[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 13:40:46 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ทุมเมธชาดก • ขุททกนิกาย ภาค ๑ เอกนิบาต กุสนาฬิวรรค  (อ่าน 938 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5392


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 17 ตุลาคม 2563 20:59:58 »



ขุททกนิกายภาค ๑
เอกนิบาต
กุสนาฬิวรรค

ทุมเมธชาดก
คนโง่ได้ยศไม่เป็นประโยชน์

      พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน ทรงปรารภพระเทวทัต ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้ :
      ความโดยย่อว่า ภิกษุทั้งหลายพากันกล่าวโทษของพระเทวทัตในธรรมสภาว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย พระเทวทัต แม้เมื่อมองดูพระพักตร์อันทรงสิริ เหมือนดวงจันทร์เต็มดวง และพระอัตภาพอันประดับด้วยอนุพยัญชนะ ๘๐ และมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ แวดวงด้วยพระรัศมีแผ่ซ่านประมาณ ๑ วา ถึงความงามเลิศเป็นยอดเยี่ยม เปล่งพระพุทธรัศมี เป็นแฉกคู่ๆ กัน โดยอาการต่าง ๆ สลับกันของพระตถาคตแล้ว ยังไม่อาจยังจิตให้เลื่อมใสได้ มิหนำซ้ำยังกระทำความริษยาเอาด้วยไม่อาจจะอดใจได้ เมื่อมีผู้กล่าวว่า ธรรมดาพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ทรงประกอบ แล้วด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติญาณทัสสนะ เห็นปานนี้ แล้วกระทำความริษยาถ่ายเดียว พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่เทวทัตกระทำการริษยาเรา ในเมื่อมีผู้กล่าวถึงคุณของเรา แม้ในปางก่อนก็ได้เคยกระทำแล้วเหมือนกัน" แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :
      ในอดีตกาล ครั้งเมื่อพระเจ้ามคธองค์หนึ่ง ครองราชสมบัติในกรุงราชคฤห์ พระโพธิสัตว์บังเกิดในกำเนิดช้าง ได้เป็นช้างเผือก ถึงพร้อมด้วยรูปสมบัติ เช่นเดียวกับที่พรรณนามาแล้วในหนหลัง พระราชาพระองค์นั้นทรงพระดำริว่า ช้างนี้สมบูรณ์ด้วยลักษณะ จึงได้ทรงแต่งตั้งให้เป็นมงคลหัตถี ครั้นถึงวันมหรสพวันหนึ่ง โปรดให้ประดับตกแต่งพระนครทั้งสิ้นให้งดงามดังเทพนคร แล้วเสด็จขึ้นสู่มงคลหัตถีอันประดับด้วยเครื่องอลังการพร้อมสรรพ ทรงกระทำประทักษิณพระนครด้วยราชานุภาพอันใหญ่หลวง มหาชนยืนดูในที่นั้นๆ เห็นสรีระอันถึง ความงามเลิศด้วยสมบัติของมงคลหัตถี ก็พากันพรรณนาถึงมงคลหัตถีเท่านั้น ว่ารูปงาม การเดินสง่า ท่าทางองอาจ สมบูรณ์ ด้วยลักษณะอย่างแท้จริง พญาช้างเผือกเห็นปานนี้ สมควรเป็นคู่บุญบารมีของพระเจ้าจักรพรรดิ์
      พระราชาทรงสดับเสียงสรรเสริญมงคลหัตถี ไม่ทรงสามารถจะอดพระทัยได้ ทรงเกิดความริษยา ดำริว่า "วันนี้แหละจะให้มันตกเขาถึงความสิ้นชีวิตให้จงได้" แล้วรับสั่งให้หานายหัตถาจารย์มา รับสั่งถามว่า "ช้างนี้ต้องทำอย่างไรบ้าง เจ้าให้ศึกษาแล้วหรือ"
      นายหัตถาจารย์กราบทูลว่า "ข้าแต่สมมติเทพ ข้าพระองค์ให้ศึกษาดีแล้วพระเจ้าข้า"
      รับสั่งท้วงว่า "ยังฝึกไม่ดีนะ"
      กราบทูลยืนยันว่า "ฝึกดีแล้ว พระเจ้าข้า"
      รับสั่งว่า "ถ้าฝึกดีแล้ว เจ้าจักอาจให้มันขึ้นสู่ยอดเขาเวปุลละ ได้หรือ"
      กราบทูลว่า "พระเจ้าข้า ข้าแต่สมมติเทพ"
      รับสั่งว่า "ถ้าเช่นนั้นมาเถิด" พระองค์เองเสด็จลงให้นายหัตถาจารย์ ขึ้นนั่งไสไปถึงเชิงเขา เมื่อนายหัตถาจารย์นั่งเหนือหลังช้าง ไสถึงยอดเขาเวปุลละแล้ว แม้พระองค์เองแวดล้อมด้วยหมู่อำมาตย์ ก็เสด็จขึ้นสู่ยอดเขา แล้วทรงบังคับนายหัตถาจารย์ ให้ไสช้างบ่ายหน้าไปทางเหว รับสั่งว่า "เจ้าบอกว่าช้างเชือกนี้ฝึกดีแล้ว จงให้มันยืน ๓ ขา เท่านั้น"
      นายหัตถาจารย์นั่งบนหลัง ได้ให้สัญญาแก่ช้างด้วยส้นเท้า ให้ช้างรู้ว่า "พ่อเอ๋ย จงยืน ๓ ขาเถิด" พระราชารับสั่งว่า "ให้มันยืนด้วยเท้าหน้าทั้งสองเท่านั้นเถิด" ช้างผู้มหาสัตว์ ก็ยกเท้าหลังทั้งสองขึ้น ยืนด้วยสองเท้าหน้า แม้เมื่อพระราชาตรัสว่า "ให้มันยืนด้วยสองเท้าหลังเท่านั้น" ก็ยกเท้าทั้งสองข้างหน้าขึ้น ยืนด้วยสองเท้าหลัง แม้เมื่อตรัสสั่งว่า "ให้ยืนขาเดียว" ก็ยกเท้าทั้งสามขึ้นเสีย ยืนด้วยเท้าข้างเดียว เท่านั้น พระราชาครั้นทรงทราบความที่พญาช้างนั้นไม่ตก ก็ตรัสสั่งว่า "ถ้าสามารถจริง ก็จงให้ยืนในอากาศเถิด"
      นายหัตถาจารย์คิดว่า ทั่วชมพูทวีป ช้างที่ได้ชื่อว่าฝึกดีแล้ว เช่นกับพญาช้างนี้ไม่มีเลย พระราชาพระองค์นี้ คงมีพระประสงค์ให้ช้างนั้นตกเขาตายเป็นแน่ไม่ต้องสงสัย คิดแล้วก็กระซิบที่ใกล้หูช้างว่า "พ่อเอ๋ย พระราชานี้ประสงค์จะให้เจ้าตกเขาตายเสีย เจ้าไม่คู่ควรแก่ท้าวเธอ ถ้าเจ้ามีกำลังพอจะไปทางอากาศได้ ก็จงพาเราผู้นั่งบนหลัง เหาะขึ้นสู่เวหาไปสู่พระนครพาราณสีเถิด"
      พระมหาสัตว์ถึงพร้อมด้วยบุญฤทธิ์ ได้ยืนอยู่ในอากาศ ในขณะนั้นเอง นายหัตถาจารย์กราบทูลว่า "ข้าแต่มหาราช ช้างนี้ถึงพร้อมด้วยบุญฤทธิ์ ไม่คู่ควรแก่คนมีบุญน้อย ปัญญาทรามเช่นพระองค์ คู่ควรแก่พระราชาผู้เป็นบัณฑิต ถึงพร้อมด้วยบุญ ขึ้นชื่อว่า คนบุญน้อยเช่นพระองค์ ถึงได้พาหนะเช่นนี้ ก็มิได้รู้คุณของมัน รังแต่จะยังพาหนะนั้น และยศสมบัติที่เหลือ ให้ฉิบหายไปฝ่ายเดียว"
      นายหัตถาจารย์แสดงธรรมแก่พระราชา ด้วยประการฉะนี้ แล้วกราบทูลว่า "คราวนี้เชิญเสด็จประทับอยู่เถิด" แล้วเหาะขึ้นในอากาศตรงไปพระนครพาราณสีทีเดียว หยุดอยู่ในอากาศที่ท้องพระลานหลวง ทั่วทั้งพระนคร อื้อฉาวเอิกเกริกเป็นเสียงเดียวกันว่า ช้างเผือกของพระราชาของเราเหาะมาทางอากาศ หยุดยืนอยู่ที่ท้องพระลานหลวง ราชบุรุษทั้งหลายรีบกราบทูลพระราชา พระราชาเสด็จมาตรัสว่า "ถ้าเจ้ามาเพื่อเป็นอุปโภคแก่เรา เชิญเจ้าลงยืนที่พื้นดินเถิด" พระโพธิสัตว์ก็ลงยืนที่แผ่นดิน อาจารย์ก็ก้าวลงถวายบังคมพระราชา ได้รับพระดำรัสว่า "พ่อคุณ พ่อมาจากไหน"
      กราบทูลว่า "มาจากเมืองราชคฤห์พระเจ้าข้า" แล้วกราบทูลเรื่องทั้งปวงให้ทรงทราบ พระราชตรัสว่า "พ่อคุณ การที่พ่อมาที่นี่ กระทำสิ่งที่น่าชื่นชมจริง ๆ" ทรงหรรษาและดีพระทัย ตรัสให้ตระเตรียมพระนคร ทรงตั้งพญาช้างในตำแหน่งมงคลหัตถี ทรงแบ่งราชสมบัติทั้งสิ้นออกเป็น ๓ ส่วน ส่วนหนึ่งพระราชทานแก่พระโพธิสัตว์ ส่วนหนึ่งแก่อาจารย์ ส่วนหนึ่งพระองค์ทรงครอบครอง
      นับแต่พระโพธิสัตว์มาแล้วนั่นแล ราชสมบัติในชมพูทวีปทั้งสิ้น ก็ตกอยู่ในเงื้อมพระหัตถ์ของพระราชา พระองค์เป็นพระราชาผู้ยิ่งใหญ่ในชมพูทวีป ทรงบำเพ็ญบุญมีทานเป็นต้น แล้วเสด็จไปตามยถากรรม
      พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า
      พระราชามคธในครั้งนั้น ได้มาเป็นเทวทัต
      พระเจ้ากรุงพาราณสีได้มาเป็นพระสารีบุตร
      นายหัตถาจารย์ได้มาเป็น อานนท์
      ส่วนช้างได้มาเป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.


จบ ทุมเมธชาดก


ขอของคุณที่มาชาดก/ภาพประกอบ : เว็บไซต์ watprongjorrakhe.org & innnews.co.th

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17 ตุลาคม 2563 21:03:39 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
อาบัติเล็กน้อยไม่แสดงเสียก่อนให้โทษ พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย
กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
Compatable 0 2038 กระทู้ล่าสุด 02 ธันวาคม 2554 00:30:03
โดย Compatable
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.454 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 13 มีนาคม 2567 00:18:00