[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
26 มิถุนายน 2568 03:34:22 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: หลวงปู่พัน ฐานกโร วัดโพธิ์ชัยมงคล อ.นาทม จ.นครพนม  (อ่าน 1011 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 13
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2637


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 11 ตุลาคม 2562 16:26:26 »




หลวงปู่พัน ฐานกโร
วัดโพธิ์ชัยมงคล อ.นาทม จ.นครพนม

หลวงปู่พัน ฐานกโร เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัยมงคล อ.นาทม จ.นครพนม พระเถระที่จำพรรษาอยู่ในถิ่นทุรกันดาร ที่ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงรวมทั้งผู้ใกล้ชิดที่เลื่อมใสศรัทธาต่อท่าน แวะเวียนไปกราบไหว้และไปทำบุญไม่ขาดสาย

ท่านเป็นพระสงฆ์ที่เคร่งครัดและเปี่ยมด้วยคุณธรรม เป็นที่พึ่งของชาวบ้านและสาธุชนโดยทั่วไป มีจิตที่เปี่ยมด้วยความเมตตา อุทิศตนรับใช้พระพุทธศาสนาอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย

อีกทั้งท่านยังเป็นศิษย์สืบสายธรรมหลวงปู่บุญมา สุชีโว พระป่าสายกัมมัฏฐานใน ต.ศรีฐาน อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร

ดำรงชีวิตอยู่ในวัย 115 ปี พรรษา 46

อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า นายพันธ์ศรี กันภัย ชาติภูมิเดิม เกิดในยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 ตรงกับวันที่ 6 มิ.ย.2448 ตรงกับปีมะเส็ง เป็นบุตรของนายสีคุณ และนางหวัด กันภัย เป็นบุตรคนโต ในจำนวนพี่น้องร่วมอุทร 5 คน

ในช่วงวัยเยาว์ หลังจบชั้น ป.4 ที่โรงเรียนในบ้านเกิด อ.คำเขื่อนแก้ว อายุ 13 ปี ได้เข้าพิธีบรรพชา 1 ปี ก่อนลาสิกขา

ครั้นย่างเข้าวัยหนุ่ม ถูกเกณฑ์ไปติดทหารรับใช้ชาติ สังกัดทหารบก ทำหน้าที่ยิงปืนใหญ่ ได้รับเงินเดือน 2 บาท

กระทั่งปลดประจำการ ใช้ชีวิตฆราวาสสักระยะ ก่อนเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ อุปสมบทครั้งแรก เมื่ออายุ 25 ปี ก่อนจะลาสิกขาในเวลาต่อมา

กระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างปี 2482-2488 ยาวนาน 6 ปี ช่วงนั้นท่านได้ถูกเกณฑ์ในฐานะทหารกองเกินไปรบที่ฝั่งลาว ในเมืองยอน-เมืองเงา

เมื่อสงครามสงบ จึงใช้ชีวิตเฉกเช่นปุถุชนทั่วไป ทำนาและรับจ้างตีเหล็กและตีมีดพร้า ผ่านการครองเรือนมีภรรยา จนเกิดความเบื่อหน่ายทางโลก ก่อนกลับเข้าสู่ร่วมกาสาวพัสตร์อีกครั้ง เมื่อวันที่ 2 ส.ค.2516 โดยมีพระครูรัตนคุณาวสัย เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอินทร์ตา สุจิตโต เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระสมัคร วิสุทโธ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ภายหลังอุปสมบท ท่านอยู่จำพรรษาที่วัดยอดแก้ว อ.นาทม จ.นครพนม ก่อนย้ายมาจำพรรษาที่วัดโพธิ์ชัยมงคล พ.ศ.2545 สามารถสอบนักธรรมชั้นตรีได้

พ.ศ.2553 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัยมงคล

ด้านวิทยาคม ท่านเคยร่ำเรียนวิชาจากหลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน วัดท่าอุเทน จ.นครพนม พระเกจิชื่อดังผู้สร้างพระธาตุท่าอุเทน แต่ท่านไม่ค่อยคุยโอ้อวด ท่านยังได้เดินทางไปเรียนวิชากับหลายพระอาจารย์ ด้วยความเป็นพระที่ใฝ่หาความรู้วิชาอย่างจริงจัง

ต่อมา ฝึกฝนวิปัสสนากัมมัฏฐานควบคู่กับการศึกษาเล่าเรียนวิทยาคมกับพระอาจารย์ที่เก่งในทางนี้

การศึกษาไม่มีที่สิ้นสุด ท่านยังได้ไปศึกษาเล่าเรียนวิชากับหลวงปู่บุญมา สุชีโว อีกด้วย

ตลอดระยะเวลาที่หลวงปู่พันอยู่ที่วัดโพธิ์ชัยมงคล ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ด้วยความเป็นพระผู้ใหญ่ที่มีพรรษาสูง ได้รับความเคารพจากพระลูกวัดทั่วไป ท่านจึงบริหารงานด้านจัดระเบียบการปกครองวัด งานศึกษาสงเคราะห์ และการเผยแผ่พระพุทธศาสนา

หลวงปู่พันมีปฏิปทาที่มั่นคง สงเคราะห์ญาติโยมที่เดือดร้อนมาโดยตลอด เคร่งครัดในพระธรรมวินัย มีสัจบารมีแน่วแน่มั่นคง ปฏิบัติเกื้อกูลต่อพุทธศาสนิกชนที่มากราบนมัสการอย่างสม่ำเสมอกัน กอปรกับเป็นพระเกจิอาจารย์เข้มขลัง ทำให้เกิดศรัทธา อย่างแรงกล้าจากสาธุชนทั้งใกล้-ไกล หลั่งไหลมากราบนมัสการ เพื่อความเป็นสิริมงคลมิขาดสาย

อย่างไรก็ตาม ระยะหลัง เพราะท่านมีโรคประจำตัวหอบหืด รับนิมนต์บางครั้ง แต่ไปไม่ไกล ไม่เคยเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาล มีแต่ไปรับยาพ่นหอบหืดเดือนละครั้ง

สาเหตุที่หลวงปู่อายุยืนยาว ท่านชอบฉันเนื้อปลา อาหารพื้นบ้าน เช่น ลาบวัว แต่ฟันหมดปากแล้ว สูบยาเส้นเป็นบางครั้ง ผลไม้ชอบฉันทุเรียน พูดคุยสนุกสนานกับญาติโยม แต่หูซ้ายดับ มีเครื่องช่วยฟัง

หลวงปู่พันเป็นพระดีมีวินัยเคร่งครัด มีหลายคนเดินทางไปที่วัดของท่าน ปรากฏว่าท่านจะออกมาต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี และเมื่อเอ่ยปากขอท่านถ่ายรูป ท่านก็จะรีบเดินไปห่มผ้า และมาให้ถ่ายในทันทีเช่นกัน

นี่คือภาพของพระสงฆ์ที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา มีหัวใจแห่งการสงเคราะห์ญาติโยมที่มากราบขอความเมตตาอย่างจริงใจ

อาจกล่าวได้ว่า เมืองนครพนม นับแต่สิ้นหลวงปู่จันทร์ เขมิโย วัดศรีเทพประดิษฐาราม, หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม วัดป่าอรัญญวิเวก, หลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน วัดท่าอุเทน ฯลฯ

ปัจจุบันพระเกจิอาจารย์ที่น่าเลื่อมใสศรัทธาและน่ากราบไหว้ได้อย่างสนิทใจอีกรูป คือ หลวงปู่พัน ฐานกโร 
ข่าวสดออนไลน์

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 1.013 วินาที กับ 28 คำสั่ง

Google visited last this page 04 เมษายน 2568 15:18:04