนาไพร ปลีกวิเวกและได้พบพระปฏิบัติกัมมัฏฐาน ทราบต่อมาคือ หลวงปู่กุ ได้ฝากตัวขอเป็นศิษย์ เพื่อเรียนรู้กัมมัฏฐาน ก่อนจะเดินทางกลับบ้านเกิด

ในเวลาต่อมา เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรีวราราม มรณภาพ เจ้าคณะอำเภอโกสุมพิสัย จึงได้แต่งตั้งให้ท่านดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส

อยู่มาได้เพียง 10 ปี เป็นเจ้าคณะตำบลแพง และเมื่ออยู่ครบ 12 พรรษา ท่านขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรีวราราม และเจ้าคณะตำบลแพง ด้วยมีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงจะออกธุดงค์และบำเพ็ญเพียรไปตามสถานที่ต่างๆ

ท่านออกธุดงควัตรขึ้นเหนือล่องใต้ไปจน ถึงประเทศลาว เขมร มลายู เวียดนาม พบพระเกจิอาจารย์เทียน, หลวงปู่เพชร, อาจารย์วัง ณ ภูลังกา, หลวงปู่กุ เป็นต้น เพื่อขอศึกษาเรียนรู้การเจริญสติภาวนาขั้นสูง

จนกระทั่งปี พ.ศ.2510 ขณะที่ธุดงค์มาถึงวัดเก่าที่ตกสำรวจแห่งหนึ่งใน อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี ท่านหยุดพักปฏิบัติธรรม ตั้งใจว่าจะอยู่พักสักระยะ แต่หลังจากเตรียมตัวที่จะออกธุดงค์ ปรากฏว่าไม่สามารถเดินทางต่อได้ เพราะมีเหตุหลายประการ ทั้งพระที่ร่วมธุดงค์เกิดอาพาธ แต่เมื่อตั้งจิตแน่วแน่ว่าจะไม่ออกธุดงค์ เหตุร้ายต่างๆ พลันหายไป หลวงปู่ได้ตั้งจิตอธิษฐานขออยู่จำพรรษาที่บริเวณดังกล่าว

กระทั่งพัฒนาขึ้นมาเป็นวัดป่าสามัคคีศิริพัฒนานาม หรือวัดป่ากุดโพนทัน จนตราบทุกวันนี้

ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาอย่างแรงกล้าของชาวบ้าน ท่านจึงได้รับสมญานาม "ญาท่าน" อันหมายถึงพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นพระผู้ใหญ่ที่ชาวบ้านนับถือ และมีน้อยรูปที่จะได้ขนานนามว่า ญาท่าน

"ไม่สู้ ไม่อยู่ ไม่หนี" คติธรรมประจำตัวหลวงพ่อญาท่าน อันมีความหมายว่า คำว่า ไม่สู้ หมายถึง ไม่สู้อธรรม ไม่อยู่ หมายถึงไม่อยู่ในอลัชชีและไม่หนี คือไม่หนีจากพระธรรมวินัย ดังนี้แล

เมื่อเวลา 08.30 น. วันเสาร์ที่ 24 ก.ย.2548 พระครูปภัสรคุณหรือหลวงปู่ญาท่าน ละสังขารด้วยอาการสงบที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ หลังจากเข้ารับการรักษาอาการถุงน้ำดีรั่วมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2548

เหลือทิ้งไว้แต่ผลงานอันทรงคุณค่าที่อุทิศให้แด่พระพุทธศาสนา เป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำไว้เบื้องหลัง
ที่มา : ข่าวสดออนไลน์