[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
03 กรกฎาคม 2568 14:18:41 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ความทรงจำนอกมิติ : เราเองที่ชอบของหนักของหยาบและใหญ่ชอบไดโนเสาร์  (อ่าน 2226 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5162


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 26 มิถุนายน 2554 05:33:56 »



สำหรับคนที่ชอบตรงไปตรง ที่เขียนว่าไดโนเสาร์อาจจะไม่เข้าใจ เพราะไม่เห็นว่าไดโนเสาร์จะเกี่ยวอะไรกับชื่อของบทความ ก็ต้องอธิบายว่าตัวไดโนเสาร์นั้นไม่เกี่ยวกับบทความจริงๆ แต่ที่ใส่ไว้เพราะเหตุผล 2 ประการ คือ  1.เพราะว่าไดโนเสาร์นั้นตัวมันหนักและหยาบใหญ่เทอะทะ โดยเฉพาะชนิดกินพืชเป็นอาหาร แถม 2.มันคล้องจองกันดี

ว่าไปแล้วบทความนี้ขยายบทความที่ผู้เขียนได้เขียนมาในระยะหลังๆ  โดยเฉพาะบทความในวันอาทิตย์ที่แล้วเรื่องแม็ตทีเรียลลิสต์เอ๋ย...ซึ่งเป็นเรื่องของความจริงทางโลกที่สาธารณชนคนทั่วไปทุกๆ คนเลย และทั้งนักวิทยาศาสตร์-นักวิชาการ และพระสงฆ์ผู้ช่ำชองในพุทธศาสนา หากว่าตอนนั้นกำลังไม่ได้พูดไม่ได้เขียนเรื่องนี้อยู่ รวมทั้งผู้เขียนเอง เพราะว่าเราเชื่อมั่นในการรับรู้ในอวัยวะประสาทสัมผัสในยามปกติเป็นเรื่อง (ความจริง) ประจำวัน นั่นคือความจริงทางโลกที่ทุกคน โดยไม่การยกเว้นจะต้องได้รับรู้คือมองเห็น ได้ยินเหมือนกันเป๊ะๆ แต่จะรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องอยู่ที่ภาษา ถึงได้บอกว่าเด็กที่อายุครบ 3 ขวบบริบูรณ์กับผู้ใหญ่อายุเท่าไหร่ก็ได้ ซึ่งต่างก็ได้ยินเหมือนกันเป๊ะ  เพียงแต่ต่างกันที่อายุคนที่ได้ยินว่าจะแตกต่างกันเพียงไหนหรือไม่ คือจะต่างกันที่ความรู้สึกและอารมณ์พร้อมกับพฤติกรรมที่ตามมา ทั้งนี้ เพราะว่าการได้ยินที่เหมือนกันเป๊ะๆ เช่น เสียงเสือที่คำรามอยู่ใกล้ๆ นั้นจะได้วิ่งหนีทัน คือเพื่อประโยชน์ของการเอาตัวรอดในโลก (existence) เท่านั้น ฉะนั้น บทความนี้ก็คงจะหนีความจริงทางโลกและความจริงทางธรรม ความเป็นสอง (dualism) จึงไม่พ้น แต่ต่างกันที่เนื้อหาสาระของบทความ ความเป็นสองหรือทวิตาที่ผู้เขียนเชื่อว่าเป็นที่มาของหลักการแม็ตทีเรียลลิซึ่ม หรือหลักการวัตถุนิยม หลักการที่สำคัญมาก และผู้เขียนคิดว่าเป็นหลักการที่ทำลายสปีชีส์หรือเผ่าพันธุ์ของมนุษยชาติส่วนใหญ่มากๆ จนแทบจะสิ้นสูญเผ่าพันธุ์ไปทั้งหมดในศตวรรษที่ 21 นี้ โดยเฉพาะในทศวรรษ 2020 (ทางวิทยาศาสตร์ ดู เจมส์ ลัฟล็อก ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เดอะการเดียน เมื่อ 31 มีนาคม ค.ศ.2010)

สำหรับสสารวัตถุ (matter) ในศาสนาจูโด - คริสเตียน - อิสลามนั้นจะจัดไว้เหมือนๆ กัน โดยเรียงลำดับไว้ดังนี้ : สสารวัตถุจะมาก่อนสิ่งใดทั้งหมด คือเป็นเช่นเดียวกันกับวิวัฒนาการของโลกและจักรวาล - ที่ตามมาด้วยรูปกาย จิต วิญญาณ และเทพหรือพระเจ้า (matter, body, mind, soul and spirit ที่มีทั้งหมด 5 ระดับ หรือเป็นพื้นฐานของวิวัฒนาการของจิต (basic structure of an  evolution of consciousness) ซึ่งที่ให้ไว้ในอันดับแรกคือสสารวัตถุ หรือ  matter นั้นเป็นสสารวัตถุที่หนักและหยาบใหญ่ คือเป็นสสารวัตถุที่นักแม็ตทีเรียลลิสต์ “คิดว่า” โลกนี้จักรวาลนี้ประกอบขึ้นด้วยสสารวัตถุหรือ matter จริงๆ  ส่วนชีวิตในระดับที่ 2 หรือ body หรือ physical ก็คือฐานของจิตรู้ หรือ mind ที่หยาบดิบ หนัก และใหญ่ หรือ gross ส่วนพื้นฐานที่พยุงหรือรับวิญญาณ หรือ  soul ไว้ก็จะละเอียด หรือ subtle ไปตามลำดับถึงละเอียดมากที่สุด very very  subtle หรือ causal หรือการตรัสรู้บรรลุธรรม - กรุณาอ่านในวงเล็บนี้อย่างน้อย 2 ครั้ง เพื่อความเข้าใจที่แจ่มแจ้ง) ซึ่งเชื่อว่ารูปกาย (physical) หรือชีวิตนั้นสร้างขึ้นมาหรือวิวัฒนาการมาจากวัตถุหรือสิ่งที่ไม่มีชีวิต ส่วนวิญญาณที่ไม่มีในศาสนาพุทธ (เพราะอธิบายไปในทางที่คล้ายๆ กับควอนตัมแม็คคานิกส์ ซึ่งมาทีหลังนานมากตั้ง 2,500 กว่าปี โดยพุทธศาสนาจะอธิบายว่าวิญญาณเป็นดวงๆ - ไม่ว่าของปัจเจกบุคคลหรือร่วมโดยรวมนั้นไม่มีจริง (อนัตตา) - ที่ล่องลอยเข้า (ในชีวิตเก่า) - ออก (ในชีวิตใหม่) นั้นไม่มีหรอก แต่เป็นสิ่งใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปโดยทำลายกัน ทำให้ก่อเกิดสิ่งใหม่ที่ไม่เหมือนเดิมตลอดเวลาที่จับกลุ่มใหม่ เป็นเรื่องใหม่ เป็นชีวิตใหม่ สำหรับปัจเจกบุคคลทางคริสต์หรืออิสลาม หรือศาสนายิว หรือแม้ในศาสนาพราหมณ์เองก็แทบจะอธิบายวิญญาณ  (soul) ไว้เหมือนกันเปี๊ยบ คือ หมายถึงอัตตาตัวตนที่สูงยิ่ง (higher self) หรือตัว (จิต) รู้ที่ละเอียด พูดง่ายๆ ว่าวิญญาณนั้นจะไม่มีวันตาย คือจะอยู่อย่างนิรันดร

ในศาสนาพราหมณ์ที่มาจากวัฒนธรรมเวดิก (พรหมนาสอย่างเดียวในทีแรก ต่อมาถึงค่อยๆ รวมเอาอุปนิษัทเรียกว่าเวทยันตา) จะมีปลอกหมอนหรือปลอกของจิตที่มีทั้งหมดอยู่ 5 ปลอก ที่พูดถึงปรัชญาว่าด้วย “มนุษย์” ที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้า (มีองค์เดียวเท่านั้น แต่สาธารณชนคนทั่วไปที่อินเดียส่วนใหญ่ไปแยกเอาเอง) ปลอกหมอนทั้ง 5 คือรูปกายที่รวมวัตถุ (physical) ที่จะรวมกับ  (matter) เอาไว้ด้วยเสมอ จักรวาลถึงได้มีแต่รูปกายมาตั้งแต่สมัยกรีกมาตราบปัจจุบัน จริงๆ แล้วในเวทยันตา (vedunta) นั้นปลอกหมอนที่มี 5 อย่าง (คืออันยะมยโกษะ (physical mind) ปราณะมยโกษะ (emotional mind) มโนวิญญาณมยโกษะ (conceptual mind) มนัสมยโกษะ (intuitive mind) และสัตจิตอนันท์ (bliss mind) ซึ่งแปลว่า ปลอกแห่งอาหาร ปลอกแห่งพลังงาน ปลอกแห่งการรู้ตัวและรู้ด้วยจิตสำนึก และปลอกแห่งความจริงแท้ทางจิตในความหลากหลาย ทั้ง 5 ปลอกที่เค็น วิลเบอร์ (Eye of Spirit) สรุปเป็น 3 ระดับ หรือขั้นของวิวัฒนาการทางจิตถึงผู้ได้ตรัสรู้ (enlightened) ผู้บรรลุธรรม  (transcendence) อันได้แก่ ศาสดาผู้ประกาศศาสนาทั้งหลาย ซึ่งผู้เขียนคิดว่าผู้ประกาศศาสนาเหล่านี้ทุกคนโดยไม่มีการยกเว้นที่ต่างมีวิวัฒนาการของจิตผ่านระดับหยาบดิบ (gross) อันเป็นระดับที่ประชาชาวโลกส่วนมากของโลกมีอยู่ในขณะนี้ (self-rational) และกำลังจะต้องเปลี่ยนแปลงให้สูงขึ้นภายในปี 2  ปีนี้ หรืออย่างช้าภายในทศวรรษที่ 2020 นี้ และวิวัฒนาการของจิตจะต้องผ่านชั้น - ขั้นตอนหรือระดับต่างๆ ของสภาวะจิตวิญญาณนั้น (psychic, subtle,  causal ซึ่งระดับหรือชั้นหรือขั้นระดับอันหลังนี้ก็คือ ระดับตรัสรู้บรรลุธรรมที่ว่านั้น (ยกเว้นพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวที่ได้สูงเต็มขั้นของสภาวะจิตวิญญาณ  (spirituality) หรือระดับที่ความเป็นสอง (dualism) หรือความจริงทางโลกจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลย

ในมหายานพุทธศาสนาจะมีระดับชั้นหรือขั้นตอนที่วิวัฒนาการทางจิตจะมีด้วยกันทั้งหมด 8 ระดับ คือ จะมีระดับที่อวัยวะประสาทสัมผัสภายนอกทั้ง 5  รับรู้ และบอกเรา ส่วนระดับที่เหลืออีก 3 จะมีระดับมโนวิญญาณที่เกี่ยวกับอารมณ์กับความจำ ส่วนระดับต่อไปคือ “มนัส” ที่เป็นความคิดวิเคราะห์ของตัวเราแต่ละคนเป็นปัจเจกบ่อเกิดของความเป็น 2 ที่ทึกทักว่าความจริงมีหนึ่งเดียวเท่านั้น นั่นคือ ความจริงทางโลกที่เห็นความจริงอันที่ 8 หรือขั้นสุดท้าย ซึ่งจะเป็นกลุ่มของจิตไร้สำนึกโดยรวมที่เข้ามาอยู่ในสมองของแต่ละปัจเจกบุคล  (ก่อนที่สมองจะบริหาร) หรือ “อาลัยวิญญาณ” (storehouse of  consciousness) เป็นตัวการที่ให้ความเป็นสองแก่เรา นั่นคือ จิตรามาสของธรรมเกียรติที่เป็นปรัชญาที่เชื่อกันจนบัดนี้ของมหายานพุทธศาสนา (โปรดอ่านอีกครั้ง)

ในวัชรญาณพุทธศาสนา โดยเฉพาะในปรัชญาตันตระก็คล้ายๆ กับการจำแนกวิวัฒนาการทางจิตในจูโด - คริสเตียน - อิสลาม และก็คล้ายๆ กับเวทยันตาหรือภาคจบของลัทธิพระเวท กับในวัชรญาณพุทธศาสนา (ที่จะกล่าวต่อไป) คือวิวัฒนาการของจิตจะแบ่งเป็น 3 ระดับ ขึ้นกับการพยุง (support) หรือการรับของรูปกาย (body) คือ หนักและหยาบใหญ่ (gross) ละเอียด (subtle)  หรือละเอียดมากที่สุด (very very subtle) ซึ่งระดับหลังนี้คือ ตรัสรู้บรรลุธรรม  หรือรวมกันกับพระเจ้า (โปรดดู - ในวงเล็บที่ขอให้ท่านผู้อ่านได้อ่านซ้ำๆ อย่างน้อย 2 ครั้งในจูโด - คริสเตียน- อิสลาม)

นั่นแสดงว่าวัฒนธรรมศาสนาทั้งหมดดูเผินๆ ว่าแตกต่างกัน แต่ทว่าจริงๆ แล้วสะท้อนเรื่องราวของ “ความเหมือนๆ กัน” ของปรัชญาที่เรียกว่า  ปรัชญาสากลนิรันดร (perennial philosophy) ที่มี “ดิน มนุษย์ ฟ้า” ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณดึกดำบรรพ์ในทุกๆ วัฒนธรรมในโลกที่บางแห่งบอกว่ามีมาตั้งแต่สมัยมนุษย์โครมาฌ่อน โดยไม่รู้ว่าใครเป็นคนค้นพบ เป็นปรัชญาที่นักวัตถุนิยมหรือแม็ตทีเรียลลิสต์ (materialist) ทำเป็นลืมและไม่ยอมพูดถึง ผู้เขียนขอย้ำว่าความจริงในธรรมชาติมันเตรียมให้ไว้อยู่แล้ว ไม่จำเพาะแต่เรื่องของปรัชญาสากลนิรันดรเท่านั้น เรื่องอื่นๆ ไม่ว่าเรื่องของวิวัฒนาการทางจิต  และแม้แต่วิวัฒนาการทางกายหรือชีววิทยา โดยเฉพาะทางฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ เช่น ตัวคงที่ (constants) ที่มีมากมายที่เราได้ค้นพบแล้วหรือกำลังรอคอยวิทยาศาสตร์ค้นพบ ทั้งหมดที่มีอยู่มากมายหลากหลายเหล่านี้มันก็อยู่ที่นักแม็ตทีเรียลลิสต์ และนักเทคโนโลยีเก่าๆ ที่ตั้งบนวิทยาศาสตร์เก่าๆ จะยอมรับรู้และยอมรับหรือไม่เท่านั้น?

เป็นเพราะมนุษย์เราเองที่ชอบของหนัก ของหยาบใหญ่อย่างชื่อของบทความจริงๆ ซึ่งผู้เขียนขอบอกตามตรงดังที่ได้เขียนมาบ่อยๆ ว่า จักรวาลนี้มีหน้าที่สำคัญที่สุดอย่างเดียวคือวิวัฒนาการของรูปและนาม หรือกายกับจิต กายอันมาเร็วและมาก่อน และที่มองเห็นอันเป็นบ่อเกิดหรือที่มาของหลักการแม็ตทีเรียลลิซึ่ม ซึ่งวิวัฒนาการของกายหรือชีววิทยานั้นเกือบเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว  หรือจะพูดว่าเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วก็ว่าได้ แต่วิวัฒนาการของนามหรือของจิตที่ช้ากว่ายังไม่แล้วเสร็จ ยังอยู่แค่ครึ่งทางที่ตัวตนและเหตุผล (self-egoic  rational) เรายังไม่ถึงสภาวะจิตวิญญาณ (spirituality) ซึ่งคงถึงในเร็วๆ นี้  ระดับผ่านพ้นตัวตน (transcendence) แม้ว่าปรากฏการณ์ที่เกี่ยวกับมนุษย์ทั้งหลาย รวมทั้งวิวัฒนาการจะเร็วขึ้นและเร็วขึ้นมากหลังจากได้เกิดมาแล้ว เราคุ้นกับการเปลี่ยนแปลงแล้วจึงเร็วขึ้นและเร็วมากขึ้น แต่วิวัฒนาการทางจิตก่อนถึงขั้นหรือระดับตรัสรู้บรรลุธรรมและปราศจาก “ทุกขา” หรือบรรลุนิพพานนั้นก็ใช้เวลา และนิพพานนั้นก็มี 2 วิมุตติ คือ เจโตวิมุตติและปัญญาวิมุตติ (causal   and non-dual) โดยปัญญาวิมุตตินั้น จะได้ทั้ง 2 โดยกำจัดอวิชชาความไม่รู้ -  อันเป็นต้นเหตุของปฏิจจสมุปบาท - ก่อน แล้วกำจัดกิเลสราคะทีหลัง กิเลสราคะอันเป็นบ่อเกิดของทุกขา.

http://www.thaipost.net/sunday/260611/40748

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 5.0 Firefox 5.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 26 มิถุนายน 2554 08:33:13 »






 ยิ้ม  ยิ้ม  ยิ้ม


บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.487 วินาที กับ 28 คำสั่ง

Google visited last this page 25 มิถุนายน 2568 16:14:48