หลวงปู่สิงห์ พรหมโชโต วัดวิชัย ต.ศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม

หลวงปู่สิงห์ พรหมโชโต
วัดวิชัย ต.ศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม

หลวงปู่สิงห์ พรหมโชโต หรือ พระครูสุทธิพรหมโชติ เจ้าอาวาสวัดวิชัย บ้านหนองบาท้าว หมู่ 2 ต.ศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม เป็นศิษย์สืบสายธรรมจากหลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน พระเกจิอาจารย์ผู้สร้างพระธาตุท่าอุเทน จ.นครพนม และยังเป็นศิษย์หลวงปู่ญาคูสุ หรือพระครูพิทักษ์อุดมพร ซึ่งเป็นศิษย์ผู้น้อง หลวงปู่สนธิ์ สุรชโย แห่งวัดท่าดอกแก้วเหนือ ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม

ปัจจุบัน สิริอายุ 95 ขวบ พรรษา 69

มีนามเดิมว่า สิงห์ ภูเม็ด เกิดเมื่อวันพุธที่ 9 ก.ค.2467 เป็นชาวบ้านหนองบาท้าว หมู่ 2 ต.ศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม

หลังจบชั้น ป.4 ขณะมีอายุ 10 ขวบ มีความศรัทธาต้องการบวช บิดามารดาจึงนำไปฝากตัวเป็นศิษย์กับ หลวงปู่ญาคูสุ เจ้าอาวาสวัดวิชัย รูปที่ 2 จึงรับไว้แต่ยังไม่ให้บรรพชาให้ห่มผ้าขาวทำวัตรสวดมนต์ทุกวันก่อน

หลวงปู่ญาคูสุเห็นความขยันหมั่นเพียร จึงบอกว่าหากประกอบกิจวัตรรักษาศีลบำเพ็ญเพียรได้จะพาไปบวชเรียนอยู่สำนักปริยัติธรรมวัดพระธาตุท่าอุเทนกับหลวงปู่สีทัตถ์ โดยบิดามารดานำ ด.ช.สิงห์ ขี่ม้าไปที่วัดดังกล่าว

หลวงปู่สีทัตถ์ นำไปบวชที่วัดพระธาตุโพนฉัน ที่ฝั่งลาว โดยมี หลวงปู่สีทัตถ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ขณะมีอายุ 10 ปี อยู่จำพรรษาในฝั่งลาว

ศึกษาในสำนักเรียนหลวงปู่สีทัตถ์ หลังออกพรรษา หลวงปู่ญาคูสุ จึงนำสามเณรสิงห์ กลับสู่มาตุภูมิ

หลังเดินทางกลับสู่วัดบ้านเกิด ได้อุปัฏฐากรับใช้ผู้เป็นอาจารย์ ร่ำเรียนอักขระธรรมลาวโบราณ อักขระขอม วิทยาคม และคาถามนต์สาลิกากับ หลวงปู่สนธิ์ วัดท่าดอกแก้ว ก่อนไปฝึกทำตะกรุดหนังเสือและจากปล่องไม้ไผ่กับ หลวงปู่สาย ฐิตปัญโญ วัดขามเตี้ยใหญ่ ต.นาขมิ้น อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม จนเชี่ยวชาญแตกฉาน

ฝึกกัมมัฏฐานกับหลวงปู่จันทร์ เขมิโย ที่วัดศรีเทพประดิษฐาราม อ.เมือง จ.นครพนม คอยชี้แนะเดินจงกรมให้ และเรียนนักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ที่สำนักเรียนวัดดังกล่าว

ขณะบวชเณรนาน 16 ปี จึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่พัทธสีมาวัดวิชัย มี หลวงปู่ญาคูสุ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายาว่า พรหมโชโต แปลว่า ผู้มีความรุ่งเรืองประดุจพรหม

หลังอยู่จำพรรษาที่วัด 1 พรรษา จึงออกเดินธุดงค์ตามป่าช้าต่างๆ มุ่งเดินทางไปศึกษาธรรมกับหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม พระเกจิชื่อดังของเมืองไทย ฝึกวิชากัมมัฏฐาน ฝึกจิตคาถา

จากนั้นจึงเดินธุดงค์ไปพบพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ที่วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร และ หลวงปู่ขาว อานาลโย วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู ฝากตัวเป็นศิษย์เรียนกัมมัฏฐาน ฝึกสมาธิให้ ร่ำเรียนวิชาแพทย์โบราณและดูฤกษ์ยามนาน 10 ปี จนแตกฉานแล้ว หลวงปู่ขาวจึงมอบหมายให้หลวงปู่สิงห์ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านผือ จ.อำนาจเจริญ พัฒนาเสนาสนะนาน 10 ปี สอนศีลธรรมให้ชาวบ้านและกุลบุตร

ต่อมา หลวงปู่ญาคูสุ ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ได้มรณภาพ จึงได้กลับมาร่วมงานพระราชทานเพลิง จากนั้นชาวบ้านได้อาราธนานิมนต์กลับมารักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดวิชัย และเป็นเจ้าอาวาสวิชัยตามลำดับ เพื่อพัฒนาเสนาสนะสร้างหอระฆัง ศาลาการเปรียญ และกุฏิใหม่ 4 ห้องจวบจนในปัจจุบัน

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2536 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ในราชทินนามที่ พระครูสุทธิพรหมโชติ พ.ศ.2556 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามเดิม

ด้านวัตถุมงคลที่จัดสร้างเป็นพระขุนแผนพญาไก่แก้ว รุ่นแรก เนื้อว่าน 108 ซึ่งสร้างน้อยแค่ 299 องค์ และวัตถุเหรียญหลวงปู่สิงห์ รุ่นแรก ที่กำลังมาแรงเป็นที่แสวงหา

ท่านเป็นพระสุปฏิปันโนที่เคร่งครัดในศีลาจารวัตร ที่สำคัญยังพูดน้อยถ่อมตน ถือเป็นอีกพระเกจิรูปหนึ่งที่น่ากราบไหว้ในลุ่มแม่น้ำสงคราม

อริยะโลกที่ 6 ข่าวสดออนไลน์