[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
16 เมษายน 2567 14:28:14 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ทำบุญอย่างไรจึงจะสวยแบบนางวิสาขา  (อ่าน 567 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5433


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 24 มีนาคม 2564 19:54:37 »



ทำบุญอย่างไรจึงจะสวยแบบนางวิสาขา


นางวิสาขามหาอุบาสิกา ขอนำมาเล่าแก่ท่านพุทธบริษัทถึงความสวยงามของสตรีสมัยพุทธกาลและอดีตแห่งการทำบุญอันเป็นเหตุนำมาซึ่งความสวยความงาม สำหรับนางวิสาขา เธอมีความงามเป็นพิเศษ เพราะบรรดาสุภาพบุรุษก็ดี สุภาพสตรีก็ดี ต้องการความสวยสดงดงามด้วยกันเป็นส่วนมาก คนที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ก็ต้องการความสวย ต้องการความเรียบร้อยของร่างกาย บุคลิกลักษณะของร่างกาย ต้องการให้เป็นที่ถูกตาถูกใจของบุคคลที่พบเห็น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับสุภาพสตรี ถือว่ามีรูปเป็นทรัพย์ คือเราจะเห็นได้ว่าสตรีคนใดมีความงาม ถึงแม้ว่าจะมีฐานะเดิมยากจนเข็ญใจ ก็อาจจะหาคู่ครองที่มีฐานะดีๆ มีศักดิ์ศรีใหญ่ได้ ฉะนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสว่าสตรีมีรูปเป็นทรัพย์ ฉะนั้น ตอนนี้จะได้คุยถึงเรื่องสตรีมีรูปเป็นทรัพย์และมีทรัพย์สินมากด้วย ส่วนบุรุษมีความรู้ความสามารถเป็นทรัพย์แม้ไม่หล่อ แต่ถ้ามีความรู้มีความสามารถก็ยิ่งกว่าหล่อเลือกได้เสียอีก

*นางวิสาขามีความสวยเป็นกรณีพิเศษ คือ สวยไม่เหมือนชาวบ้านเขา สวยได้สวยดี สวยไม่สร่าง สวยตั้งแต่เป็นสาวอายุ ๑๖ ปี เมื่อถึงคราวอายุ ๑๖ ปี รูปร่างยอดนารี มีลักษณะเช่นใด และยังสวยอยู่ต่อไปถึง ๑๒๐ ปี ก็ยังเป็นสาวเหมือนตอนอายุแค่ ๑๖ ปี นั่นเอง ลักษณะความสาวสวยของนางวิสาขา กล่าวว่ามี ๕ อย่างด้วยกัน บาลีเรียกว่า เบญจกัลยาณี

เบญจะ คือห้า กัลยาณีคือความงาม

สำหรับลักษณะงาม ๕ ประการ ท่านเจ้าคุณราชเมธี วัดประยุรวงศาวาส กรุงเทพฯ ประพันธ์ไว้เป็นกลอนไว้ดังนี้


งามผมสมพักตร์ลักขณา โอษฐาจิ้มลิ้มดูพริ้มเพรา
งามทนต์ยลปลั่งดั่งสังข์ขัด ผิวทัศน์กรรณิการ์งามราศรี
จะคลอดบุตรสักเท่าไรวัยยังดี        หญิงเช่นนี้ใครได้มางามหน้าเอย

นางวิสาขามีความสวย ๕ ประการ ถ้าหากว่า บรรดาสุภาพสตรีในสมัยปัจจุบัน มีความสวยครบ ๕ ประการอย่างนางวิสาขา คงจะหายากแล้ว เพราะงามแบบนางวิสาขาเป็นความงามชนิดพิเศษที่เกิดขึ้นด้วยบุญจริงๆ เป็นความงามที่ตัดภาระที่ต้องรักสวยรักงามไม่ต้องกังวลเลยเพราะความงามของนางวิสาขา ตามคำกลอนของ ท่านเจ้าคุณราชเมธี วัดประยุรวงศ์ฯ ท่านแต่งมาจากเนื้อแท้ของบาลีก็จะได้ความดังนี้ว่า

๑. งามผมสมพักตร์ลักขณา ผมของนางวิสาขานี้สลวยอยู่ตลอดเวลา เรียบ ไม่ต้องตัด ไม่ต้องชำระสะสางก็ไม่เหม็นสาบ ผมจะไม่ยาวเกินไป ไม่สั้นเกินไป ไม่เหม็นสาบ ไม่เหม็นสาง ถ้าสมัยไหนเขาต้องการเรียบ ผมของนางก็เรียบ ต้องการหยิก ผมก็หยิก ต้องการเป็นผมลอน ผมก็เป็นลอน หมายถึงว่า ในสมัยใดต้องการแบบใด ลักษณะผมของนางวิสาขาจะเป็นไปตามสมัย ไม่ต้องดัดแปลง ไม่ต้องแก้ไข ไม่ต้องตกแต่ง ไม่ต้องตัด ไม่ยาวเกินไป ไม่สั้นเกินไป เป็นอันว่า งามผม แบบนี้ก็ไม่ต้องง้อร้านทำผม ร้านเสริมความงามคงไม่รุ่ง

๒. โอษฐาจิ้มลิ้มดูพริ้มเพรา ริมฝีปากของนางวิสาขาไม่มีริ้ว ไม่มีรอย เป็นริมฝีปากสวย มีความแดงระเรื่อพอสมควร ไม่ต้องไปแตะไปต้องอะไรทั้งหมด ปรากฏว่า สวยอยู่ตลอดเวลา แบบนี้ประหยัดลิปสติกเครื่องสำอางทั้งหลาย

๓. งามทนต์ยลปลั่งดั่งสังข์ขัด ฟันของนางวิสาขาเรียบและเป็นเงางาม คล้ายมุก ไม่ต้องตกแต่งเหมือนกันอยู่ตลอดเวลา แบบนี้ก็ไม่ต้องเข้าคลินิกทันตกรรม

๔. ผิวทัศน์กรรณิการ์งามราศรี คำว่า ผิว ในที่นี้ ถ้าเขานิยมดำก็ดำสวย ถ้าเขานิยมขาว ผิวก็ขาว เขานิยมเหลือง ผิวก็เหลือง เป็นไปตามความนิยม ไม่มีไฝ ไม่มีฝ้า ไม่มีขี้แมลงวัน ถึงแม้ว่าจะไม่อาบน้ำสักเดือนหนึ่ง ผิวของนางวิสาขาก็ไม่เลอะ ไม่สกปรก ไม่เหม็นสาบ ไม่เหม็นสาง แบบนี้ร้านเสริมสวยคงเจ้งแน่นอน
๕. จะคลอดบุตรสักเท่าไรวัยยังดี หมายความว่า หญิงประเภทนี้ ถ้าคลอดบุตรเมื่ออายุเท่าไร มีความงามของทรวดทรงอยู่ในระดังไหน ความงามของทรวดทรงจะอยู่ในระดับนั้น จนกว่าจะถึงวันตายไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นางวิสาขามีความงาม ๕ ประการ และคลอดบุตรเมื่ออายุ ๑๖ ปี เมื่อนางแก่ถึงอายุ ๑๒๐ ปี ก็ปรากฏว่า เป็นหญิงเหมือนอายุ ๑๖ ปี นั่นเอง แบบนี้เขาเรียกว่าสวยจริง ไม่ต้องไปดึงหน้า หรือทำหน้าเด้งอย่างเช่นปัจจุบันนี้เลย

มีตัวอย่างจะเล่าให้ฟังดังนี้ สมัยหนึ่ง เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังดำรงพระชนม์อยู่ สมัยนั้น องค์สมเด็จพระบรมครูกำลังแสดงพระธรรมเทศนาโปรดพุทธบริษัท นางวิสาขาเป็นพระโสดาบันตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ แต่งงานเมื่อตอนอายุ ๑๖ ปี

หลังจากนั้น นางวิสาขาก็มีบุตร ๒๐ คน วิสาขา แปลว่า งอกงามเหมือนกับกิ่งก้านของไม้ที่มีสาขา คือ กิ่งยาวสล้าง เป็นพุ่มสวย ไม่ใช่ไม้ชะลูด ฉะนั้น คำว่า วิสาขา แปลว่า กิ่งงามมาก แค่กิ่งนั้นล่อเข้าไปตั้ง ๒๐ กิ่ง คือ ลูก และนางวิสาขาก็ยังมีหลานอีก โดยลูกทั้งหมด ปรากฏว่ามีบุตรมาคนละ ๒๐ คน รวมๆ กันแล้วทั้งตระกูลของนางมีลูกหลานนับได้กว่าแปดพันคน

จะเห็นว่านางวิสาขานี้สมชื่อของนาง มีกิ่งก้านสาขางอกงาม ทั้งลูก ทั้งหลาน หลายร้อยคน ถ้าจะเดินขบวนกัน ก็เห็นจะไม่ต้องเกณฑ์ชาวบ้านชาวเมืองที่ไหน เป็นอันว่า ในสมัยนั้น เมื่อองค์สมเด็จพระพุทเจ้ากำลังเทศน์อยู่ นางวิสาขานั่งอยู่ระหว่างท่ามกลางหลานๆ ซึ่งมีความเป็นเด็กรุ่นสาว พระเจ้าปเสนทิโกศล ราชาแห่งแคว้นโกศล ท้าวเธอได้ยินข่าวเขาเล่าลือกันว่า นางวิสาขามีลูก ๒๐ คน และลูกมีลูกอีกคนละ ๒๐ คน แต่ว่านางวิสาขายังสาวเท่าหลาน จึงต้องการอยากทราบ จึงย่องไปมองดู เห็นองค์สมเด็จพระบรมครูกำลังแสดงพระธรรมเทศนา บรรดาสาวๆ ทั้งหลาย นับเป็นจำนวนร้อยนั่งอยู่หน้าองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยพุทธบริษัท

แต่ความจริง นางวิสาขานั่งอยู่ท่ามกลางบรรดาหลานสาวๆ รุ่นๆ พระเจ้าปเสนทิโกศล พระราชาแห่งแคว้นโกศลรัฐ ทรงทอดพระเนตรดูก็ไม่รู้ว่าคนไหนคือนางวิสาขา จึงถามท่านหมอชีวกโกมารภัจว่านางวิสาขาคนไหนท่านหมอชีวกโกมารภัจก็ชี้ให้ดู บอกว่านางวิสาขาอยู่ท่ามกลางหลานพระพุทธเจ้าข้า พระเจ้าปเสนทิโกศล พระบาทท้าวเธอทอดพระเนตร ก็หาทราบไม่ว่าใครคือนางวิสาขาแน่ เพราะหาคนแก่ไม่ได้ มีแต่เด็กสาวรุ่นๆ

หมอชีวกโกมารภัจ จึงได้กราบทูลว่า ถ้าพระองค์ไม่ทรงทราบ คอยดูเวลาลุกขึ้นเมื่อเทศน์จบ ตามธรรมดาเด็กหนุ่มๆ สาวๆ ก็มีกำลังมาก เวลาจะลุก เขาก็ลุกขึ้นมาปกติ ถ้าคนแก่ เวลาจะลุกขึ้นจะต้องเอาสองมือยันพื้นก่อนจึงจะลุกขึ้น

ฉะนั้น เวลาที่พระพุทธเจ้าทรงเทศน์จบ เขาก็ลุกกันตามปกติ หลานๆ ลุกไม่ต้องใช้มือยัน สำหรับนางวิสาขานั้น ใช้มือทั้งสองข้างยันพื้น จึงลุกขึ้นได้ เป็นอันว่า พระเจ้าปเสนทิโกศลทราบแล้วว่าใครคือนางวิสาขา ดูรูปร่างหน้าตาเป็นสาวรุ่นๆ อายุราว ๑๖ ปี เท่านั้นเอง

ต้นเหตุที่นางวิสาขาที่ทำไมจึงสวยเช่นนี้ ท่านกล่าวถึงอดีตบุพพกรรมของนางไว้ว่า ถอยหลังไปจากชาตินี้ ในสมัยพระพุทธกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงอุบัติขึ้นในโลก เวลานั้น นางวิสาขาเป็นสาวชาวบ้านธรรมดา

ในสมัยนั้นนางวิสาขาก็มีความเลื่อมใสในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่าพระพุทธกัสสปะ คือพระพุทธเจ้าองค์ก่อนพระพุทธเจ้าของเรานี้ นางมีความเคารพในพระพุทธเจ้าจริงๆ เวลาที่เขาจะมีเทศน์เขาจะทำบุญกันที่ไหน นางวิสาขาไปด้วยความเต็มใจไปฟังด้วยความเคารพและบำเพ็ญกุศลด้วยความเคารพ แต่ว่านางวิสาขาเวลาที่บำเพ็ญกุศลในจรรยาสัมมาปฏิบัติแล้วไม่เคยอธิษฐาน หลังจากทำบุญในศาสนาขององค์สมเด็จพระกัสสปพระพุทธเจ้าว่า ขอให้ได้เบญจกัลยาณี คือ มีความงาม ๕ ประการ ความจริง นางวิสาขาไม่ได้อธิษฐานอย่างนี้ มีความต้องการอย่างเดียวคือ การบำเพ็ญกุศลในศาสนาขององค์สมเด็จพระกัสสปะพุทธเจ้า นางมีความต้องการเฉพาะ คือ พระนิพพานคือความหลุดพ้นเท่านั้น

การทำบุญ บรรดาท่านพุทธบริษัท เราได้รับผลกันในปัจจุบัน คือ รับความสุขในชาติปัจจุบันนี้ก่อน แล้วต่อไปบุญจึงสะท้อนให้เราเข้าสู่พระนิพพาน เมื่อบุญบารมีเต็มได้ในชาติต่อไป

ครั้งหนึ่งเมื่อนางวิสาขาไปฟังเทศน์ เขาบอกกล่าวกัน บอกว่ามีพระท่านเทศน์ จึงตั้งใจจะไปฟังเทศน์ แต่ในระหว่างทางปรากฏว่านางวิสาขาไปพบพระพุทธรูปองค์หนึ่ง เขาสร้างไว้ในสถานที่โล่งแจ้งคือ ตากแดด และพระพุทธรูปนั้นมีรอยร้าว เปลือกกระเทาะ ทองก็ล่อนไปหมด ปูนก็กระเทาะจนแหว่ง แลดูไม่สวยสดงดงาม ไม่เจริญตา นางวิสาขาจึงเข้าไปกราบนมัสการพระพุทธรูป ตั้งใจเจริญใจเป็นพุทธบูชา กล่าวปฏิญาณว่า

เมื่อข้าพเจ้ากลับมาจากฟังพระธรรมเทศนาแล้ว จะให้ช่างมาทำนุบำรุงพระพุทธปฏิมากร รูปแทนขององค์สมเด็จพระประทีปแก้ว ให้มีความสวยสดงดงาม เมื่อนางไหว้พระพุทธรูป นึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าแล้ว นางก็ไปฟังเทศน์ เมื่อเทศน์จบ คนเขากลับ นางวิสาขาก็กลับ เมื่อกลับมาผ่านพระพุทธรูปนั้น ก็เข้าไปกราบอีก กล่าวคำปฏิญาณตามนั้น

หลังจากนั้นแล้ว นางวิสาขาเมื่อมาถึงบ้าน จึงได้สั่งให้นายช่างไปจัดการทำนุบำรุงรูปพระปฏิมากร คือ พระพุทธรูป ซ่อมแซมให้เรียบร้อย ให้ดีคงเดิม พอเสร็จแล้วก็ทาสี หรือว่าปิดทอง เสร็จตามความนิยมในสมัยนั้น ตามพระบาลีไม่ได้บอกว่า เขาทาสีหรือปิดทอง ทำตามความนิยมที่เห็นว่าสวยสดงดงาม เป็นที่เจริญตาเจริญใจ หลังจากนั้น นางวิสาขาจึงได้ให้นายช่างปลูกโรง ทำหลังคาคลุมพระพุทธรูป ไม่ยอมให้ตากแดดตากฝนเหมือนเดิม

นี่เองที่เป็นเหตุปัจจัยให้นางวิสาขาได้ เบญจกัลยาณี คือ มีความงาม ๕ ประการ ทั้งนี้ก็เพราะว่า องค์สมเด็จพระบรมศาสดาทรงรับรองเรื่องนี้ว่า การที่นางวิสาขาได้เบญจกัลยาณี คือ มีความดี ๕ ประการของรูปโฉม ก็เพราะว่านางวิสาขาทำนุบำรุงซ่อมแซมพระพุทธรูปที่เก่าคร่ำคร่า มีสภาพไม่ดี ให้กลับมีสภาพสวยสดงดงาม เพราะอานิสงส์ทำความงามให้แก่พระพุทธรูป อานิสงส์นี้จึงสร้างสรรค์ให้นางวิสาขาได้เบญจกัลยาณี.


ขอขอบคุณ Fb.พระพุทธศาสนา (ที่มาเรื่อง-ภาพ)

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.371 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 07 เมษายน 2567 06:26:23