29 มีนาคม 2567 17:38:38
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
นั่งเล่นหลังสวน
สุขใจ ห้องสมุด
.:::
"กรม" ในสมัยกรุงศรีอยุธยา
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: "กรม" ในสมัยกรุงศรีอยุธยา (อ่าน 924 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 5392
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ
"กรม" ในสมัยกรุงศรีอยุธยา
«
เมื่อ:
28 กันยายน 2561 20:16:19 »
Tweet
กรม
กรม
หมายถึง หมู่เหล่าอันเป็นที่รวมกําลังไพร่พลของแผ่นดินตามลักษณะปกครองสมัยโบราณ แต่ละกรมมีผู้บังคับบัญชาเพื่อควบคุมคนในกรมให้ทำงานตามระบบระเบียบที่วางไว้
ในสมัยกรุงศรีอยุธยา กรมมี ๒ ประเภท คือ กรมที่เป็นส่วนราชการ หรือ "กรมประจำ" และกรมเฉลิมพระยศเจ้านาย หรือ "กรมชั่วคราว"
๑.กรมที่เป็นส่วนราชการหรือกรมประจำ
คือ กรมที่รวบรวมบรรดาชายฉกรรจ์เพื่อประโยชน์ในเวลาเกิดศึกสงคราม จะได้เรียกระดมคนได้ทันท่วงที ต้องเข้าอยู่ในกรมหรือในหมู่เหล่าใดเหล่าหนึ่ง เรียกว่า สังกัดกรม มีหัวหน้าควบคุมเป็นเสนาบดี ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ มีการจัดรูปแบบการปกครองฝ่ายพลเรือนเป็นจตุสดมภ์ มี ๔ กรม แต่ละกรมมีเสนาบดีเป็นผู้ดูแล ขึ้นตรงกับสมุหนายก ดังนี้คือ
กรมเวียง
มีเสนาบดีกรมเมืองหรือกรมเวียง เรียกว่า “นครบาล” เป็นผู้บังคับบัญชาดูแล มีหน้าที่ปกครองความเรียบร้อย รักษาความสงบให้แก่ราษฎร และการให้กรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยแก่ราษฎร
กรมวัง
เป็นกรมที่ใหญ่ที่สุด มีเสนาบดีกรมวัง เรียกว่า “ธรรมาธิกรณ์” เป็นผู้บังคับบัญชาดูแล มีหน้าที่เกี่ยวกับงานในราชสำนัก การรักษาความยุติธรรม การพิจารณาคดีความ และแต่งตั้งยกกระบัตรไปประจำตามหัวเมือง กรมวัง มีกรมที่ขึ้นอยู่ด้วย เช่น กรมมณเฑียร กรมพระตำรวจวังซ้าย กรมพระตำรวจวังขวา กรมสวนหลวง กรมสังฆการี กรมโหร กรมช่างสิบหมู่ กรมเครื่องต้น กรมหมอนวด ส่วนทหาร มีสมุหกลาโหม เป็นผู้บังคับบัญชา คอยทำหน้าที่ตรวจราชการทหารทั่วราชอาณาจักร โดยจัดแบ่งการปกครองเป็นกองต่างๆ ได้แก่ กองต่อช้าง กองตำดินปืน กองรักษาตึกดินปืน กองทะลวงฟัน เป็นต้น
กรมคลัง
มีเสนาบดีกรมคลัง เรียกว่า ”โกษาธิบดี หรือ เจ้าพระคลัง” เป็นผู้บังคับบัญชาดูแล มีหน้าที่เก็บรับจ่ายเงิน เก็บรักษาพระราชทรัพย์ที่ได้จากส่วนอากร การให้กรรมสิทธิ์ที่สวนแก่ราษฎร การจัดการเรื่อยขายสินค้า
กรมนา
มีเสนาบดีกรมนา เรียกว่า ”เกษตราธิบดี” เป็นผู้บังคับบัญชาดูแล ทำหน้าที่ออกสิทธิ์ที่นาแก่ประชาชน เก็บข้าวขึ้นฉางหลวงไว้เป็นเสบียงยามเกิดศึกสงคราม หรือเมื่อเกิดทุพภิกขภัย
กรมวัง กรมคลัง และกรมนา แต่ละกรมมีเสนาบดีเป็นผู้ดูแล ขึ้นตรงกับสมุหนายก
ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ได้มีการปฏิรูปการปกครองในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเพิ่มกรมขึ้นใหม่จากเดิมที่มี ๖ กรม เป็น ๑๒ กรม คือ กรมมหาดไทย กรมพระกลาโหม กรมท่า กรมวัง กรมเมือง กรมนา กรมพระคลัง กรมยุติธรรม กรมยุทธนาธิการ กรมธรรมการ กรมโยธาธิการ และกรมมุรธาธิการ และเมื่อวันที่ ๑ เมษายน พงศ.๒๔๓๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนากรมเหล่านั้นเป็นกระทรวง มีเสนาบดีเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด และต่อมาได้ยุบกระทรวงยุทธนาธิการเป็นกรม มีการเปลี่ยนชื่อกระทรวงบางกระทรวงใหม่ เช่น กรมนา เป็นกระทรวงเกษตราธิการ กรมท่า เป็นกระทรวงการต่างประเทศ
สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการตั้งกระทรวงเพิ่มขึ้น ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมุรธาธร เปลี่ยนชื่อกระทรวงโยธาธิการเป็นกระทรวงคมนาคม เปลี่ยนชื่อกระทรวงธรรมการเป็นกระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในปี พ.ศ.๒๔๗๕ จึงมีการเปลี่ยนตำแหน่งเสนาบดีเป็นรัฐมนตรี
๒.กรมเฉลิมพระเกียรติเจ้านาย หรือกรมชั่วคราว
คือการที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งมีพระปรีชาสามารถให้ดูแลกรมซึ่งมีคนในสังกัดเพื่อรับใช้ราชการเป็นการแบ่งเบาพระราชภาระ เรียกว่า “ตั้งกรม” พระบรมวงศานุวงศ์องค์นั้นเรียกว่า “ทรงกรม” มีเจ้ากรมเป็นหัวหน้าบังคับคนในบังคับบัญชา มีปลัดกรมและสมุห์บัญชีเป็นตำแหน่งรองลงมาและเรียกชื่อกรมนั้นๆ ตามอิสริยยศเจ้ากรมว่า กรมหมื่น กรมขุน กรมหลวง กรมพระ กรมพระยา และกรมสมเด็จพระ เมื่อจะทรงกรมสูงขึ้นกว่าเดิม จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ “เลื่อนกรม” ไปตามลำดับชั้น
อิสริยยศเจ้านายต่างกรมในสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งใช้เป็นแบบอย่างมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ แบ่งเป็น ๔ ชั้น คือ
ชั้นที่ ๑
กรมพระ
เป็นอิสริยยศสำหรับสมเด็จพระพันปีหลวง พระมหาอุปราช และวังหลัง ในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงแก้ไขกรมของสมเด็จพระพันปีหลวงเป็นกรมสมเด็จพระ
ชั้นที่ ๒
กรมหลวง
เป็นอิสริยยศสำหรับพระมเหสี ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงตั้งเจ้าฟ้า (ชั้นใหญ่) ทั้งพระองค์ชายและหญิง
ชั้นที่ ๓
กรมขุน
เป็นอิสริยยศสำหรับเจ้าฟ้าราชกุมาร ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงตั้งเจ้าฟ้า (ชั้นเล็ก) แล้วจึงเลื่อนเป็นกรมหลวงต่อไป
ชั้นที่ ๔
กรมหมื่น
เป็นอิสริยยศสำหรับพระองค์เจ้า ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้าเลื่อนกรมได้ถึงกรมสมเด็จพระ
ตำแหน่งในกรมเจ้านายนั้นจะต่างกันไปตามอิสริยยศของเจ้าทรงกรม เช่น ถ้าเจ้าทรงกรมมีอิสริยยศเป็นกรมพระยา เจ้ากรมมีตำแหน่งและชั้นยศเป็นพระยา ปลัดกรมเป็นพระ สมุห์บัญชีเป็นหลวง ถ้าเจ้าทรงกรมมีอิสริยยศเป็นกรมหลวง เจ้ากรมมีตำแหน่งและยศเป็นพระ ปลัดกรมเป็นขุน และสมุห์บัญชีเป็นหมื่น ซึ่งตำแหน่งของเจ้ากรมจะบ่งบอกถึงจำนวนมากน้อยของคนในสังกัดกรมได้อย่างดี
กรมหลวงโยธาเทพ
(สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงสุดาวดี)
ความเป็นมาของการตั้งกรมเฉลิมพระเกียรติเจ้านายหรือกรมชั่วคราว คงจะเริ่มมาตั้งแต่เมื่อมีการกำหนดศักดินาของพระบรมวงศานุวงศ์ตามพระอัยการตำแหน่งนาพลเรือนในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เช่น เจ้านายที่ดำรงพระยศสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้า ถือศักดินา ๒๐,๐๐๐ เมื่อเป็นเจ้าต่างกรม ถือศักดินา ๕๐,๐๐๐ เป็นต้น แต่ยังไม่ปรากฏว่าในสมัยนี้มีการกำหนดกรมให้พระบรมวงศานุวงศ์
การเรียกพระนามเจ้านายหรือพระบรมวงศานุวงศ์เป็นกรมต่างๆ ปรากฏในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งกรม ๒ กรม คือ กรมหนึ่งมีเจ้าต่างกรมเป็นกรมหลวงโยธาทิพ (สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าศรีสุพรรณ) อีกกรมหนึ่งมีเจ้าต่างกรมเป็นกรมหลวงโยธาเทพ (สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงสุดาวดี) ในรัชกาลต่อมาจึงถือเป็นธรรมเนียมราชประเพณีแต่งตั้งพระราชโอรสหรือพระราชวงศ์ให้ทรงกรม และมีไพร่พลสังกัดกรม ถ้าเจ้าผู้ทรงกรมนั้นสิ้นพระชนม์ลง กรมนั้นต้องยุบเลิกและให้โยกย้ายคนในสังกัดกรมกรมนั้นไปไว้กรมอื่น ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงตั้งกรมพระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์องค์ใหม่ต่อไป เจ้าต่างกรมองค์ใหม่ต้องมีชื่อใหม่ ไม่ใช้ชื่อเดิม ยกเว้นกรมพระราชวังบวรสถานมงคลกรมเดียวที่เมื่อตำแหน่งกรมพระราชวังบวรฯ หรือพระมหาอุปราชว่างลงให้คนในสังกัดกรมย้ายไปสมทบกับวังหลวง เมื่อมีการแต่งตั้งพระมหาอุปราชขึ้นมาใหม่ จึงให้ย้ายคนในสังกัดกรมพระราชวังบวรฯ ไปรับราชการในกรมนั้นตามเดิม
ราชประเพณีการตั้งเจ้าต่างกรมนี้ยึดถือสืบทอดกันมาจนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงพิจารณาเห็นว่า การที่พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาเจ้านายให้ทรงกรมเป็นการยกย่องเฉลิมพระเกียรติเจ้านายองค์นั้น ไม่ใช่เพื่อให้สะสมไพร่พลไว้เป็นกำลัง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีเพียงการเฉลิมพระเกียรติพระบรมวงศานุวงศ์ให้ทรงกรมเท่านั้น และคงมีตำแหน่งเจ้ากรม ปลัดกรม และสมุห์บัญชี ให้ช่วยทำราชการในหลวงและในกรม ไม่ต้องมีการรวบรวมกำลังคนเพื่อสังกัดกรมแต่อย่างใด ชื่อกรมจึงเป็นอิสริยยศและพระนามของพระบรมวงศานุวงศ์เท่านั้น
เมื่อประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๕ รัฐบาลก็ไม่ได้ยกเลิกราชประเพณีนี้ มาในรัชกาลที่ ๙ ได้มีการสถาปนาพระอิสริยศักดิ์พระบรมวงศานุวงศ์ขึ้นเป็นกรมหลวง คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา เป็น กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
ที่มาข้อมูล
:
กรม
สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคกลาง
จัดพิมพ์ : มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์
บันทึกการเข้า
กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ
เริ่มโดย
ตอบ
อ่าน
กระทู้ล่าสุด
"Lemon Soup" อาสาส่ง"ทุกวัน"เพลงกระตุ้น"รัก"ที่เมื่อรู้สึกแล้วต้อง"บอก"
หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
มดเอ๊ก
0
5109
03 มิถุนายน 2554 10:29:07
โดย
มดเอ๊ก
"สามัญชน" ผู้กลายเป็น "ราชินี" และ "เจ้าหญิง" โชคชะตาที่ฟ้าได้ "ลิขิต" ไว้
สุขใจ จิบกาแฟ
Kimleng
0
8132
17 ธันวาคม 2557 14:13:59
โดย
Kimleng
ตอบโจทย์ : "โรบิน ฟิลลิปป์ มัวร์" ฝรั่ง "หัวใจพุทธ" ธรรมะ "เชื่อม" โลก
ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
มดเอ๊ก
0
1836
22 พฤษภาคม 2559 04:11:27
โดย
มดเอ๊ก
กำลังโหลด...