[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
27 เมษายน 2567 04:29:55 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ความทรงจำนอกมิติ : มนุษย์กับโลกไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวเดียวดาย  (อ่าน 2050 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5065


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 03 พฤษภาคม 2553 08:42:23 »




ไหนๆ  ผู้เขียนก็เป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนคนทั่วไปที่รับรู้  (perceive)  ที่มองและแล
เห็นโลกและสรรพสิ่งทั้งหลายว่าแยกออกจากตัวเราและ  "ตั้งอยู่ข้างนอกนั่นไง"  พูดง่ายๆ  โดยเราไม่พูดถึงฟิสิกส์แห่งยุคใหม่หรือควอนตัมเม็คคานิกส์เลย  ทั้งเราไม่พูดถึงทวิตา  (dualism)  ในทางพุทธศาสนา  -  ซึ่งเหมือนกับฟิสิกส์ใหม่เปี๊ยบ  นั่นคือ  มันมีสองโลกของความจริง  (duplex  worlds  of  Carl  Werner  Hiesenberg)  คือหนึ่ง  ที่เห็นหรือรับรู้  เช่น  ปรากฏการณ์ที่พบเห็นประจำวัน  กับสอง  ที่ไม่เห็นหรือรับรู้ไม่ได้  เพราะเราไม่มีเครื่องมือ  (เรามีแต่ตา  หู  จมูก  ลิ้นและกายสัมผัส)  เพราะฉะนั้น  เราจึงเห็นและรับรู้คลื่นของความน่าจะเป็นไปได้   (probability  wave)  ไม่ได้  ซึ่งก็คือจิตไร้สำนึกร่วมของจักรวาล  (Carl  G. Jung)  นั่นเอง


     ผู้เขียนจึงเหมือนกับสาธารณชนคนทั่วไป  คือ  เห็นหรือรับรู้ได้แต่  "วัตถุ"  ที่แยกออกไปจากตัวเรา   และ  "ตั้งอยู่ข้างนอกนั่น"  เราและสัตว์โลกทั้งหมดจึงเห็นหรือรับรู้  (ด้วยตา  หู  จมูก  ลิ้นและกายสัมผัส)  แต่เฉพาะ  "วัตถุ"  ที่แยกออกจากตัว  เราและ  "ตั้งอยู่ข้างนอกนั่น"  ทุกสิ่งทุกอย่างทุกๆ  ปรากฏการณ์ประจำวันที่เรารับรู้หรือมองเห็นจึงมีแต่วัตถุและวัตถุและวัตถุ...เราทั้งหมดถึงได้เป็นนักวัตถุนิยม   (materialists)  ที่รวมทั้งจักรวาลที่กำลังจะเขียนนี้  จึงขอย้ำว่า  ในที่นี้ผู้เขียนจะมองเห็นและรับรู้จักรวาลเช่นคนทั่วๆ  ไปเห็นหรือรับรู้     เมื่อหลายปีมาแล้ว   สตีเฟน  ฮอว์กิง  ได้เดินทางมาที่เมืองนิวเดลลี  ประเทศอินเดีย  และได้พบกับนักวิทยาศาสตร์   ซึ่งส่วนใหญ่มากๆ  เป็นนักฟิสิกส์ของอินเดียกว่า  3,000  คน  ในที่ประชุม  สตีเฟน  ฮอว์กิง  เป็นนักฟิสิกส์ที่ใหญ่ยิ่งที่สุดของโลกคนหนึ่งที่ไม่มีอยู่มากนัก  ผู้มีฉายานามว่าเป็นทายาทของไอน์สไตน์ที่ในปัจจุบันนี้เป็นประธานสภาของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์  สตีเฟน   ฮอว์กิง  ได้ให้ความเห็นที่เป็นวิทยาศาสตร์ว่า  ในจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาลของเรา  คงไม่ใช่จะมีแต่ในโลกเราเท่านั้นที่มีชีวิต  รวมทั้งมีมนุษย์เหมือนกับมนุษย์เช่นเดียวกับในโลกของเรา   แต่หากว่าจะมีแต่โลกที่เป็นบริวารของดาว  (หรือดวงอาทิตย์ในสุริยจักรวาลของเรา)  จำนวนมาก  ที่เราก็รู้ดีแล้วว่าเฉพาะกาแล็กซีเดียวก็มีดาวหรือดวงอาทิตย์จำนวนถึง  100  พันล้านดวง  และเราก็รู้ดีแล้วว่าจักรวาลของเราจักรวาลนี้อย่างเดียว  ก็มีจำนวนถึง  100  พันล้านกาแล็กซี  เราไม่รู้ว่าจำนวนดาวในแต่ละกาแล็กซี  และจำนวนของกาแล็กซีในจักรวาลนี้มีจำนวนที่เท่ากันพอดี  ทั้งยังเท่ากับจำนวนของเซลล์สมองหรือนิวโรนในสมองของมนุษย์แต่ละคนที่มีจำนวน   100  พันล้านเซลล์พอดีเช่นกันอย่างไร  นั่นเป็นความเห็นของนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์แทบจะทุกคน  สตีเฟน  ฮอว์กิง  ไม่เพียงตอกย้ำความเห็นของนักวิทยาศาสตร์ทุกคนเท่านั้น  แต่สตีเฟน   ฮอว์กิง   ยังได้ให้ความเห็นต่อไปอีกสามความเห็น  ที่น่าสนใจคือ  หนึ่ง  การพบชีวิตในระบบดาวในแต่ละกาแล็กซีนั้นหายากยิ่งนัก  ยกตัวอย่างในกาแล็กซีทางช้างเผือกของเราอาจมีชีวิตในหลายๆ   ระบบดาว  แต่จะมีชีวิตที่ก้าวหน้ามีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเช่นเรานั้นคงหายากยิ่งนัก  สอง  เพราะฉะนั้น  หากจะมีการรุกรานหรือการล่าหาบริวารที่มีชีวิตในโลกดาวเคราะห์ใดของระบบดาวระบบไหน  ก็น่าเชื่อได้ว่าเป็นฝีมือของมนุษย์โลกเรายิ่งกว่าจะมาจากดาวระบบไหน  เพราะเรามีนิสัยเคยชินอย่างนั้น  สาม  สตีเฟน  ฮอว์กิง  คิดว่าโลกเราคงมีสงครามนิวเคลียร์เกิดขึ้น  หากว่าไม่ใช่ด้วยความตั้งใจก็เพราะแอคซิเดนต์   น่าสังเกตใน
การทำนายทายทักทางวิทยาศาสตร์ของสตีเฟน   ฮอว์กิง  ที่เกี่ยวกับจักรวาลวิทยาที่บอกเราว่า  ในกาแล็กซีทางช้างเผือกของเราเอง  เขาคิดว่าจะหาดาวเคราะห์อื่นหรือโลกอื่นที่ก้าวหน้าและมีเทคโนโลยีเช่นเดียวกับเรานั้นคงจะหายากยิ่งนัก   นั่นแปลว่า  คงจะแทบไม่มีโลกใดของระบบดาวหรือระบบดวงอาทิตย์ไหนที่จะมีชีวิตที่มีความก้าวหน้าและมีเทคโนโลยีใกล้เคียงกับเรา 


     สตีเฟน  ฮอว์กิง  ทำนายว่าหากมีการล่าหาบริวารที่โลกอื่นระบบดาวอื่น  นั่นก็น่าจะเป็นฝีมือของมนุษย์โลกเรามากกว่าจะมาจากโลกอื่นระบบดาวอื่น  ฉะนั้นหากว่าเราเชื่อสตีเฟน  ฮอว์กิง   นักฟิสิกส์เอกของโลกก็แทบจะสรุปได้ว่า  อย่างน้อยในกาแล็กซีทางช้างเผือกของเราคงจะหาระบบดาวหรือระบบดวงอาทิตย์ที่มีโลกเป็นบริวาร  และมีความก้าวหน้าแม้เพียงเท่าๆ  กับเราก็หายากยิ่งนัก  ทั้งสันดานหรือนิสัยของเรา  -  เท่าที่สตีเฟน  ฮอว์กิง  บอก  -  ก็ไม่ค่อยจะดีนัก  คือชอบรุกรานคนอื่นหรือล่าหาบริวาร  รุกรานหรือหาบริวารไปทำไม?  นั่นก็เดาไม่ยากนัก  คือ  มนุษย์โลกเราโลภอย่างที่สุด  หากว่าสงครามนิวเคลียร์จะเกิดขึ้นกับโลกเรา  หากไล่ต่อไปจนถึงที่สุด  การเกลียดชังกันก็เพราะความไม่เท่าเทียมกัน  และความไม่เท่าเทียมกันก็เนื่องจากเงิน  ความมั่งคั่งไม่เท่ากันนั่นแหละหรือโลภจริตนั่นเองที่สำคัญกว่าเพื่อน   


     เราพยายามค้นหาจักรวาลก็เพื่อหาโลกที่มีชีวิตอาศัยอยู่ได้   เราคิดว่าเพื่อให้สมใจความอยากรู้   ความขี้สงสัยของเรา  แต่จริงๆ  แล้วอย่างน้อยและลึกๆ  เราต้องการหาทรัพยากรของโลกของระบบดาวนั้นมาป้อนความโลภความอยากของเรา   การค้นหาโลกอื่นระบบดาวอื่นๆ  ก็มีส่วนอย่างยิ่งที่เป็นเพราะสาเหตุนั้น   จนถึงปัจจุบันเราค้นจักรวาลด้วยเทคโนโลยีที่เรามีอยู่ในวันนี้  ซึ่งอย่างดีถึงปัจจุบันนี้เราก็ค้นได้เล็กน้อยของเศษเสี้ยวเพียงน้อยนิดของกาแล็กซีทางช้างเผือกของเราแต่เพียงกาแล็กซีเดียว   หรือประมาณภายในขอบเขตรัศมี  400  ปีแสงเท่านั้น  และเราได้ค้นพบดาวเคราะห์ของระบบดาวต่างๆ   จำนวนไม่ถึง  400  ดาวเคราะห์ภายในรัศมีที่กล่าวมานั้น  และเท่าที่พบหลังจากสำรวจดาวหรือดวงอาทิตย์นั้นหลายสิบล้านดวงก็พบระบบดาวหรือดวงอาทิตย์ที่มีดาวเคราะห์บริวาร   (exoplanet)  ในจำนวนที่กล่าวมานั้น  และทุกๆ   โลกหรือดาวเคราะห์ที่พบทั้งร่วมสี่ร้อยโลกนั้น  ไม่มีแม้แต่โลกเดียวที่มีบรรยากาศที่สามารถจะเอื้อให้สิ่งที่มีชีวิตใดๆ   อาศัยอยู่ได้  จนกระทั่งเนชั่นแนล  จีโอกราฟฟิก  แมกกาซีนเอามาพาดหัวข่าวว่า  "หรือว่าเราจะอยู่โดดเดี่ยวจริงๆ?"  (National  Geographic,  De.2009)  นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ประมาณการว่า  เราจะค้นพบโลกหรือดาวเคราะห์ในระบบดาวต่างๆ   ด้วยวิธีที่ไม่ใช่การมองเห็นมันโดยตรง  เพราะไกลเกินไป  ที่มีรูปถ่ายให้ดูกันก็มีเพียงดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ๆ  เพียง  11  โลกเท่านั้น  และแต่ละโลกหรือดาวเคราะห์ใหญ่ๆ  เท่ากับดาวพฤหัสฯ  หรือใหญ่กว่านั้นเสียอีก  ปัจจุบันนี้เราค้นพบดาวเคราะห์ของระบบดาวหรือดวงอาทิตย์ที่ไม่ใช่ระบบสุริยะของเราประมาณสัปดาห์ละดวง   หรือปีหนึ่งๆ  ประมาณ  50  ดวงที่มีดาวเคราะห์เป็นบริวาร  และส่วนมากจะพบกับดาวที่มีดาวเคราะห์บริวารขนาดเท่าๆ  กับดวงอาทิตย์ของเรา  แต่อย่างที่ว่ามาแล้ว  ท่ามกลางดาวหรือดวงอาทิตย์หลายสิบล้านดวง  และมีถึงร่วมสี่ร้อยดวงที่มีดาวเคราะห์บริวาร   ก็ไม่ปรากฏว่ามีแม้แต่โลกเดียวที่ทำท่าว่าจะมีชีวิตในรูปใดรูปหนึ่งอาศัยอยู่   ทั้งๆ  ที่เรามีเครื่องมือที่เรียกกันว่าวิทยุกล้องโทรทัศน์หรือ  "เซติ"  (seti)  เพื่อสื่อกับโลกต่างดาวนานกว่ายี่สิบปี   โลกเราก็ไม่เคยได้รับสัญญาณอะไรจากสิ่งมีชีวิตที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้ากว่ามนุษย์เรา  หรือเท่าๆ  กับเราแม้แต่น้อย


     นั่นแปลว่า  ในจักรวาลนี้มีแต่โลกเราและมนุษย์เราเท่านั้นหรือ?  มนุษย์เราจะอยู่โดดเดี่ยวและเดียวดายกระนั้นหรือ?   ก็ต้องไม่ใช่เช่นนั้น   แม้ว่าในกาแล็กซีทางช้างเผือกของเรานี้  จนกระทั่งถึงเดี๋ยวนี้  ในอาณาบริเวณรัศมี  400  ปีแสงจากโลกเรา  เรายังไม่พบดาวเคราะห์ใดที่มีบรรยากาศที่เอื้อให้สิ่งมีชีวิตอยู่ได้   รวมทั้งอุปกรณ์  "เซติ"  ที่มีมานานแล้ว  ก็ไม่พบร่องรอยของชีวิตที่มีเทคโนโลยีใกล้เคียงกับเราหรือเหนือเรานอกจากในภาพยนตร์   


     ผู้เขียนเชื่อว่าน่าจะไม่มีเลยซึ่งสิ่งมีชีวิตที่มีความก้าวหน้าใกล้เคียงกับมนุษย์เรา  ทั้งนี้  ก็ไม่ใช่ว่าเพราะเราไม่พบโลกที่มีชีวิตใดๆ   เลยภายในรัศมี  400  ปีแสง  และ  "เซติ"  ก็ไม่พบชีวิตที่มีความก้าวหน้าใกล้เคียงกับเรา  ทั้งผู้เขียนรู้ดีว่าที่เราสำรวจได้นั้นก็เป็นเพียงส่วนที่น้อยนิดของกาแล็กซีทางช้างเผือกของเราที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึงกว่า   20,000  ปีแสง  นอกจากนี้เราต้องไม่ลืมว่ากาแล็กซี่ทางช้างเผือกของเราเป็นเพียงหนึ่งในกาแล็กซีที่นับจำนวนไม่ถ้วนของจักรวาล  ซึ่งมีถึงราวๆ  100  พันล้านกาแล็กซี  ฉะนั้น  จึงไม่ใช่ว่าหากเราไม่พบโลกแห่งชีวิตเลยในกาแล็กซีของเรา    ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายในจักรวาลนี้   แต่น่าจะเป็นเพราะเหตุว่า  จักรวาลของเราเป็นจักรวาลแห่งวิวัฒนาการ  และวิวัฒนาการของชีวิต  -  (สุดท้ายที่มนุษย์)  ซึ่งมีทั้งกายและจิตนั้น  -  นั่นใช้เวลาไปมาก  คือกว่าจะมีมนุษย์และมีวิวัฒนาการของจิตถึงระดับที่เรามีอยู่เดี๋ยวนี้  ซึ่งเป็นระดับที่ยังไม่ถึงระดับจิตวิญญาณ  (spirituality)   ของประชากรโลกส่วนใหญ่  (ซึ่งนักคิดนักเขียนและนักวิชาการบางคนคิดว่า  ปี  2013  เป็นต้นไปคือเวลาเริ่มต้นของวิวัฒนาการของจิตสู่จิตวิญญาณ)  ถึงตอนนี้วันนี้ดวงอาทิตย์หรือดาวแห่งระบบสุริยะของเราก็ย่างเข้าวัยแก่ชราเสียแล้ว  เราเหลือเวลาน้อยยิ่งกว่าครึ่งหนึ่งของอายุของดวงอาทิตย์ที่จะหมดแรงใช้ไม่ได้ก่อนที่จะตายไปจริง


     ผู้เขียนเชื่อสตีเฟน   ฮอว์กิง   ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า  จักรวาลนั้นหาสิ่งที่มีชีวิต  โดยเฉพาะชีวิตที่มีความก้าวหน้าและมีเทคโนโลยีใกล้เคียงกับเราหรือเหนือเรายากยิ่งนัก   (rare)   แต่นั่นไม่ได้แปลว่าไม่มี  เพราะฉะนั้น  หากมองจากโอกาสในแง่ของสถิติ   ชีวิตที่มีอยู่ในจักรวาลนี้คงมีมากเป็นเรือนล้านหรือพันล้านก็ได้  แม้ในกาแล็กซีทางช้างเผือกหรือแม้แต่ในระบบสุริยะของเราเองก็ไม่แน่ว่าจะเป็นไปไม่ได้  เช่น  ที่ดวงจันทร์ยูโรปาของดาวพฤหัสฯ  แต่ที่จะมีมนุษย์เหมือนเราๆ   หรือมีเทคโนโลยีใกล้เคียงกับมนุษย์โลกเราคงจะไม่มีในกาแล็กซีทางช้างเผือกของเรา  ส่วนมนุษย์ต่างดาวที่ผู้เขียนเคยเขียนและคิดว่ามีอย่างแน่นอนนั้น  ผู้เขียนในปัจจุบันนี้จะเชื่อในสมมติฐานของจักรวาลหลายๆ   จักรวาลและโลกหลายๆ  โลก  (multiverses  and  manyworlds  theory)  ดังนั้น  มนุษย์ต่างดาวจึงเป็นมนุษย์ต่างมิติหรือสวรรค์และนรกไป  อย่างไรก็ตาม  ต่อให้มีเพียงหนึ่งระบบดาวที่มีเพียงหนึ่งดาวเคราะห์ที่บังเอิญเมื่อโลกมนุษย์ในกาแล็กซีที่นับจำนวนไม่ถ้วนที่ว่านั้น  เราก็จะมีดาวเคราะห์โลกที่มีมนุษย์เหมือนๆ  กับเรา  -  โดยหลักการ  ดังนั้น  ในจักรวาลนี้มนุษย์โลกคงจะไม่อยู่โดดเดี่ยวเดียวดายอย่างค่อนข้างแน่นอน.


http://www.thaipost.net/sunday/020510/21596

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
ความทรงจำนอกมิติ : การแพทย์องค์รวมที่บูรณาการจริง ๆ
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 1 2209 กระทู้ล่าสุด 17 มกราคม 2554 00:15:27
โดย หมีงงในพงหญ้า
ความทรงจำนอกมิติ : จิตปฐมภูมิในพุทธศาสนา กับ สนามแห่งรูป
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 0 2919 กระทู้ล่าสุด 16 มกราคม 2554 10:07:06
โดย มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : แสงกับความว่างเปล่าหรือสุญตา
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 0 1913 กระทู้ล่าสุด 23 มกราคม 2554 08:21:18
โดย มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : จิต-สมองจักรวาลคือจักรวาลวิทยาใหม่ที่สุด
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 0 2073 กระทู้ล่าสุด 30 มกราคม 2554 05:46:17
โดย มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : สมาธิ-สะกดจิตตัวเองกับอภิญญาจิตวิญญาณ
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 0 1764 กระทู้ล่าสุด 08 กุมภาพันธ์ 2554 08:42:05
โดย มดเอ๊ก
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.381 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 28 มีนาคม 2567 03:09:25