[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 15:15:38 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ผูกนิพานโลกีย์ : ตำรากามสูตรสัญชาติไทย  (อ่าน 1378 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2304


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 04 เมษายน 2561 19:06:58 »



เชิงสังวาสแบบชาวบ้าน จิตรกรรมที่วัดหนองยาวสูง จังหวัดสระบุรี

ผูกนิพานโลกีย์ : ตำรากามสูตรสัญชาติไทย

เราคงมิอาจปฏิเสธได้ว่าการเสพสมพาสมีความหมายอย่างยิ่งในการธำรงรักษาเผ่าพันธุ์ของมนุษย์มิให้สูญสิ้นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอารยธรรมตะวันออกนั้น การเสพสมพาสได้รับการยอมรับว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง คือเป็นศิลปะในการร่วมรักด้วยท่วงท่าต่างๆ เพื่อให้การปฏิบัติกิจนั้นเกิดความสุขอย่างหฤหรรษ์ ตำราในลักษณะนี้ที่ขึ้นชื่อลือชาและรู้จักกันทั่วโลกคงไม่พ้น “ตำรากามสูตร” ของอินเดีย

ในสังคมไทยนับแต่โบราณมา เรื่องการเสพสมพาสถือเป็นเรื่อง “บัดสีบัดเถลิง” ผู้ดีย่อมไม่กล่าวถึง (ในที่แจ้ง) ดังนั้นตำราในลักษณะนี้จึงมักไม่เกิดขึ้นได้ง่าย อย่างไรก็ตามในขณะที่สังคมปิดกั้นเรื่องดังกล่าว นิทานพื้นบ้านและเพลงพื้นบ้านกลับบรรจุเรื่องราวเหล่านี้ไว้อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะนิทานแนวตาเถรกับยายชี เพลงปฏิพากย์ต่างๆ ที่แสดงถึงการระบายออกเรื่องเพศของสังคม แต่ก็ยังไม่พบตำราหรือบันทึกใดๆ ที่กล่าวถึงการเสพสมพาสไว้อย่างชัดเจน การค้นพบวรรณกรรมที่เป็นตำราในลักษณะ “กามสูตร” ที่มีสัญชาติไทยเต็มร้อยครั้งนี้จึงนับเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจยิ่ง

เรื่องผูกนิพานโลกีย์นี้พบที่วัดไผ่ล้อม ตำบลบางพระ อำเภอเมือง จังหวัดตราด จารลงใบลาน ด้วยอักษรขอมและอักษรไทย ประพันธ์เป็นกลอนสุภาพ จำนวน ๑ ผูก ฉบับลานดิบ มี ๒๘ หน้าลาน ใบลานหน้าปกมีข้อความจารว่า “ผูกนีภานโลกี ฯIะ จบบ่อรีบูญตามช่บับแล ฯIะ” ใบลานหน้าปลายมีข้อความจารว่า “ฯIะ นีภารโลกีผูกนีข้าพ่เจ้านายรุ่งล่คอร จำลองไวยสืบกู่ลบุตไปยในยผายภากหน้านั้นแล ฯIะ” เป็นอันว่าเรื่องผูกนิพานโลกีย์นี้นายรุ่งโต้โผคณะละครคัดลอกไว้เพื่อไม่ให้ลูกหลาน “สูญพันธุ์”

จักฃ่อกล่าวตำราชตาหยีง     
แต่บูราญทายทักประจักจริ่ง
เปนไหญ่ยิ่งลัคะณ่นารี     
ในช่โลกเรียกว่าโลกค่วีใสย
อุประไมดังตราพระยาราช่ษีร
ตีประทับไว้ยสำรับกระสัตรี
ใครชัวดีดูรูในยกายา




ใบลาน “ผูกนิพานโลกีย์” ที่วัดไผ่ล้อม ตำบลบางพระ อำเภอเมือง จังหวัดตราด
ตำรากามสูตรสัญชาติไทยที่บอกกลเม็ดเคล็ดลับของ “กามจรหญิง” อย่างละเอียด

เริ่มต้นเรื่องด้วยการทำนายวันเดือนปีเกิดของหญิงเพื่อทำนายสัณฐานและขนาดของของลับและปริมณฑล อารมณ์ทางเพศและลักษณะนิสัย ในการทำนายนั้นตามตำรามีวิธีการดังนี้คือ

ท่านใหยเอาปีเดีอรวันกำเนีด
ที่ก่อเกีษออกจากครันชัณ่ษา
บวกกันเข้าไวยเปนตำรา
เอาตรีภพ่โลกานันมาคูน

เอา ๘ ทีดษานั้นมาหาร
มากประมารกว่าเสษ ๗ ว่าเสดสูน
ทายตามตำราอย่าอาดูน
คูนหารให้ยถูกย่ากลัวแคลง ฯ

เมื่อคำนวณวันเดือนปีเกิดได้ตามวิธีการแล้ว จึงนำเศษนั้นมาตรวจกับตำราดังจะขอยกตัวอย่างดังนี้

เสด ๑ พืงพิศ่ไบยพูล
ร่วมรูรอยแค่บอยานายแหนง
ประกอ่บดวยมาร่ยาตันหาแรง 
ยาร่แวงขนมากไม่ยยากมี

ถ้าทำเถิ่งไจยากลัวอด
เถิ่งสิ้นมดจนตายไม่ยนายหนี
จฉีบหายลาโภเพราะโยนี
มักถอยทรัพอัปีรเชีอใจยคล ฯ

เสษ ๒ ดังกระดองเต่าหับ
ว่ารอยคับแคมโคกปีดหปากหน
มันนอกใจยหมีไห้ยผัวรูกน
เสนขนมากดํกปํกปิดทาง

เถิ่งทำเทาไรยก็ยังมาคีดคํด
ไม่ละพ่ยศทีชัวยาอางขนาง
จะอาภับโภคาคียาร่าง
ด้วยกระดางทังสองกิ่นแหนงแรง ฯ

หลังจากทำนายวันเดือนปีเกิดเพื่อพยากรณ์ขนาดแล้ว จึงกล่าวถึง “กามจรผู้หญิง” (จุดหรือตำแหน่งที่จะทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ) โดยกล่าวว่าเรียงตามวัน ตั้งแต่วันขึ้น ๑ ค่ำ จนกระทั่งถึงวันแรม ๑๕ ค่ำ รวมทั้งเรียงตามวันทั้ง ๗ และช่วงเวลาในแต่ละวันด้วย เรียกว่าถ้าจะเสพสมพาสให้ถึงฝั่งแล้วจะต้องคำนึงก่อนร่วมรักว่า ตรงกับวันกี่ค่ำ วันอะไร เวลาใด สีผิวของหญิง เพื่อจะได้หากามจรหญิงได้ถูกต้องตามตำรา ดังตัวอย่างช่วงเวลาในแต่ละวัน

วันฯIะ ก่อนไกยแลไก่ยขันอยูฝาตีน ครันรุ่งอยู่ฝาตีน ครันรุ่งอยู่ไบยหู แดษอุนอยูนํมทังสองค่าง กอนงายยูตํนแขน สายอยู่ปลายนีอแลงายแกแมแลงต่วันเทียงอยู่ปาก ต่วันชายอยูทองน้อย บายควายอยู่หัวแลน้า ฝายคำยูโยนี เมือเข้านอนยูปลายตีน เทียงคืนอยู่ต่โภ่ก เสพด้วยมันให้ยคลำโยนีมัน ๓ ที ให้ยมันคลำอํงคชาติด้วย ๓ ที เสพด้วยมันรักแล ฯIะ

ในตำราได้กล่าวถึงสรรพคุณของ “กามจรหญิง” นี้ไว้ว่า “ท่าบุรุษผูไดยทำตามกล่าวมาดังนี ถ้าแมนว่าไปยศัก ๑๐๐ ปีหมีลืมเลย กล่าวไวยทังนีไหยีงชายทังหลายทังปวงภํบหํนทางนี เส่มีอรนึ่งภ่บหํลทางส่วันนีภาฬแล ” “ไหรูจักกามจอรตามลัคณวันกาม จอรทีในยให้จับทีนันใมรองเลย ฯ “ เข้าใจว่าด้วยสรรพคุณดังกล่าวนี้เองจึงเป็นที่มาของชื่อวรรณกรรมเรื่องนี้

จากนั้นเป็นอักษรขอมประโยคหนึ่งว่า “มาตาปิตุปุตฺตทนํ” เป็นคาถาสำหรับภาวนาขอบุตร ใต้คาถาเป็นภาพจำลองอวัยวะเพศหญิง ๓ ภาพ ภายในแต่ละภาพแสดงจุดต่างๆ ของอวัยวะเพศหญิง เพื่อให้ฝ่ายชายได้เลือกว่าต้องการแบบใด โดยแต่ละจุดจะมีคุณประโยชน์แตกต่างกันไป นอกจากนี้ในตำรายังจะได้บอกวิธีการเข้าถึงจุดเหล่านั้นทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายและกลเม็ดเคล็ดลับในการกำหนดว่าใครจะเป็นฝ่ายถึงจุดสุดยอดก่อน โดยพรรณนาไว้อย่างละเอียดลออ ดังตัวอย่าง

ถ้าจ่ะใหยตองประตูกลางให้ยหยีงนรเยียดตีนตัวเราเข้านังกลาง เอาตีนเราแย่กขาหยีงออกทังสองค่าง แล้วกํดเข้าไวยแต่เทียมควบแล ถ้าตองแล้วใหยเยียดตีนออกจึ่งส่อืกเข้าไปให้ยสีนเถิษ ฯ ถ้าตองประตูใด ยาแซไวยนารจ่เปนพ่ยาติแล ฯ ถ้าจ่ะใหยตองประตูซรายขวาทัง ๔ แห่งนั้นใหยหยีงนอรแหกฃาออกแล้วคู้ตีนเข้าทังสองใหยตีดต่โพ่ก แล้วตัวเราเข้านังกลางแต่เทียมควบใหยต้องชองขวาหยีงนันส่นุกนักแล ฯ

ในตำรายังได้อธิบายวิธีการร่วมรักให้ต้องกับหญิงสีผิวต่างๆ ขนาดของอวัยวะเพศต่างๆ กามจรของรูปหน้าของหญิงแบบต่างๆ กามจรของลักษณะหัวนมสีต่างๆ ดังตัวอย่าง

หยิงไดยหัวนํมแดงดังลูกมากศุกกามอยู่ตํนขาแล ฯ ถ้าหัวนํมเฃียวกามอยูแกม ถ้าหัวนํมเหลืองกามอยู่ทองน้อย ถ้าหัวนํมขาวกามอยูส่ดือ ถ้าหัวนํมดำกามอยูอํกแล ฯฯ

ต่อจากนี้เป็นอักษรขอม ภาษาบาลี ว่าดังนี้ “เอจุตโตปโนอกฺเข จุตโตมิเมมิปาปุตตอุปฺปวา ปุตตปาเสฺสสงฺคโหพุทโธโหติอนาคเต” เป็นคาถาภาวนาขอบุตร แล้วจึงกล่าวถึงการดูลักษณะอวัยวะเพศชายและอวัยวะเพศหญิงและขนเพชรเพื่อทำนายลักษณะนิสัย และปิดฉากลงด้วยการดูลักษณะองคชาต ดังนี้

ฯ ถ้าผู้ไดยลึงดังดอกบัวมีบูญนักหนาแล ฯ ถ้าผู้ไดยลืงดังงัวมักเลนชูนักแล ฯ ถ้าผู้ไดยลืงดังม้ามีเมียเถิงสองคํลมักเลนชูนักแล ฯ ถ้าผู้ไดยลืงยาว ๔ อํงคูลีจ่มีลูกหลายคํนแลฯ ถ้ายาว ๕ อํงคูลีเมียรักนักหนาแลฯ ถายาว ๖ อํงคูลีเมียเลนชูนักแล ฯ ถ้ายาว ๗ อํงคูลีเขนใจยนักหนาแล ฯ ถ้ายาว ๘ อ่งคูลีมักตายโหงแล

ผูกนิพานโลกีย์ จึงนับได้ว่าเป็นตำรากามสูตรสัญชาติไทยอย่างแท้จริง เพราะนอกจากจะเสนอเรื่องราววิธีการร่วมสมพาสของชายหญิงแล้ว ยังได้แทรกคติความเชื่อและความรู้ทางโหราศาสตร์ ลักษณะทางสรีระของหญิงชายไทยไว้อย่างครบถ้วนที่ท่านผู้ประพันธ์ได้ศึกษาค้นคว้าไว้อย่างละเอียด บทความนี้จึงอาจเป็นประโยชน์ในการศึกษาเพศศาสตร์ สรีรวิทยา และอาจเป็นประโยชน์ในการนำไปใช้ในชีวิตจริง ที่สำคัญในตอนท้ายของเรื่องเหมือนจะกระซิบกับชายไทยว่า “ขนาดยิ่งใหญ่ยิ่งมีปัญหา”




เชิงสังวาสเชิงขบขัน จิตรกรรมที่วัดหนองโนเหนือ จังหวัดสระบุรี


จิตรกรรมเชิงสังวาสในพระอุโบสถ วัดบางยี่ขัน กรุงเทพฯ


ที่มา  ศิลปวัฒนธรรม ฉบับ กุมภาพันธ์ 2548
ผู้เขียน  อภิลักษณ์ เกษมผลกูล

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.317 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 21 มีนาคม 2567 22:49:43