วิธีต้มข้าวโพดดอย หรือข้าวสาลี แห่งเมืองสามหมอก จ.แม่ฮ่องสอน

ชาวไทยภูเขาต้มข้าวโพด โดยลอกเปลือกข้าวโพดออกเป็นบางส่วน ซึ่งเป็นกรรมวิธีทั่วไปของคนสมัยก่อน
และในความโบราณนี้เป็นเทคนิคสำคัญที่ทำให้ได้ข้าวโพดที่มีกลิ่นหอม เนื้อนุ่ม เหนียว

แม่เฒ่าชาวไทยภูเขา ต.ป่าโปง อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ต้มข้าวโพดด้วยเตาฟืน
โดยนำแผ่นพลาสติกคลุุมบนปากหม้อ แล้วใช้ฝาหม้อปิดทับ ไม่ให้ไอน้ำระเหยออกไปข้างนอก

การดำรงชีวิตที่เรียบง่าย ในภูมิประเทศที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขาสูงตระหง่านและอากาศหนาวเย็นของชาวไทยภูเขาในจังหวัดแม่ฮ่องสอน
"ไม้" ซึ่งมีอยู่อย่างสมบูรณ์ จึงเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการหุงต้ม หรือก่อกองไฟผิงคลายความหนาว

ผู้โพสท์ 555

ป่าไม้สมบบูรณ์ของอำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

ข้าวโพดดอย หรือข้าวสาลี เมืองสามหมอก
ภาพ : ตำบลป่าโป่ง อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน - ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๔

ข้าวโพดดอย หรือเรียกว่า ข้าวสาลี เป็นข้าวโพดข้าวเหนียวพันธุ์พื้นเมือง มีสองสีในหนึ่งฝัก คือ สีขาวกับสีม่วงสีนิล (สีม่วง) ลักษณะ ฝักเล็ก เนื้อนุ่มเหนียว รสชาติหวาน หอม ที่เกษตรกรชาวไทยภูเขา เมืองสามหมอก ปลูกเป็นอาชีพมาเป็นเวลายาวนาน

ข้าวโพดกับข้าวสาลี เป็น “ข้าวโพด” ชนิดเดียวกัน คนภาคกลางเรียกว่า “ข้าวโพด” แต่คนภาคเหนือหรือชาวไทยภูเขา เรียกว่า “ข้าวสาลี”

ข้าวโพดเป็นธัญพืชที่ปลูกกันมานานแล้ว แต่ไม่มีการบันทึกไว้ว่า ปลูกกันตั้งแต่เมื่อไร ข้าวโพดพันธุ์เก่าแก่ที่คนไทยปลูกกันมาเก่าก่อนเรียกว่า “ข้าวโพดข้าวเหนียว” หรือ “ข้าวโพดเทียน” มีลักษณะสีขาวขุ่น บางทีเป็นสีม่วงคล้ำ ภายหลังมีผู้นำพันธุ์ “ข้าวโพดหวาน” (Sweet Corn) เข้ามาปลูกในเมืองไทย และได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากให้รสชาติหวาน อร่อย จนกระทั่งปัจจุบันจะหา “ข้าวโพดเทียน” กินได้ยาก

ข้าวโพดข้าวเหนียว มีคุณค่าทางโภชนาการ ประกอบด้วย คลอโรฟิลล์ ออกซิเจน ช่วยฟอกเลือด สร้างเม็ดเลือด ช่วยระบบหมุนเวียนโลหิต มีแอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้อัตราการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกายลดลง หรือช่วยชะลอความแก่ชรา นอกจากนั้นยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระช่วยในการยับยั้งเซลล์มะเร็งต่างๆ ช่วยให้ร่างกายต่อต้านเชื้อโรค ช่วยสมานแผล และเสริมสร้างการทำงานของสมอง