[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 มีนาคม 2567 23:32:58 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรมรัตนะ - พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จ.ชลบุรี  (อ่าน 1505 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Maintenence
ผู้ดูแลระบบ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 992


[• บำรุงรักษา •]

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 78.0.3904.97 Chrome 78.0.3904.97


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 21 พฤศจิกายน 2562 15:59:27 »




ธรรมรัตนะ

การฟังเทศน์ฟังธรรม เป็นบุญอย่างหนึ่ง เพราะฟังเทศน์ฟังธรรมแล้วจะทำให้เรามีความสุขใจ อิ่มใจ สบายใจ ความทุกข์ความวุ่นวายใจต่างๆ จะหายไปในขณะที่เราฟังเทศน์ฟังธรรม และเราจะได้รู้ว่าเราจะต้องทำบุญกี่ข้อ ต้องทำอย่างไรบ้าง ข้อที่ ๑ ที่เราต้องทำ หลังจากที่เราได้ฟังเทศน์ฟังธรรมแล้ว ก็คือเราต้องทำทานกัน “ทาน” แปลว่าการให้ ให้ในสิ่งที่เรามีมากเกินไป สิ่งไหนที่เรามีมากเกินไป เราแบ่งให้คนอื่นได้ ให้คนอื่นเขามีความสุขจากของที่เราให้ ให้เขาได้ ให้เขาไปเถิด เสื้อผ้าล้นตู้ เก็บไว้ไม่ได้ใช้ เอาไปแจกคนขอทานก็ได้ คนที่เขาไม่มีเสื้อผ้าใส่ คนที่ไม่มีรองเท้าใส่ ถ้าเรามีมากแล้วเราไม่ได้ใช้ เก็บมันไว้ทำไม มีเสื้อผ้าเต็มตู้แต่ใช้ไม่กี่ตัว ไอ้เสื้อผ้าที่อยู่เต็มตู้นี้ นานทีปีหนอาจจะหยิบมาใส่สักครั้งหนึ่ง ถ้าอะไรที่เราไม่ได้ใช้ภายในสองสามเดือนนี่ก็ยกไปให้คนอื่นดีกว่า เก็บไว้แต่ของจำเป็นที่เราจะต้องใช้เท่านั้น

การให้นี้ก็มีหลายอย่างที่เราให้ได้ ให้ข้าวของเงินทองก็เป็นการให้อย่างหนึ่ง เรียกว่า “วัตถุทาน” ถ้าเราไม่มีข้าวของเงินทองจะให้ แต่เรามีความรู้ เช่น เราไปเรียนหนังสือ เราจบปริญญา เรามีความรู้ ถ้าเรามีเวลาว่าง เราจะเอาความรู้นี้มาสอนเด็กก็ได้ สอนเด็กที่เขากำลังจะไปสอบเอ็นทรานซ์อย่างนี้ ก็ให้ความรู้เขา สอนพิเศษโดยที่ไม่เอาสตางค์ สอนฟรีๆ ถึงจะเรียกว่าเป็นทานได้ ถ้าสอนแบบเอาเงินเอาทองนี้ไม่ถือว่าเป็นทาน ต้องสอนแบบไม่เอาเงินเอาทอง ให้ประโยชน์แก่ผู้รับ ไม่รับประโยชน์จากผู้รับ เราไม่ต้องการรับอะไรจากผู้ที่เราให้ อยากให้เขาได้รับประโยชน์ ได้รับความสุขในสิ่งที่เรามีอยู่ ในสิ่งที่เราสามารถแบ่งปันไปได้

สมมุติว่าถ้าเราอยากจะทำบุญแต่เราไม่มีเงินทอง เงินทองเรามีก็มีพอไว้สำหรับรักษาดูแลเลี้ยงดูร่างกายเรา ถ้าให้ไปแล้วเราจะเดือดร้อน เราก็ให้ไม่ได้ แต่เราให้อย่างอื่นได้ เช่น สมมุติเสื้อผ้าข้าวของที่เรามีอยู่ในบ้าน มันมีมากเกินไปไม่จำเป็น ให้ผู้อื่นไปก็ได้ หรือถ้าไม่มีข้าวของ มีวิชาความรู้ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ทางด้านไหน ทางภาษาก็ได้ ภาษาจีน ภาษารัสเซีย ภาษาอังกฤษ ก็เอาไปสอนคนที่เขาอยากเรียนรู้ภาษาก็ได้ หรือวิชาทางคณิตศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ทางวิทยาศาสตร์ อันนี้ก็สอนได้ ให้ได้ การให้วิชาความรู้นี้ เราเรียกว่า “วิทยาทาน” ให้ความรู้ ให้วิทยา “ทาน” แปลว่าการให้ “วิทยาทาน” ก็แปลว่าการให้ความรู้ ให้วัตถุข้าวของเงินทองก็เรียกว่า “วัตถุทาน” ให้เสื้อผ้าให้เงินทอง ให้แก่คนที่เขาขาดแคลนอดอยาก หรือคนที่เขาเดือดร้อน เช่น เกิดภัยทางธรรมชาติ น้ำท่วม ไฟไหม้ บ้านไม่มีอยู่ เสื้อผ้าไม่มีใส่ อาหารไม่มีกิน เขาก็ต้องอาศัยวัตถุทาน ให้ข้าวของเงินทองเขาไป ให้เสื้อผ้า ให้อาหาร อันนี้ก็เรียกว่าเป็นการทำทาน

แล้วทำทานนี้ไม่จำเป็นจะต้องเลือกทำกับพระอย่างเดียว แล้วถึงจะเป็นบุญ ทำกับใครเป็นบุญเหมือนกัน บุญเป็นผลที่เกิดจากการทำทาน บุญคือความสุขใจอิ่มใจ ที่เราได้เห็นคนที่เขาได้รับประโยชน์จากการกระทำของเรา เขาเดือดร้อน เราไปทำให้เขาหายเดือดร้อน เราจะเกิดความรู้สึกอิ่มใจสุขใจขึ้นมา จะทำกับพระก็ได้ จะทำกับคนที่ไม่ใช่เป็นพระก็ได้ ทำกับฆราวาสญาติโยม ทำกับพี่น้องก็ได้ทำกับพ่อแม่ก็ได้ พ่อแม่ของเราก็เป็นเหมือนพระอรหันต์ของพวกเรา ถ้าพ่อแม่เดือดร้อน เราก็ต้องช่วยเหลือพ่อแม่ก่อน แต่ถ้าพ่อแม่ไม่เดือดร้อนแล้ว ท่านอยู่ดีกินดีแล้ว เราก็ไปช่วยเหลือคนอื่นต่อ คนอื่นต่อก็คือญาติพี่น้อง คนใกล้ชิดเราก่อน ใครเขาเดือดร้อน เราก็ควรช่วยเหลือเขา แต่ถ้าเขาไม่เดือดร้อน เขาอยู่ดีกินดี เราก็ไปช่วยคนที่เราไม่รู้จักต่อไป คนที่เขาเดือดร้อน ได้บุญเหมือนกัน ไม่ว่าทำกับใคร เพราะว่าการทำนั้นไม่ได้อยู่ที่ผู้รับ มันอยู่ที่สิ่งที่เราให้ ให้มากให้น้อย อยากได้บุญมากก็ให้มาก อยากได้บุญน้อยก็ให้น้อย ไม่ได้อยู่ที่คนรับว่าเป็นพระหรือเป็นฆราวาส อย่าไปคิดว่าให้กับพระแล้วได้บุญมากกว่าให้กับฆราวาส อันนี้ไม่ใช่ บุญที่เกิดจากการให้ ไม่ได้อยู่ที่ผู้รับ อยู่ที่ปริมาณของการให้ ว่าให้มากให้น้อย เหมือนกับการรับประทานอาหาร จะอิ่มมากอิ่มน้อย มันไม่ได้อยู่ที่ไปรับประทานอาหารของใคร ไปซื้ออาหารชนิดไหนมารับประทาน อิ่มมากอิ่มน้อยอยู่ที่ปริมาณของอาหารที่เรารับประทาน รับประทานมากก็อิ่มมาก รับประทานน้อยก็อิ่มน้อย ไม่ใช่อยู่ที่ว่า ไปซื้ออาหารจากร้านนั้นหรือร้านนี้มารับประทาน ร้านนั้นกินแล้วจะอิ่มมากว่าร้านนี้ มันไม่ใช่ มันอยู่ที่ปริมาณของการกิน

การทำบุญก็อยู่ที่ปริมาณของการให้ ให้มากก็จะสุขมาก ให้น้อยก็จะสุขน้อย หากไม่เชื่อลองไปทำดู แล้วสังเกตดูว่าใจจะรู้สึกอย่างไร ผลที่เกิดขึ้นเกิดทันที บุญนี้ไม่ต้องรอให้ตายไปถึงจะเกิด เกิดขึ้นทันทีในขณะที่เราทำบุญ ถ้าเราทำด้วยความตั้งใจ ทำด้วยความเข้าใจว่าที่เราทำ ทำเพื่ออะไร ทำเพื่อบรรเทาทุกข์ เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน หรือสัตว์เดรัจฉานก็ตาม พอเห็นเขาได้เกิดความสุขความสบายจากการกระทำของเรา มันก็จะทำให้เราเกิดความสุขขึ้นมาในใจเราทันที นี่คือวิธีทำบุญ มีทำได้หลายรูปแบบด้วยกัน ให้ข้าวของเงินทอง ก็เรียกว่า “วัตถุทาน” ให้วิชาความรู้ก็เรียกว่า “วิทยาทาน” ให้อภัยก็เป็นการทำทานอย่างหนึ่ง เวลาใครเขาทำให้เราโกรธ ทำให้เราเสียใจ ถ้าเราให้อภัยได้ ใจเราจะหายโกรธหายเสียใจ ความทุกข์ ความเศร้าหมองที่เกิดจากความโกรธ ความเสียใจจะหายไป อันนี้ก็เป็นการทำบุญ ทำให้เราเกิดความสุขใจขึ้นมาได้ ดังนั้น อย่าไปจองเวรจองกรรมใคร อย่าไปอาฆาตพยาบาทเพราะมันจะทำให้จิตใจเรามันเครียด จิตใจเราทุกข์ จิตใจเรารุ่มร้อน เวลาโกรธเกลียดใคร เวลาพยาบาทใครนี้ กินไม่ได้นอนไม่หลับ

แต่ถ้าเราคิดว่าเป็นการกระทำที่ทำให้เขามีความสุข ก็ให้เขาไป อย่าไปถือโทษโกรธเคืองเขา เหมือนกับเราทำบุญ เราทำบุญก็เพื่อที่จะให้เขามีความสุข เราให้ข้าวของเงินทองเขาไป เขามีความสุขเราก็มีความสุข จากการเห็นว่าเขามีความสุข ถ้าเขาด่าเราแล้ว ทำให้เขามีความสุข ก็ปล่อยเขาด่าไป ให้เขาด่าเต็มที่ เราอย่าไปโกรธเขา คิดเสียว่าเป็นการทำบุญทำทานไป ให้อภัยไป ถ้าเขาไม่มีข้าวกิน มาขโมยข้าวของเราไปกิน ก็อย่าไปโกรธเขา เขาหิว เขาไม่มีข้าวกิน เราไม่รู้ว่าเขาหิว ถ้าเรารู้ เราก็อาจจะให้เขาไปก่อน เราไม่รู้ เขาก็เลยมาขโมยข้าวเราไปกิน ถ้าเขาขโมยไป ก็แล้วกันไป ก็ถือว่าเป็นการทำบุญไป เราก็จะไม่โกรธ ถึงเขาจะมาเอาแฟนเราไป เราก็ไม่โกรธ ถ้าแฟนของเราอยากจะไปอยู่กับเขา เขาอยู่ด้วยกัน แล้วเขามีความสุข ก็ให้เขาไป ให้อภัยกันไป ไม่ช้าก็เร็ว เดี๋ยวก็ต้องตายจากกันอยู่ดี แฟนเราก็ไม่ใช่เป็นแฟนเราไปตลอด สักวันหนึ่งก็ต้องมีวันที่จะต้องตายจากกันไป ให้อภัย ให้อภัยกับทุกเรื่องทุกอย่าง แล้วใจจะมีความสุข ใจจะไม่ทุกข์ ใจจะไม่เครียด ความอาฆาตพยาบาทนี่เป็นตัวอันตรายต่อจิตใจ การให้อภัยนี่แหละเป็นคุณเป็นประโยชน์กับจิตใจ เพราะจะทำให้ความอาฆาตพยาบาทหายไป ความรุ่มร้อน ความทุกข์ภายในใจหายไป จะนอนหลับสบายถ้าเราให้อภัยได้ ถ้าให้อภัยไม่ได้นี้ กินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะใจจะคิดแต่ล้างแค้นอย่างเดียว จะทำยังไงทำให้มันตายให้ได้ จะทำยังไงทำให้มันเจ็บให้ได้ คิดอยู่อย่างนี้ แล้วถ้าไปล้างแค้น เดี๋ยวก็มีเรื่องยาวไปอีก เขามาด่าเรา เราไปด่าเขา เดี๋ยวเขาก็กลับมาตีเรา เขามาตีเรา เราก็ไปฆ่าเขา ฆ่าเขา เดี๋ยวญาติพี่น้องเขาก็มาตามฆ่าเรา แล้วตำรวจก็มาตามจับเราไป ติดคุกติดตะราง ไปประหารชีวิตต่อไป นี่คือประโยชน์ บุญที่เกิดจากการให้อภัย “อภัยทาน”

การให้ยังมีอีกชนิดหนึ่งเรียกว่า “ธรรมทาน” ธรรมทานคือให้ธรรมะนี่แหละ ให้คำสอนของพระพุทธเจ้า เช่น เราอ่านหนังสือธรรมะแล้ว เราเห็นคุณประโยชน์ของหนังสือที่เราอ่าน อ่านแล้วทำให้เราดับความทุกข์ ความไม่สบายใจต่างๆ ได้ ทำให้เรารู้จักวิธีสร้างบุญสร้างกุศลขึ้นมา ถ้าเราเห็นคนที่เขาไม่มีธรรมะ เราให้หนังสือธรรมะเขาไป หรือคนที่อยากได้หนังสือธรรมะ คนที่อยากจะเรียนรู้ธรรมะแต่ไม่มีหนังสือ เรามีหนังสือธรรมะที่เราอ่านแล้ว ที่เราไม่จำเป็นจะต้องเก็บเอาไว้ เราก็ให้เขาไปก็ได้ หรือว่าถ้าเรามีเงินมีทอง เรามีฐานะดี เราเห็นว่าหนังสือธรรมะนี้มีคุณค่าประโยชน์ต่อผู้อ่านผู้ศึกษา เราก็พิมพ์แจกธรรมะก็ได้ เรียกว่าเป็น “ธรรมทาน” การให้ธรรมะนี้ท่านบอกว่าเป็นการให้ที่ดีที่สุด เหนือกว่าการให้ทั้งปวง “การให้ธรรมะชนะการให้ทั้งปวง” เพราะธรรมะมีคุณค่าประโยชน์ยิ่งกว่าสิ่งต่างๆ ทั้งหลายที่มีอยู่ในโลกนี้ มีคุณค่ายิ่งกว่าวัตถุทาน มีคุณค่ายิ่งกว่าวิทยาทาน มีคุณค่ายิ่งกว่าอภัยทาน เพราะว่าถ้าไม่มีธรรมะ เราจะไม่รู้จักวิธีให้ว่าให้อย่างไร นั่นเอง เราจะไม่รู้จักวิธีทำทานกัน ธรรมะเป็นความรู้ที่จะทำให้ผู้มีความรู้นี้ อยู่เหนือความทุกข์ต่างๆ ดับความทุกข์ต่างๆ ที่มีอยู่ภายในใจให้หมดไปได้ ท่านจึงถือว่าธรรมะนี้มีคุณค่ากว่า ธรรมะนี้เป็นหนึ่งในพระรัตนตรัย เรียกว่า “ธรรมรัตนะ” “รัตนะ” ก็แปลว่าเพชรนี้เอง เพชรน้ำหนึ่งคือรัตนะ มีคุณค่าราคามากยิ่งกว่าสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่ในโลกนี้ มีเงินทองกองเท่าภูเขาก็สู้ธรรมะไม่ได้ ตำแหน่งใหญ่โตขนาดไหนก็สู้ธรรมะไม่ได้ มีเงินทองกองเท่าภูเขาก็ยังดับความทุกข์ใจไม่ได้ มีตำแหน่งใหญ่โตขนาดไหนก็ดับความทุกข์ใจไม่ได้ มีรางวี่รางวัลได้เหรียญอะไรต่างๆ มากี่เหรียญทองก็แล้วแต่ ก็ดับความทุกข์ภายในใจไม่ได้ แต่ถ้าได้ธรรมะมาแล้วนี้ สามารถดับความทุกข์ต่างๆ ที่มีอยู่ในใจให้หมดสิ้นไปได้เลย การให้ธรรมะจึงถือว่าเป็นการให้ที่ประเสริฐที่สุด ที่ดีที่สุด เพราะธรรมะเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามีราคามากที่สุดนั่นเอง



ธรรมะบนเขา
วันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๑
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัด ชลบุรี
ณ จุลศาลา เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

[• สุขใจ บำรุงรักษาระบบ •]
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
สร้างธรรมะให้เป็นที่พึ่งกับใจ พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จ.ชลบุรี
สมถภาวนา - อภิญญาจิต
Maintenence 0 924 กระทู้ล่าสุด 02 กันยายน 2562 16:17:35
โดย Maintenence
“อานิสงส์ของความเมตตา” พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จ.ชลบุรี
สมถภาวนา - อภิญญาจิต
Maintenence 0 964 กระทู้ล่าสุด 04 กันยายน 2562 17:24:35
โดย Maintenence
“ทุกวันนี้เราทุกข์กับอะไร” พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จ.ชลบุรี
สมถภาวนา - อภิญญาจิต
Maintenence 0 877 กระทู้ล่าสุด 06 กันยายน 2562 09:54:10
โดย Maintenence
“ทำใจให้สงบ” พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จ.ชลบุรี
สมถภาวนา - อภิญญาจิต
Maintenence 0 848 กระทู้ล่าสุด 07 กันยายน 2562 12:56:44
โดย Maintenence
“กระบวนการของการชำระจิตใจ” พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จ.ชลบุรี
สมถภาวนา - อภิญญาจิต
Maintenence 0 1027 กระทู้ล่าสุด 08 กันยายน 2562 11:10:15
โดย Maintenence
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.365 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 26 มีนาคม 2567 15:48:46