[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
16 เมษายน 2567 18:57:44 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เนื้อหนอน/จิตซัดส่าย เรื่องพิศดารของพระเฉียดตาย ครั้งหนึ่งมีพระภิกษุชาวเกาหลี  (อ่าน 1187 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5064


ระบบปฏิบัติการ:
Linux Linux
เวบเบราเซอร์:
Chrome 54.0.2840.85 Chrome 54.0.2840.85


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 22 ธันวาคม 2560 10:32:30 »



เนื้อหนอน/จิตซัดส่าย และเรื่องพิศดารของพระเฉียดตาย

ครั้งหนึ่งมีพระภิกษุชาวเกาหลีรูปหนึ่ง เป็นสงฆ์ประจำวัดแฮอินซา เมื่อครั้งที่พระอาจารย์ซองชอล (พระเถระผู้บรรุลธรรมแห่งคณะสงฆ์เกาหลี) ยังมีชีวิตอยู่ ต่อมาพระภิกษุรูปนี้ได้เดินทางธุดงค์ ขึ้นไปบำเพ็ญเพียรตามลำพังบนเทือกเขาจิริซัน ดำรงชีพด้วยของป่าที่พอหาได้

อยู่มาวันหนึ่ง ท่านฉันของมีพิษเข้า คาดว่าน่าจะเป็นเห็ดเมาหรือพืชบางอย่าง จึงล้มป่วยอาหารสาหัส กระทั่งสิ้นสตินอนกองลงไปกับพื้น แต่เมื่อท่านรู้สึกตัว กลับพบว่า ได้หวนกลับมาที่วัดแฮอินซาที่อยู่ห่างจากเทือกเขาจิริซันถึง 100 กิโลเมตรได้อย่างน่าประหลาด ระหว่างนั้นท่านเห็นพระกัลยาณมิตรร่วมวัด 2 รูปกำลังประกอบพิธีอะไรบางอย่างที่คล้ายกับพิธีศพ แต่ทั้ง 2 มิได้แลเห็นท่านแต่อย่างใด เมื่อเข้าไปใกล้ พบว่า รูปหนึ่งกำลังสาธยายพระสูตรไปพลางลั่นกลองไปพลาง แต่คำที่เปล่งออกมากลับมิใช่เนื้อความในพระสูตร แต่เป็นคำว่า "หนังสือ หนังสือ หนังสือ .... "ส่วนอีกรูปสาธยายพระสูตรกับเคาะระฆังไปพลาง แต่กลับพร่ำบ่นคำว่า "ประคำ ประคำ ประคำ ... " แทนจะเป็นพุทธวจนะ

ในชั่วลัดนิ้่วมือหนึ่ง ท่านพบตัวเองอยู่ที่บ้าน กำลังยืนอยู่ใกล้ๆ ขณะที่มารดาท่านกำลังโยนฟืนเข้าเตาไฟ อีกฝ่ายมิได้แลเห็น ท่านจึงเอื้อมมือไปแตะไหล่ ปรากฎว่า มารดาท่านกลับร้องลั่นแล้วทรุดลงด้วยความเจ็บปวด

แล้วในพริบตาหนึ่ง ท่านกลับมาที่ภูเขาอีกครั้ง คราวนี้ได้กลิ่นพุลโกกิ (เนื้อย่างเกาหลี) โชยมาจากริมตลิ่งลำธาร ท่านแลเห็นชายกลุ่มหนึ่งในชุดฮันบกสีขาว (ชุดประจำชาติเกาหลี) กำลังนั่งสุมหัว แล้วร้องเรียกท่านว่า "โว่ย! ลงมากินด้วยกันสิ เนื้อเยอะแยะเลย" ท่านเกือบจะลงไปร่วมวงด้วยแล้ว แต่พลันนึกขึ้นได้ว่าตัวเองดำรงเพศสมณะ ไม่อาจฉันเนื้อได้ จึงเดินจากไป

ขณะเดินขึ้นเขา ท่านสวนทางกับชายชราคนหนึ่ง แบกขาหยั่งสำหรับขนไม้ฟืนไว้ที่หลัง แต่แทนจะที่จะมีฟืนกลับเป็นคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ ชายชราวางขาหยั่งลงแล้ววางร่างชายคนนั้นลงกับพื้น พระอาจารย์สงสัยว่าชายคนนี้ใบหน้าช่างคลับคล้ายคลับคลา จนเดินไปดูใกล้ๆ แล้วก็พบว่า ท่านกำลังจ้องมองร่างของท่านเอง จึงเอื้อมมือไปจับที่ใบหน้า แล้วก็รู้สึกตัวคล้ายกำลังสะดุ้งตื่นจากฝัน พบตัวเองนอนสลบไสลอยู่กลางป่า

ในเวลาต่อมา ท่านเดินทางกลับไปที่วัดแฮอินซา แล้วเล่าเรื่องราวที่ประสบมาให้กัลญาณมิตรได้ฟัง ท่านทั้ง 2 ได้บอกว่า ในวันนั้นพระอาจารย์ซองชอลได้บอกกล่าวกับพวกท่านว่า พระภิกษุเจ้าของเรื่องได้มรณภาพลงแล้วที่เขาจิริซัน ให้ท่านทั้ง 2 ประกอบพิธีส่งวิญญาณเดี๋ยวนี้ ท่านทั้ง 2 จึงประกอบพิธีตามคำสั่ง พระภิกษุจากเขาจิริซันจึงบอกแก่ทั้ง 2 ว่า ท่านเห็นทั้ง 2 สาธยายพระสูตรอยู่ แต่ปากมิได้กล่าวถ้อยในพระสูตรเลย ได้ยินทั้งสองเอ่ยแต่คำว่า "หนังสือ" และ "ประคำ" เท่านั้น พออีกฝ่ายได้ยินก็รู้สึกหลากใจ คนแรกบอกว่าตอนนั้นสาธยายพระสูตรก็จริง แต่ใจนนึกถึงหนังสือที่ท่านติดใจอย่างมากอยากจะได้มาครอง ส่วนอีกท่านบอกอย่างละอายแแก่ใจว่า ตอนนั้นท่านคิดถึงประคำสวดมนต์ อยากจะได้มากครอง จากคำสารภาพจะเห็นว่า แม้ท่านจะกล่าวพระสูตร แต่ใจคิดเรื่องอื่น ผู้ที่สดับในโลกทิพย์จึงได้ยินแต่เรื่องในจิตของท่าน มิใช่พระสูตร ส่วนเจ้าของเรื่องนั้น แม้จะไร้อายตนะ 5 แต่ยังมีอายตนะ 6 สดับยินแต่เจตนาของสรรพสิ่งและของตน

ครั้นต่อมา ท่านได้ไปเยี่ยมามารดา แล้วเล่าประสบการณ์ให้ฟัง มารดาท่านกล่าวว่า วันนั้นจำได้ว่าปวดหลังแปล๊บในพลันอย่างที่ท่านเห็นมาในนิมิต เมื่อไปดูลำธารบนภูเขา ท่านไม่พบร่องรอยว่ามีใครเคยมาย่างเนื้อกินแถวนี้มาก่อน พบแต่ซากนกกางเขนมีหนอนขึ้นยุบยับ จึงเข้าใจว่า ชายชุดขาวที่เห็นเหล่านั้นมิใช่มนุษย์ แต่เป็นหนอนกำลังชอนไชซากศพเน่า หากครั้งนั้นท่านมิได้มีสติรำลึกว่าตัวเองเป็นพระสงฆ์แล้วไซร้ แล้วไปกินเนื้อย่างกับพวกนั้น ก็อาจถูกความอยากฉุดไปเกิดเป็นตัวหนอนแมลงวัน คิดแล้วน่าใจหาย เพราะหากกลายเป็นเดรัจฉาน เมื่อไรเล่าจะได้เป็นมนุษย์อีกครา?

ท่านผู้บันทึกและบอกเล่าเรื่องราว (โจเซฟ เบนจีเวนนี) จึงสรุปว่า จิตขณะเจียนสิ้นใจนั้นเป็นจุดพลิกผันสำคัญยิ่ง ควรที่จะต้องฝึกฝนเตรียมพร้อมรับความตายให้แม่นมั่น เมื่อเวลานั้นมาถึง จะได้มิได้พะว้าพระวง จนจิตพัวพันสับสน จมดิ่งสู่ภพภูมิตกต่ำ ให้ยากที่จะกลับมาเป็นมนุษย์ได้อีกครา

*เก็บความจาก "A Glimpse" เล่าโดย Joseph Bengivenni เผยแพร่ใน pbs.org



*ภาพ "พรตภิกขาจาร, เกาหลี" (Le Bonze Errant. Coree) ภาพพิมพ์ของปอล ชากูเลต์ (Paul Jacoulet) ศิลปินภาพพิมพ์ชาวฝรั่งเศส ทำงานสไตล์ญี่ปุ่น ภาพนี้ทำขึ้นเมื่อปี 1948

จาก https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10152282174091954&substory_index=1&id=719626953

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.258 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 11 มกราคม 2567 20:22:52