[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
26 มิถุนายน 2568 04:50:30 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทโย) วัดสระเกศราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร  (อ่าน 1092 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 13
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2637


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 05 ตุลาคม 2561 13:04:52 »



สมเด็จพระสังฆราช (อยู่)
 วัดสระเกศราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทโย) สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 15 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ กิตติศัพท์เล่าขานว่าเก่งและเชี่ยวชาญในหลากหลายด้าน โดยเฉพาะด้านการเรียนการสอนพระปริยัติธรรมและทางโหราศาสตร์

ประสูติเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2417 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่เรือนแพหน้าวัดกัลยาณมิตร อ.บางกอก ใหญ่ จ.ธนบุรี บิดาชื่อ ตรุษ โยมมารดาชื่อ จันทร์

เมื่อพระเยาว์ทรงรับการศึกษาเบื้องต้นกับบิดา ก่อนไปศึกษาวิชาหนังสือ วิชาเลขลูกคิด และโหราศาสตร์ ในสำนักของพระอาจารย์ช้าง วัดสระเกศ

เมื่ออายุ 12 ปี บรรพชาและเริ่มศึกษาภาษาบาลี มูลกัจจายน์ในสำนักของพระอาจารย์ช้าง

ต่อมาทรงศึกษาในสำนักของพระธรรม กิติ (เม่น) สำนักสมเด็จพระวันรัต (แดง) วัดสุทัศน์ และสำนักพระยาธรรมปรีชา (ทิม) ตามลำดับ

พ.ศ.2433 เข้าแปลพระปริยัติธรรม ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นครั้งแรก ได้เป็นเปรียญ 3 ประโยค พ.ศ.2436 สอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยค

พ.ศ.2437 อุปสมบทที่วัดสระเกศ สมเด็จพระวันรัต (แดง) วัดสุทัศน์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระธรรมทานาจารย์ (จุ่น) วัดสระเกศ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระธรรมกิตติ (เม่น) วัดสระเกศ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

เข้าแปลพระปริยัติธรรมอีกเมื่อ พ.ศ.2441 ได้เป็นเปรียญ 5 ประโยค และ พ.ศ.2443 ได้เปรียญ 6 ประโยค

พระองค์คิดว่าจะหยุดสอบไม่เข้าแปลอีกต่อไป แต่รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระกระแสรับสั่งให้เข้าแปลจนได้เป็นเปรียญ 7 ประโยค จากนั้น พ.ศ.2444 และ พ.ศ.2445 ทรงเข้าแปลได้เป็นเปรียญ 8 และ เปรียญ 9 ตามลำดับ

เมื่อทรงได้เป็นเปรียญ 9 ประโยคแล้ว ก็ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการสนามหลวงสอบไล่พระปริยัติธรรมตลอดมา

พ.ศ.2451 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระ ราชาคณะที่ พระปิฎกโกศล

พ.ศ.2464 เลื่อนเป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ "พระราชเวที" และในปี พ.ศ.2466 เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ "พระเทพเวที"

รุ่งขึ้นปี พ.ศ.2467 ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ควบคู่ไปกับตำแหน่งเจ้าคณะแขวงเหนือ จ.ธนบุรี

สมัยรัชกาลที่ 7 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ที่พระธรรมเจดีย์ และเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม

ในรัชกาลที่ 8 ได้รับสถาปนาเป็นพระราชาคณะชั้นเจ้าคณะรองที่ "พระธรรมวโรดม"

ต่อมา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่ "สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์"

พ.ศ.2505 สมเด็จพระสังฆราช (ปลด กิตติโสภณมหาเถร) วัดเบญจมบพิตร สิ้นพระชนม์ ท่านได้รับโปรดเกล้าฯ ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช และประธานกรรมการมหาเถรสมาคม

ครั้นถึงวันที่ 4 พ.ค.2506 โปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 15 ในพระราชพิธีฉัตรมงคล

พระเกียรติคุณที่เลื่องลือของเจ้าประคุณสมเด็จฯ คือ พระอัจฉริยภาพทางโหราศาสตร์

นอกจากนี้ เจ้าประคุณสมเด็จฯ ยังทรงเชี่ยวชาญทางพิธีกรรมและไทยคดีอื่นๆ อีกหลายด้าน

ในฐานะเจ้าสำนักเรียนวัดสระเกศ ทรงอุปถัมภ์ส่งเสริมการศึกษาพระปริยัติธรรม ทั้งแผนกบาลีและนักธรรม จนปรากฏว่ามีนักเรียนสอบไล่ได้นักธรรมและบาลีเป็นจำนวนมากเพิ่มขึ้นทุกปี ได้ออกไปเผยแผ่การศึกษาในต่างจังหวัด ได้รับหน้าที่และดำรงสมณศักดิ์เป็นจำนวนมาก

เป็นองค์อุปถัมภ์กิตติมศักดิ์ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มาตั้งแต่เริ่มเปิดการศึกษา เมื่อปี พ.ศ.2490

เมื่อดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ทรงเริ่มบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะทั่วทั้งพระอาราม

ด้านเผยแผ่พระศาสนา ทรงบริหารการคณะสงฆ์โดยมิทรงคำนึงถึงความชราภาพ หากเป็นความสงบสุขของสังฆมณฑล

ในด้านการติดต่อกับชาวต่างประเทศ พระองค์ทรงปฏิสันถารต้อนรับอาคันตุกะจนเป็นที่สบายใจ แม้บางครั้งผู้เข้าเฝ้าเป็นคนต่างศาสนา ก็ทรงสามารถปฏิสันถารได้อย่างเหมาะสม

โดยปกติเจ้าประคุณสมเด็จฯ มีพระพลานามัยดีตลอดมา แต่เพราะทรงชราภาพ จึงประชวรด้วยโรคพระหทัย เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 8 ก.พ.2508 เพียง 4 วันเท่านั้น พระอาการก็ดีขึ้นจนปลอดภัย

กระทั่งวันที่ 8 พ.ค. เกิดพระโลหิตอุดตันในสมอง แม้คณะแพทย์จะถวายการพยาบาลทุกวิถีทาง พระอาการก็ไม่ดีขึ้น

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงทราบ เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมถึง 2 วาระ

แต่ด้วยพระองค์ทรงชรามากแล้ว กายสังขารมิอาจทานทนได้อีกต่อไป จึงสิ้นพระชนม์ในเวลา 02.20 น. วันที่ 15 พ.ค.2508 พระชันษา 90 ปี


อริยะโลกที่ 6


Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.257 วินาที กับ 28 คำสั่ง

Google visited last this page 11 เมษายน 2568 10:07:18