วัดแก้วโกรวาราม อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่

วัดแก้วโกรวาราม
Wat Kaewkorawaram
ถนนอิศรา ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่

จังหวัดกระบี่ ตั้งขึ้นประมาณปี พ.ศ.๒๔๑๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะขึ้นเป็นเมืองปกาสัย และทรงพระราชทานนามว่า “เมืองกระบี่” เมื่อได้ประกาศตั้งขึ้นเป็นเมืองแล้วโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งที่ทำการอยู่ที่ตำบลกระบี่ใหญ่ (บ้านตลาดเก่า)

ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๑๘ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แยกเมืองกระบี่ ออกจากการปกครองของเมืองนครศรีธรรมราช เป็นเมืองจัตวาขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯ และในปี พ.ศ.๒๔๔๓ ได้ย้ายที่ตั้งเมืองไปอยู่ตำบลปากน้ำ อยู่ใกล้ปากอ่าวเป็นร่องน้ำลึก เรือใหญ่สามารถเข้าเทียบท่าได้สะดวกเป็นที่ตั้งศาลากลางจังหวัดจนถึงปัจจุบัน

ประชากรจังหวัดกระบี่ นับถือศาสนาร้อยละโดยประมาณ ดังนี้ ศาสนาพุทธ ๖๑% ศาสนาอิสลาม ๓๘% ศาสนาคริสต์ ๐.๒๔% ศาสนาอื่นๆ ๐.๑๐% โดยมีวัด ๘๑ แห่ง ที่พักสงฆ์ ๓๓ แห่ง มัสยิด ๑๘๖ แห่ง โบสถ์คริสตจักร ๘ แห่ง ศูนย์อบรมจริยธรรมฯ ๑๑๖ แห่ง และศูนย์พระพุทธศาสนาฯ ๖ แห่ง

วัดแก้วโกรวาราม
การสร้างวัดแก้วโกรวาราม เกิดขึ้นพร้อมๆ กับการตั้งถิ่นฐานของชาวพุทธ ประมาณ ๒๐๐ ครัวเรือน ณ บ้านปากน้ำ ในปี พ.ศ. ๒๔๓๐ ชาวบ้านได้สร้างที่พำนักสงฆ์ขึ้น เพื่อเป็นสถานที่ประกอบกิจกรรมทางศาสนา เรียกว่า “พำนักสงฆ์ปากน้ำ” เมื่อมีพระสงฆ์มาจำพรรษามากขึ้น จึงสร้างศาลา และกุฏิเพิ่มขึ้นตามลำดับ ให้พระสงฆ์มีที่จำพรรษา และได้ขนานนามว่า "วัดแก้วโกรวาราม" ในเวลาต่อมาเมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๔๓ วัดแก้วโกรวารามได้ยกฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพระชนมายุครบ ๖ รอบ

วัดแก้วโกรวารามเป็นพระอารามหลวง เป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา ศูนย์กลางการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรมะ-บาลี และแผนกปริยัติสามัญ ของคณะสงฆ์จังหวัดกระบี่ และเป็นวัดประจำจังหวัดกระบี่ เริ่มมีการเรียนการสอนนักธรรม-บาลี ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๔๕๕ ก่อนจะมีการขยายการศึกษาด้านต่างๆ ไปยังต่างอำเภอ ในปีพุทธศักราช ๒๕๐๐

เนื้อที่วัดมีอาณาเขตกว้างขวางกว่า ๒๐๐ ไร่ เป็นอีกหนึ่งพุทธสถานที่ต้องไปเยือนเมื่อไปถึงจังหวัดกระบี่

"วัดแก้วโกรวาราม" มีความโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ทางศิลปะและโครงสร้างสถาปัตยกรรมรูปทรงแปลกตา สื่อถึงความทันสมัยและแข็งแรง มีลวดลายปูนปั้นประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบัน คันทวย บัวหัวเสา ตามอาคารต่างๆ อาทิ พระอุโบสถ วิหาร ศาลา ที่ล้วนทาด้วยสีขาวนวลบริสุทธิ์ ตัดกับหลังคากระเบื้องสีน้ำเงินเข้ม อันเป็นสีของธาตุน้ำ ผู้มาเยือนจึงสัมผัสได้ถึงความร่มเย็น ผ่อนคลาย อิ่มบุญ อิ่มใจที่ได้มาสู่ร่มเงา ณ ศาสนสถานแห่งนี้