พระสหายคนแรกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชสมภพ ณ โรงพยาบาลเมาต์ ออเบิร์น เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา โดยแพทย์ผู้ถวายการประสูติคือ ดอกเตอร์ ดับบลิว. สจ๊วต วิตต์มอร์ ( Dr. W. Stewart Whittemore)
เช้าวันนั้น 86 ปีมาแล้ว นายแพทย์สจ๊วต วิทท์มอร์ จดจำเรื่องราวของพระมหากษัตริย์ในวันพระบรมราชสมภพได้ทั้งหมด.. ดังที่บันทึกไว้ในวารสาร บอสตันโกลบ ฉบับปี พ.ศ. 2503.. คุณหมอทบทวนไว้ในวารสารความว่า… “พระองค์ทรงมีพระพลานามามัยดีเยี่ยม” “.. หม่อมแม่ของพระองค์ ทรงเป็นคนไข้ที่ยอดเยี่ยมไม่ทรงบ่นใดๆ..”
ในเวลานั้นนั้นคุณหมอมิอาจทราบได้เลยว่า พระนามภาษาอังกฤษ “baby Songkla” ในบัตรพระประสูติการของโรงพยาบาลเมาต์ ออเบิร์น ใน 19 ปีต่อมาจากนั้น ได้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งประเทศสยาม พระมหากษัตริย์พระองค์เดียวที่มีพระประสูติกาล ณ สหรัฐอเมริกา และได้ทรงครองราชบัลลังก์ต่อเนื่องยาวนานกว่า 67 ปี
วันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2503 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมโรงพยาบาลเมาต์ ออเบิร์น เมืองเคมบริดจ์ มลรัฐแมสซาชูเสตส์ สหรัฐอเมริกา สถานที่ซึ่งเป็นที่ทรงพระราชสมภพ โอกาสนี้ได้พระราชทานของที่ระลึกแก่ “พระสหายคนแรก ” ดอกเตอร์ ดับบลิว. สจ๊วต วิตต์มอร์ นายแพทย์ผู้ถวายการประสูติเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2470 และแก่นางพยาบาลทั้ง 4 คน คือ มิสซิส เลสลี่ เลตัน มิส เจนีเวียฟ เวลด้อน มิสซิสมาร์กาเร็ท เฟย์ และมิสรูธ แฮริงตัน
เหตุการณ์ในวันนั้นมีบันทึกอยู่ในหนังสือเรื่อง "เสด็จพระราชดําเนิน: สหรัฐอเมริกา พุทธศักราช ๒๕๐๓, ปากีสถาน พุทธศักราช ๒๕๐๕, และ สหพันธรัฐมลายา พุทธศักราช ๒๕๐๕" พระนิพนธ์ในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิ มีความว่า
หมอชรา ดอกเตอร์ ดับบลิว.สจ๊วต วิตต์มอร์ ผู้ซึ่งถวายการประสูติ ที่ทรงพบครั้งแรกแล้วที่มหาวิทยาลัยฮาร์เวิดก่อนเสวยพระกระยาหารกลางวัน ได้รับพระราชทานหีบบุหรี่ถมทอง มีพระปรมาภิไธยข้างนอก และตัวหนังสือสลักไว้ข้างในว่า "ให้เพื่อนคนแรกของฉันดอกเตอร์ ดับบลิว.สจ๊วต วิตต์มอร์เพื่อเป็น token of affectionate sentiment" จะแปลให้ถูกใจก็ไม่สำเร็จ เลยลอกภาษาฝรั่งให้ "ยาย" อ่านเอาเอง
ตอนนี้หมอวิตต์มอร์มาคอยรับเสด็จอยู่ที่นี้พร้อมด้วยนางพยาบาล ๔ คน ผู้ช่วยของแกเมื่อครั้งกระโน้น นางพยาบาลทั้ง ๔ มีชื่อว่า มิสเวลด้อน มิสแฮริงตัน มิสซิสเฟย์ และมิสซิสเลตัน ๓ คนแรกยังเป็นนางพยาบาลอยู่ที่เมาวนท์ออเบินนั่นเอง ส่วนมิสซิสเลตันเก๋กว่าคนอื่น ไม่ได้แต่งนางพยาบาลอย่างอีก ๓ คนดอก แกแต่งตัวโก้สวมหมวกขนนกมีเวลคลุมลงมาที่หน้าผากก็ได้ ตลบขึ้นก็ได้ สวมสร้อยคอไข่มุก เดี๋ยวนี้มีตำแหน่งใหญ่โต เป็นถึงผู้อำนวยการของสมาคมศิษย์เก่าของนางพยาบาลเมืองนี้
นางพยาบาลทั้ง ๔ นี้เมื่อ ๓๒ ปีมาแล้วคงจะเป็นนางพยาบาลสาวๆ สำเร็จใหม่ๆ ตัวเล็กแบบบาง บัดนี้กลายเป็นนางพยาบาลแก่ๆ สวมแว่นตาหนา ตัวอ้วนๆ แต่ท่าทางยังตุ้งติ้งทั้ง ๔ คน เมื่อพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานตลับแป้งถมทอง มีพระปรมาภิไธยที่ฝาตลับแก่ทุกคน และตรัสคล้ายๆ ว่า "ต้องใช้บ้างนะ" คนหนึ่งก็เปิดฝาตลับแป้งขึ้นส่องกระจกในนั้น พลางทำตาหวานร้องว่า "จะใช้ตลอดชีวิต และจะนึกถึงท่านตลอดเวลา" อีกคนหนึ่งร้องว่า "You were such a nice baby!" พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงแย้มพระสรวญ มีพระราชดำรัสตอบว่า "I hope I have grow into something nice too" ตอนนี้ทั้ง ๔ คนก็รุมตุ้มเข้ามาใกล้พระองค์ ร้องว่า "Of course, of course." ดังลั่น เมื่อทั้ง ๒ พระองค์เสด็จเลยไปทรงทักทายกับคนอื่นแล้ว แม่แก่ทั้ง ๔ คนก็ยังคุยต่อไม่จบ เสียงแหลมเจี๊ยวทีเดียว หญิงอดไม่ได้ ก็เข้าไปยืนฟังใกล้ๆ ต่างคนร้องว่า "ท่านช่างดีเหลือเกิน" "น่ารักเหลือเกิน" What a nice boy! "ฉันจะไม่มีวันลืมวันนี้เลย"
มิสซิสเลตันนึกถึงความหลัง ก็ทำตาลอย บอกกับคนที่มาหยุดฟังแกว่า "ท่านเป็นทารกที่น่าเอ็นดูที่สุด พ่อแม่ของท่านทำตนเป็นคนธรรมดาๆ ไม่ชอบเป่าแตร ตีกลอง"
ก่อนจะเสด็จพระราชดำเนินออกจากบอสตัน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้นักหนังสือพิมพ์อเมริกันเข้าเฝ้าและพระราชทานสัมภาษณ์เป็นเวลานานอย่างไม่ถือพระองค์
ในช่วงหนึ่งของการพระราชทานสัมภาษณ์ นักหนังสือพิมพ์ได้กราบทูลถามความรู้สึกส่วนพระองค์ว่า “นี่เป็นการเสด็จฯ เยือนอเมริกาเป็นครั้งแรก….ทรงรู้สึกอย่างไรบ้าง?” มีพระราชดำรัสตอบว่า “ก็ตื่นเต้นที่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดเพราะข้าพเจ้าเกิดที่นี่ …..ที่เมืองบอสตัน”
พระสหายคนแรกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ภาพประกอบ
ภาพบน : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับดอกเตอร์ ดับบลิว.สจ๊วต วิตต์มอร์ ผู้ซึ่งถวายการประสูติ
ภาพล่าง : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานของที่ระลึกแก่นางพยาบาลผู้ถวายพระประสูติกาลทั้ง 4 คน
โดย ชมรมประวัติศาสตร์สยาม