[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
20 เมษายน 2567 14:51:58 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: 'ต้นตำรับพระกริ่ง' พระมงคลราชมุนี (สนธ์ ยติธโร) วัดสุทัศน์ กรุงเทพฯ  (อ่าน 555 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2321


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2563 14:04:59 »




พระมงคลราชมุนี (สนธ์ ยติธโร) - ต้นตำรับพระกริ่ง
วัดสุทัศน์ กรุงเทพฯ

พระมงคลราชมุนี (สนธ์ ยติธโร) หรือที่ผู้คนส่วนใหญ่เรียกขานท่านในสมณศักดิ์เดิมว่า “ท่านเจ้าคุณศรี” (สนธิ์) ท่านเป็นศิษย์ในสมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศนเทพวราราม ทรงประสาทศิลปวิทยาการอันล้ำค่า คือ ตำรับและพิธีกรรมการสร้างพระพุทธรูปและพระกริ่งให้จนหมดสิ้น

ท่านเจ้าคุณศรีฯ (สนธิ์) สร้างวัตถุมงคลพระเครื่อง และพระกริ่งรุ่นต่างๆ ไว้หลายรุ่น ล้วนได้รับความนิยมจากศิษยานุศิษย์ และนักสะสมพระกริ่งอย่างกว้างขวาง

นามเดิม สนธิ์ พงศ์กระวี เกิดเมื่อวัน ศุกร์ที่ 17 ก.ค. 2446 ที่ ต.บ้านป่าหวาย กิ่ง อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี บิดา-มารดาชื่อ นายสุข และนางทองดี มีพี่น้องร่วมบิดา-มารดาเดียวกัน 11 คน

อายุ 11 ขวบ บิดาถึงแก่กรรม มารดาจึงนำมาฝากไว้กับหลวงตาบุญ ซึ่งเกี่ยวเป็นญาติของท่านที่วัดสุทัศนเทพวราราม คณะ 15 เพื่อให้ศึกษาอักขระสมัยฝ่ายบาลี ตามคตินิยมที่เล่าเรียนกันในยุคนั้นคือ เริ่มเรียนคัมภีร์สนธิ คัมภีร์นาม คือไปตามลำดับ

อายุ 13 ปี บรรพชาโดยมี พระมงคลราชมุนี (ผึ่ง ปุปฺผโก) เมื่อครั้งยังดำรงสมณศักดิ์เป็นพระครูปลัดสุวัฒนพรหมจริยคุณ ฐานานุกรมในพระพรหมมุนี เป็นพระอุปัชฌาย์

ศึกษาเล่าเรียนต่อไปตามปกติ จนถึงเดือนเมษายน 2459 ย้ายไปอยู่ที่วัดกลางบางแก้ว อ.นครไชยศรี จ.นครปฐม ในความปกครองของพระพุทธิวิถีนายก เจ้าคณะจังหวัดนครปฐมในยุคนั้น

ตราบจนถึงพ.ศ.2460 จึงย้ายกลับมาอยู่ที่วัดสุทัศนฯ ตามเดิม ศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ.2464 สอบได้นักธรรมชั้นตรี พ.ศ.2465 สอบได้นักธรรมชั้นโทได้ในปี

พ.ศ.2466 เข้าพิธีอุปสมบท โดยมีสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสสเทโว) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระพรหมมุนีเป็นพระอุปัชฌาย์, พระมงคลราชมุนี (ผึ่ง ปุปฺผโก) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็นที่พระครูปลัดสุวัฒนพรหมจริยคุณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระพิมลธรรม (นาค สุมมนาโค) เจ้าอาวาสวัดอรุณราชวรารามเมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็นที่พระเทพเวทีและยังอยู่ที่วัดสุทัศน์เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า ยติธโร

พ.ศ.2468 สอบเปรียญธรรมได้ 4 ประโยค พร้อมทั้งได้รับสมณศักดิ์เพราะครูธรรมรักขิต ฐานานุกรมในสมเด็จพระพุฒาจารย์

เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2469 เวลาประมาณ 04.00 น. ประสบเคราะห์กรรมอย่างหนัก ถูกคนวิกลจริตฟันท่านด้วยมีดตอก ได้รับบาดเจ็บตามร่างกายหลายแห่ง

ผลจากการถูกทำร้ายอย่างสาหัสในคราวนั้นทำให้ท่านอาพาธหนักไปพักหนึ่ง ประมาณ 3 เดือน เมื่อหายจากการอาพาธกลับคืนอยู่ที่วัดสุทัศน์ตามเดิม และเมื่อมาถึงได้ขึ้นไปเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสสเทโว) รับสั่งว่า “อ๋อ! มหาสนธิ์ เธอหายดีแล้วหรือ” แล้วท่านก็รับสั่งเรียกให้เข้าไปใกล้ ทรงจับศีรษะท่านไว้แล้วทรงเป่าให้ 3 ครั้ง พร้อมกับรับสั่งต่อไปอีกว่า “ตั้งแต่นี้ต่อไปจะไม่มีอะไรอีกแล้ว”

พ.ศ.2474 สอบได้นักธรรมชั้นเอกและเปรียญธรรม 7 ประโยค

รับตำแหน่งฐานานุกรมต่างๆ ตามลำดับ พร้อมกับได้ศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณ รวมทั้งโหราศาสตร์ ไสยศาสตร์ เวทมนตร์คาถา ฯลฯ เมื่อวันที่ 1 มี.ค.2481 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่ พระศรีสัจจญาณมุนี

วันที่ 8 ธ.ค. 2493 ได้เลื่อนจากตำแหน่งพระราชาคณะสามัญขึ้นเป็นพระราชาคณะเสมอชั้นราชที่ พระมงคลราชมุนี

เรียนรู้ศาสตร์ต่างๆ หลายแขนง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมเด็จพระสังฆราช (แพ) พระอุปัชฌาย์ ทรงประสาทศิลปวิทยาการคือ ตำรับและพิธีกรรมการสร้างพระพุทธรูปและพระกริ่งให้แก่ท่านจนหมดสิ้น ซึ่งท่านสืบสานพิธีกรรมต่างๆ เหล่านี้ ในเวลาต่อมาสมัยที่สมเด็จพระสังฆราช (แพ) สิ้นพระชนม์แล้ว อย่างถูกต้องตามตำราทุกประการ

ต่อมาภายหลังเมื่อว่างในด้านศึกษา ท่านกลับเพิ่มภารกิจในหน้าที่ของพระมหาเถราจารย์ ได้รับนิมนต์ให้ไปประกอบพิธีกรรมต่างๆ เสมอเป็นเนืองนิตย์ รวมทั้งต้องนั่งปรกเข้าพิธีสวดพุทธาภิเษก นั่งปรกไปจนกว่าจะได้ฤกษ์เททอง การประกอบพิธีเช่นนี้แต่ละครั้งทำให้สุขภาพของท่านค่อยๆ เสื่อมทรุดลงทุกที

ท้ายที่สุด เมื่ออาการอาพาธกำเริบ ทรุดหนัก จนสุดที่คณะแพทย์จะเยียวยา คืนวันที่ 16 ม.ค.2495 เวลา 21.20 น. มรณภาพด้วยอาการอันสงบ

ท่ามกลางความเศร้าสลดของบรรดาศิษยานุศิษย์ทั้งปวง
ข่าวสดออนไลน์

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
เยี่ยม ! กรุงเทพฯ คว้าเมืองน่าท่องเที่ยวที่สุดในโลก
สุขใจ ไปเที่ยว
sometime 1 3139 กระทู้ล่าสุด 15 กรกฎาคม 2553 19:23:50
โดย หมีงงในพงหญ้า
นักวิชาการระบุ กรุงเทพฯ มีความเสี่ยงราบคาบจากแผ่นดินไหวเหมือน “เม็กซิโกซิตี”
รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
Compatable 1 3253 กระทู้ล่าสุด 20 เมษายน 2555 22:00:48
โดย Compatable
สวนลุมพินี กรุงเทพฯ : ความเป็นมาของการก่อสร้าง
สุขใจ ไปเที่ยว
Kimleng 0 1160 กระทู้ล่าสุด 24 มกราคม 2562 16:22:20
โดย Kimleng
พระมงคลราชมุนี (สนธิ์ ยติธโร) วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพฯ
ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
ใบบุญ 0 648 กระทู้ล่าสุด 11 ตุลาคม 2562 16:35:31
โดย ใบบุญ
สมเด็จพระสังฆราช (ศุข) วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ
ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
ใบบุญ 0 469 กระทู้ล่าสุด 22 ธันวาคม 2562 19:15:47
โดย ใบบุญ
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.255 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 21 มีนาคม 2567 20:27:40