พระครูสถิตโชติคุณ (หลวงพ่อไสว ฐิตวัณโณ) วัดปรีดาราม (ยายส้ม) อ.สามพราน จ.นครปฐม

พระครูสถิตโชติคุณ (หลวงพ่อไสว ฐิตวัณโณ)
วัดปรีดาราม (ยายส้ม) ต.คลองจินดา อ.สามพราน จ.นครปฐม

เมืองนครปฐม มีพระดีให้กราบไหว้บูชามากมาย แม้หลายท่านจะละสังขารไปแล้ว อาทิ หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม, หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ, หลวงพ่อผูก วัดพระปฐมเจดีย์ ฯลฯ

รวมทั้ง "พระครูสถิตโชติคุณ หรือ "หลวงพ่อไสว ฐิตวัณโณ" วัดปรีดาราม (ยายส้ม) ต.คลองจินดา อ.สามพราน จ.นครปฐม ด้วย

ได้รับการขนานนามว่า "จอมขมังเวทแห่งคลองจินดา" ด้วยมีบรมครูถ่ายทอดวิชาทั้งสายพุทธาคมและวิทยาคมไม่ต่ำกว่า 20 รูป/คน ถือเป็นพระเกจิที่มีครูบาอาจารย์มากที่สุดรูปหนึ่ง

นามเดิมคือ "ไสว พุทธศร" ถือกำเนิดเมื่อวันที่ 18 ม.ค.2464 ตรงกับวันพุธ แรม 6 ค่ำ เดือนยี่ ปีระกา ที่บ้านราชคราม จ.พระนครศรีอยุธยา

บิดาเป็นผู้ใหญ่บ้าน หลังบิดาเสียชีวิต จึงอพยพมาอยู่กับญาติที่ ต.คลองจินดา อ.สามพราน จ.นครปฐม อาศัยอยู่กับพระและเรียนหนังสือจบชั้นประถมที่ ร.ร.วัดปรีดาราม

พ.ศ.2481 บวชเป็นสามเณร มีหลวงปู่ใจ วัดเชิงเลน เป็นพระอุปัชฌาย์

ศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ 4 ปี จึงเข้าพิธีอุปสมบท ที่พัทธสีมาวัดปรีดาราม (ยายส้ม) เมื่อวันที่ 4 ก.ค.2484 โดยมีหลวงพ่อใย วัดบางช้างใต้ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์เจิม วิสุทธิญาโณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์เปลื้อง ยติมณี วัดจินดาราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์

จำพรรษาอยู่ที่วัดปรีดาราม ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม สอบได้นักธรรมชั้นเอก พร้อมทั้งศึกษาด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน และร่ำเรียนศึกษาวิทยาคม-พุทธาคมอย่างจริงจัง

บูรพาจารย์ที่ถ่ายทอดวิทยาคมให้ มีทั้งฆราวาสและบรรพชิต เมื่อทราบว่ามีครูบาอาจารย์เก่งกล้าอยู่ที่ใด จะดั้นด้นไปขอความรู้จนแตกฉาน อาทิ หลวงปู่พูน เกสโร อดีต เจ้าอาวาสวัดใหม่ปิ่นเกลียว, หลวงพ่อวงษ์ วัดทุ่งผักกูด, พระปลัดตู่ วัดหนองเสือ

หลังจากนั้น ท่านมุ่งมั่นบำเพ็ญเพียรออกธุดงควัตรเพื่อลดละกิเลส โดยมุ่งหน้าไปทางภาคอีสานนมัสการปูชนียสถานสำคัญหลายแห่ง บางพรรษาจะธุดงค์ไปทางเขาวงพระจันทร์ จ.ลพบุรี ไปจนถึง จ.อุตรดิตถ์

พ.ศ.2492 พระอาจารย์เจิม เจ้าอาวาสวัดปรีดาราม ลาสิกขา หลวงพ่อไสวกลับจากธุดงค์ คณะสงฆ์จึงแต่งตั้งท่านเป็นเจ้าอาวาสรูปต่อมา ขณะนั้นท่านอายุเพียง 28 ปี พรรษา 7

สมัยเป็นเจ้าอาวาสวัดปรีดารามใหม่ๆ สภาพวัดชำรุดทรุดโทรมมาก หลวงพ่อไสวต้องใช้ความวิริยอุตสาหะอย่างสูงในการบูรณะซ่อมแซม และสร้างเสริมถาวรวัตถุใหม่

ท่านรวบรวมความรู้ที่ร่ำเรียนมา ร่วมมือกับชาวบ้านพัฒนาความเจริญด้านต่างๆ เป็นลำดับ จนเขต ต.คลองจินดา และโดยเฉพาะวัดปรีดาราม มีความเจริญรุ่งเรืองไม่น้อยหน้าวัดอื่นๆ

ผลงานที่ปรากฏเป็นอนุสรณ์มากมาย อาทิ กุฏิสงฆ์ หอฉัน ฌาปนสถาน อุโบสถ ศาลาการเปรียญ หรือสิ่งก่อสร้างอันเป็นสาธารณประโยชน์ อาทิ ที่พักสายตรวจตำบลคลองจินดา สถานีอนามัย โรงเรียนประถมและมัธยมศึกษา ถนนหนทาง ไฟฟ้า น้ำประปา งานซ่อมสร้างห้องปฏิบัติการของกองวิทยากรตำรวจภูธรเขต 3 นครปฐม เรือนราชมนู อาคารเก่าแก่สมัยรัชกาลที่ 6 บริเวณพระราชวังสนามจันทร์

ด้านสังคมสงเคราะห์ ก็ได้บริจาคทรัพย์เป็นทุนการศึกษา กอบกู้อุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ ต.คลองจินดา

ผลงานการพัฒนา ทำให้ได้รับประกาศเกียรติคุณ พ.ศ.2543 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานเสาเสมาธรรมจักรในฐานะผู้สร้างคุณประโยชน์ให้กับพระพุทธศาสนา

ทุกเรื่องที่ลงมือทำ จะไม่สนใจในอามิสบูชาแต่มุ่งเน้นเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่สงเคราะห์ผู้คน

ด้านวัตถุมงคลมีมากมายหลายชนิด มีชื่อเสียงในเรื่องลงนะหน้าทอง เครื่องรางที่โด่งดัง คือ เครื่องรางชูชก และตะกรุดเสือ

วัตรปฏิบัติอันงดงาม และความสามารถอันมากมี ทำให้ท่านเป็นศูนย์กลางหลอมรวมศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทุกชนชั้นเรื่อยมา กระทั่งอาพาธด้วยโรคชรา และมรณภาพอย่างสงบ ในวันที่ 11 พ.ย.2543 สิริอายุ 80 ปี พรรษา 63

อริยะโลกที่ 6 ข่าวสดออนไลน์