[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 13:21:23 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: คาถารักษาไข้ป่า ของหลวงปู่มั่น ที่หลวงปู่เจี๊ยะบันทึกไว้  (อ่าน 1771 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 70.0.3538.102 Chrome 70.0.3538.102


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 22 พฤศจิกายน 2561 14:52:54 »

     
คาถารักษาไข้ป่า ของหลวงปู่มั่น ที่หลวงปู่เจี๊ยะบันทึกไว้




ท่านพระอาจารย์มั่นป่วยเป็นมาลาเรีย เรา(หลวงปู่เจี๊ยะ) เป็นพระคิลานุปัฏฐาก(พระผู้ดูแลพระที่อาพาธ) ประจำองค์ท่าน
ปกตินิสัยท่านไม่ชอบเกี่ยวกับหยูกยาอะไร แม้ท่านจะอยู่ในวัยชราธาตุขันธ์กำลังร่วงโรยก็ตาม ท่านยังหนักหน่วงในธรรมโอสถ
เป็นเครื่องประสานธาตุขันธ์อยู่ตลอดเวลา

ตามปกตินิสัยใจคอท่านพระอาจารย์มั่น เวลาท่านป่วยหนักคับขับทางธาตุขันธ์ร่างกายเข้าที่จนมุม ท่านมักคิดค้นด้วยสติปัญญา
ไม่ลดละ ในเวลาป่วย ท่านจะมีอุบายพิจารณาธรรมในขณะเดียวกัน ท่านถือว่า



“ทุกข์เวทนาที่เกิดขึ้นในกายเป็นเรื่องของสัจธรรมโดยตรง
ต้องพิจารณาให้รู้ในสิ่งที่ควรจะรู้ได้ ไม่ปล่อยให้ทุกข์ย่ำยีเปล่าๆ
เพื่อเป็นการฝึกซ้อมสติปัญญา
ให้รู้เท่าทันเหตุการณ์ว่าสติปัญญาที่เคยอบรมและซักซ้อมมาเป็นเวลานาน
ขณะเข้าสู่สงครามคือความทุกข์ทรมาน
ใจจะไม่มีความหวั่นเกรงต่อความจริง ไม่มีความสะท้านหวั่นไหวกับพายุ
คือโทษทุกข์ที่เข้ามาทับถม เมื่อพิจารณาเท่าทันขันธ์ดังที่กล่าวมานี้
อยู่ก็สบาย ถึงตายก็มีชัยชนะ”




ในระหว่างที่อาพาธอยู่นั้น วันหนึ่งท่านพูดเปรยๆขึ้นว่า

“หยูกยารักษามาก็นานแล้วยาธรรมดาเหมือนชาวโลกเขาคงกินไม่ได้เรื่อง ต้องเอายาวิเศษคือธรรมโอสถ
หากไม่หายก็ให้มันตายซะ ท่านจึงเจริญกายคยาสติกรรมฐานเป็นอนุโลมและปฏิโลมเพ่งแผดเผาภายใน
เพื่อเป็นวิหารธรรมอยู่ทั้งวันทั้งคืน ไม่นานอาพาธก็สงบ จึงปรากฏบทคาถาขึ้นว่า




“ฌายี ตปติ อาทิจฺโจ” พิจารณาได้ความว่า “ฌาน แผดเผาเหมือนดวงอาทิตย์ ฉะนั้น”




ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ เจ้าของบทความ และที่มาเนื้อหาข้อมูลมา ณ ที่นี้
หนังสือหลวงปู่เจีียะ จุนโท พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทอง
เพื่อเผยแผ่บารมีเป็นสังฆบูชา และเทิดทูนเกียรติคุณครูบาอาจารย์

เรียบเรียงโดย : ศักดิ์ศรี บุญรังศรี

ขอบคุณที่มา
เว็บไซท์ partiharn.com/contents/16664







Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.205 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 6 ชั่วโมงที่แล้ว