[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
20 เมษายน 2567 11:44:04 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า:  [1] 2   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: วันวิสาขบูชา  (อ่าน 22115 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 16 พฤษภาคม 2553 14:47:07 »






วันวิสาขบูชา


วันวิสาขบูชา ตรงกับวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ หรือราวเดือนพฤษภาคม แต่หากตรงกับปีอธิกมาส
คือ มีเดือน ๘ สองหน
วันวิสาขบูชาจะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ กลางเดือน ๗ หรือราวเดือนมิถุนายน

วิสาขบูชา ย่อมาจากคำว่า "วิสาขปุรณมีบูชา" แปลว่า การบูชาพระในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ (คือเดือน ๖)
ซึ่งปีนี้ตรงกับ วันอังคารที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๔
มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น ๓ ประการ ในวันวิสาขบูชา ดังนี้












Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 เมษายน 2554 10:45:00 โดย เงาฝัน, เหตุผลที่แก้ไข: เปลี่ยนวันที่ค่ะ » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 16 พฤษภาคม 2553 14:57:07 »





ประสูติ

๑. เป็นวันประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ ณ ลุมพินีสถาน เมื่อวันเพ็ญเดือน ๖ ตรงกับวันศุกร์
ขึ้น ๑๕ ค่ำ ปีจอ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี   

เมื่อพระนางสิริมหามายา พระมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะ แห่งกรุงกบิลพัสดุ์ ทรงพระครรภ์แก่จวนจะประสูติ
พระนางได้รับพระบรมราชานุญาต จากพระสวามี

ให้แปรพระราชฐานไปประทับ ณ กรุงเทวทหะ ซึ่งเป็นพระนครเดิมของพระนาง เพื่อประสูติในตระกูล
ของพระนางตามประเพณีนิยมในสมัยนั้น

ขณะเสด็จแวะพักผ่อนพระอิริยาบถใต้ต้นสาละ  ณ สวนลุมพินีวัน พระนางก็ได้ประสูติพระโอรส
 ณ ใต้ต้นสาละนั้น ครั้นพระกุมารประสูติได้ ๕ วัน

ก็ได้รับการถวายพระนามว่า  "สิทธัตถะ"  ซึ่งต่อมาพระองค์ได้ออกบวช จนบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
(ญาณอันประเสริฐสูงสุด)
สำเร็จเป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า จึงถือว่าวันนี้เป็นวันประสูติของพระพุทธเจ้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 เมษายน 2554 10:01:07 โดย เงาฝัน » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 16 พฤษภาคม 2553 15:21:39 »




ตรัสรู้

๒. เป็นวันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ อนุตตรสัมโพธิญาณ ณ ร่มพระศรีมหาโพธิบัลลังก์
 ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา
ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม เมื่อวันเพ็ญเดือน ๖ ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี

การตรัสอริยสัจสี่ คือของจริงอันประเสริฐ ๔ ประการ ของพระพุทธเจ้า
เป็นการตรัสรู้ อันยอดเยี่ยม ไม่มีผู้เสมอเหมือน  
วันตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า จึงจัดเป็นวันสำคัญ เพราะเป็นวันที่ให้เกิดมี
พระพุทธเจ้าขึ้นในโลก ชาวพุทธทั่วไป จึงเรียกวันวิสาขบูชาว่า วันพระพุทธ(เจ้า)
อันมีประวัติว่า พระมหาบุรุษทรงบำเพ็ญเพียรต่อไป ที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์นั้น
ทรงเริ่มบำเพ็ญสมาธิให้เกิดในพระทัย เรียกว่าการเข้า "ฌาน" เพื่อให้บรรลุ "ญาณ"
จนเวลาผ่านไปจนถึง ...



ยามต้น : ทรงบรรลุ "ปุพเพนิวาสานุติญาณ" คือทรงระลึกชาติในอดีตทั้งของตนเองและผู้อื่น

ยามสอง : ทรงบรรลุ "จุตูปปาตญาณ" คือการรู้แจ้งการเกิดและดับของสรรพสัตว์ทั้งหลาย

ยามสาม : ทรงบรรลุ "อาสวักขญาณ" คือรู้วิธีกำจัดกิเลสด้วย อริยสัจสี่
( ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ) ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ในคืนวันเพ็ญเดือน ๖  ซึ่งขณะนั้น พระพุทธองค์มีพระชนมายุได้ ๓๕ พรรษา

ธรรมะที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ อริยสัจ ๔ หรือ ความจริงอันประเสริฐ ๔ ประการ ได้แก่

๑. ทุกข์ คือ ความลำบาก ความไม่สบายกายไม่สบายใจ
๒. สมุทัย คือ เหตุที่ทำให้เกิดทุกข์
๓. นิโรธ คือ ความดับทุกข์ และ
๔. มรรค คือ ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับแห่งทุกข์

ทั้ง ๔ ข้อนี้ถือเป็นสัจธรรม เรียกว่า อริยสัจ เพราะเป็นสิ่งที่พระอริยเจ้าทรงค้นพบ
เป็นสัจธรรมชั้นสูง ประเสริฐกว่าสัจธรรมสามัญทั่วไป



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 เมษายน 2554 10:38:05 โดย เงาฝัน, เหตุผลที่แก้ไข: เปลี่ยนภาพค่ะ » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 16 พฤษภาคม 2553 16:00:30 »





ปรินิพพาน

๓. เป็นวันปรินิพพานของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ ร่มไม้รัง (ต้นสาละ) คู่
ในสาลวโนทยานของมัลลกษัตริย์ ใกล้เมืองกุสินารา
เมื่อวันเพ็ญเดือน ๖ ก่อนพุทธศักราช ๑ ปี  วันที่พระพุทธเจ้าเสด็จเข้าสู่
ปรินิพพาน (ดับสังขารไม่กลับมาเกิดสร้างชาติ สร้างภพอีกต่อไป)

การปรินิพพานของพระพุทธเจ้า ก็ถือเป็นวันสำคัญของชาวพุทธทั่วโลก
เพราะชาวพุทธทั่วโลกได้สูญเสียดวงประทีปของโลก  
เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่และครั้งสำคัญ ชาวพุทธทั่วไปมีความเศร้าสลดเสียใจ
และอาลัยสุดจะพรรณนา อันมีประวัติว่าเมื่อพระพุทธองค์ได้ตรัสรู้และแสดงธรรม
มาเป็นเวลานานถึง ๔๕ ปี ซึ่งมีพระชนมายุได้ ๘๐ พรรษา

ได้ประทับจำพรรษา ณ เวฬุคาม ใกล้เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี ในระหว่างนั้น
ทรงประชวรอย่างหนัก ครั้นเมื่อถึงวันเพ็ญเดือน ๖ พระพุทธองค์กับพระภิกษุสงฆ์
ทั้งหลาย ก็ไปรับภัตตาหารบิณฑบาตที่บ้านนายจุนทะ ตามคำกราบทูลนิมนต์
พระองค์เสวยสุกรมัททวะที่นายจุนทะตั้งใจทำถวาย ก็เกิดอาพาธลง
แต่ทรงอดกลั้นมุ่งเสด็จไปยังเมืองกุสินารา ประทับ ณ ป่าสาละ
เพื่อเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ในราตรีนั้น ได้มีปริพาชกผู้หนึ่ง ชื่อสุภัททะขอเข้าเฝ้า

และได้อุปสมบทเป็นพระพุทธสาวกองค์สุดท้าย เมื่อถึงยามสุดท้ายของคืนนั้น
พระพุทธองค์ก็ทรงประทานปัจฉิมโอวาทว่า

"ดูก่อนภิกษุทั้งหลายอันว่าสังขารทั้งหลายย่อมมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา
ท่านทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวง
อันเป็นประโยชน์ของตนและประโยชน์ของผู้อื่นให้บริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด
"



หลังจากนั้นก็เสด็จเข้าดับขันธ์ปรินิพพาน ในราตรีเพ็ญเดือน ๖ นั้น


วันวิสาขบูชา จึงนับว่าเป็นวันที่มีความสำคัญสำหรับพุทธศาสนิกชนทุกคน
เป็นวันที่มีการทำพิธีพุทธบูชา เพื่อเป็นการน้อมรำลึก
ถึงพระคุณของพระองค์ ที่มีต่อปวงมนุษย์และสรรพสัตว์อันหาที่สุดมิได้

การประกอบพิธีในวันวิสาขบูชา จุดมุ่งหมายในการประกอบพิธีในวันวิสาขบูชา
เพื่อรำลึกถึง พระวิสุทธิคุณ พระปัญญาคุณ และพระมหากรุณาธิคุณ
ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีต่อมวลมนุษย์และสรรพสัตว์ อีกทั้งเพื่อเป็นการ
รำลึกถึงเหตุการณ์ อันน่าอัศจรรย์ทั้ง ๓ ประการ ที่มาบังเกิดในวันเดียวกัน
และนำหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์มาเป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติ



Credit by : http://www.buddhadham.com/index.php?mo=3&art=243246
Pics by : Google
ขอบพระคุณที่มาทั้งหมดมากมาย
อนุโมทนาสาธุค่ะ





สมุดภาพพระพุทธประวัติ' ๘o ภาพ
โดย ครูเหม เวชกร จิตรกรฝีมือเอก

คลิ๊กค่ะ :
http://www.sookjai.com/index.php?topic=3330.0

สมุดภาพพุทธประวัติ สำหรับประชาชน
เล่าโดย พระอาจารย์พยอมกัลยาโณ
คลิ๊กค่ะ :
http://www.sookjai.com/index.php?topic=995.0

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 เมษายน 2554 11:47:57 โดย เงาฝัน, เหตุผลที่แก้ไข: ลงใหม่ค่ะ » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2553 16:18:52 »



กรมการศาสนา จัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา
วันวิสาขบูชาปี53
พิมพ์หนังสือบัตรอวยพรกว่า50,000ใบแจกประชาชนร่วมงาน


นายสด แดงเอียด อธิบดีกรมการศาสนา เปิดเผยว่า กรมการศาสนาร่วมกับองค์กรเครือข่าย ทางพระพุทธศาสนา จัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา  ประจำปี 2553  จัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในวันวิสาขบูชาขึ้น ระหว่างวันที่ 22 – 28 พฤษภาคม 2553 แบ่งเป็นส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค



โดยส่วนกลาง ที่กรุงเทพมหานคร

แบ่งเป็น 3 แห่ง ได้แก่ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง  วันที่  22 – 28 พฤษภาคม
วัดสระเกศ วันที่  26 – 28 พฤษภาคม 
วัดยานนาวา วันที่ 28 พฤษภาคม


โดยมุ่งเน้นให้ เด็กและเยาวชน ตลอดจนประชาชนเห็นความสำคัญวันวิสาขบูชา ซึ่งถือเป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้  และเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า   ซึ่งองค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญสากลของโลก

สำหรับกิจกรรมของงานเทศกาลวิสาขบูชาประกอบด้วยพิธีทำบุญตักบาตร เจริญพระพุทธมนต์ การแสดงพระธรรมเทศนา พิธีเวียนเทียน โดยเฉพาะที่บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง จะมีการเปิดศูนย์จริยศึกษา เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้เข้าร่วมกิจกรรม การประกวด แข่งขันสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัยทำนองสรภัญญะ การตอบปัญหาธรรมะ เล่านิทาน รวมทั้งการแสดงตนเป็นพุทธมามกะ สำหรับในส่วนภูมิภาคได้มอบหมายให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดประสานความร่วมมือในการจัดกิจกรรม ณ วัด หรือ ศาสนสถานที่สำคัญทั่วประเทศ นอกจากนี้  ยังได้จัดพิมพ์บัตรอวยพรจำนวน  50,000 ใบ และหนังสือพุทธวิธีแก้ปัญหาชีวิต  จำนวน  25,000  เล่ม  แจกจ่ายให้กับประชาชนที่มาร่วมงาน




 ยิ้ม   http://www.posttoday.com/




พุทธสังเวชนียสถานเนื่องด้วยวันวิสาขบูชา

               เหตุการณ์สำคัญทั้ง 3 เหตุการณ์ที่เกิดในวันวิสาขบูชา เกิดภายในบริเวณที่เรียกว่าชมพูทวีปในสมัยพุทธกาล หรือประเทศอินเดียและเนปาลในปัจจุบัน โดยสถานที่ที่พระพุทธองค์ทรงประสูติอยู่ที่ลุมพินีวัน ประเทศเนปาลในปัจจุบัน, สถานที่ตรัสรู้ อยู่ที่ พุทธคยา และสถานที่ปรินิพพานอยู่ที่ กุสินารา ประเทศอินเดียในปัจจุบัน โดย 2 ใน 3 ของพุทธสังเวชนียสถานที่เกี่ยวข้องกับวันวิสาขบูชาได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก

มีที่น่าสนใจมากมาย รวมภาพด้วยค่ะ...  http://skly.in.th/buddhism2yourmind/?m=200905
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 กันยายน 2553 15:20:36 โดย เงาฝัน » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.16 Firefox 3.6.16


ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 15 เมษายน 2554 09:09:43 »



http://img34.imageshack.us/img34/8122/buddah.jpg
วันวิสาขบูชา


ร่วมอนุโมทนาบุญ
ในสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาวิสาขบูชา..

พระรัตนตรัย

สัญลักษณ์สูงสุดในพระพุทธศาสนาคือ พระรัตนตรัยในฐานะที่เป็นองค์รวมสูงสุดแห่งมนุษย์ ธรรมชาติและสังคมเป็นแม่แบบแห่งความสมบูรณ์สูงสุด และเป็นองค์คุณธรรมที่สัมพันธ์กับมนุษย์ในฐานะเป็นแบบอย่างและเป็นอุดมคติ ชีวิต พิธีกรรมการแสดงถึงความเป็นพุทธศาสนิกชน ก็คือการปฏิญาณตนนับถือพระรัตนตรัยโดยการเปล่งวาจา 3 ครั้ง ดังนี้

1. พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าว่าเป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า
2. ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงพระธรรมว่าเป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า
3. สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงพระสงฆ์ว่าเป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า


พระรัตนตรัยแปลว่า ดวงแก้วอันประเสริฐ 3 ดวงคือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ซึงอาจจำแนกอธิบายได้ดังนี้

ก. พระรัตนตรัย ในฐานะสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนา

1. พระพุทธเจ้า

องค์แห่งพระรัตนตรัยที่ 1 คือพระพุทธเจ้า
ซึ่งในที่นี้จะกล่าวถึงคุณลักษณะ 2 ประการ

ประการที่หนึ่ง พระพุทธเจ้าในฐานะบุคคลหรือมนุษย์ในประวัติศาสตร์ พระนามว่าสิทธัตถะ ทรงเป็นราชโอรสของพระมหากษัตริย์ พระนามว่าสุทโธทนะ และพระนางสิริมหามายาเผ่าพันธุ์ศากยะ แห่งกรุงกบิลพัสดุ์ ทรงประสูติ ณ สวนลุมพินีวันในวันเพ็ญเดือน 6 ณ ชมพูทวิป อายุ 16 พรรษา อภิเษกสมรสกับพระนางสิริยโสธรา มีพระโอรส 1 พระองค์ พระนามว่า ราหุล

ประการที่สอง พระพุทธเจ้าในฐานะมนุษย์ผู้มีตนอันพัฒนาสูงสุด และเป็นแม่แบบที่มนุษย์ทั้งปวงที่จะต้องถือไว้เป็นตัวอย่าง เพราะทรงมีพัฒนาการสูงสุดในความเป็นมนุษย์ โดยทรงคุณสมบัติ 9 ประการ กล่าวคือเป็นพระอรหันต์

1.         ตรัสรู้เองโดยชอบ
2.         ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ
3.         เสด็จไปดีแล้ว
4.         เป็นผู้รู้แจ้งโลก
5.         เป็นสารถีฝึกคนที่ฝึกได้ไม่มีใครยิ่งกว่า
6.         เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
7.         เป็นผู้มีโชค

ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาสามารถย่นย่อได้ 3 อย่างคือ

1.         พระปัญญาคุณ ทรงมีพระปัญญาคือ ความรู้สัพพัญญูญาณ
2.         พระกรุณาคุณ ทรงคุณความดี คือความกรุณาในฐานะที่เป็นคุณธรรมที่ทำให้ความดีอื่น ๆ ทั้งหลาย และประโยชน์สุขเกิดขึ้นแก่คนอื่น
3.         พระวิสุทธิคุณ ทรงบริสุทธิ์ทั้งพระชาติ และความประพฤติทางกาย วาจา ใจ โดยทรงประกอบด้วยวิมุติ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 เมษายน 2554 14:23:57 โดย เงาฝัน, เหตุผลที่แก้ไข: เปลี่ยนภาพค่ะ » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.16 Firefox 3.6.16


ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 15 เมษายน 2554 09:33:15 »



http://img78.imageshack.us/img78/1928/budhavx2.gif
วันวิสาขบูชา

2. พระธรรม

พระธรรมคือความจริงที่สามารถเข้าถึงได้ด้วยปัญญา ซึ่งทำให้ผู้ค้นพบเป็นพุทธะ และถ้าเป็นผู้นำพระธรรมนั้นมาประกาศสั่งสอนผู้อื่น เผยแพร่ให้ผู้อื่นรู้ตามหรือตั้งศาสนาได้ เรียกว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าค้นพบเอง แต่ถ้าไม่ได้เผยแพร่พระธรรมนั้นแก่คนอื่น เรียกว่าพระปัจเจกพุทธเจ้า เพราะไม่สามารถจะตั้งศาสนาได้ ถ้าเป็นผู้รู้ธรรมตามที่พระพุทธเจ้าสั่งสอนนั้น เรียกว่าอนุพุทธหรือ สาวก                                                                     

คุณของพระธรรมมี 6 อย่างคือ

1.) เป็นธรรมอันพระพุทธเจ้าตรัสดีแล้ว
2.) เป็นธรรมอันผู้ปฏิบัติจะพึงเห็นชัดด้วยตนเอง
3.) เป็นธรรมไม่ประกอบด้วยกาล (หรือกาลเวลา)

4.) เป็นธรรมอันควรเรียกให้มาดู (พิสูจน์ได้)
5.) เป็นธรรมที่ควรน้อมเข้ามาในตน
6.) เป็นธรรมอันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน

ความหมายของพระธรรมอาจแยกได้ 5 ประการคือ

1.) ตัวธรรมชาติ คือ กลุ่มหรือปรากฏการณ์ธรรมชาติทั้งหลาย
2.) ตัวกฎธรรมชาติ คือ กฎแห่งเหตุผล กฎแห่งกรรม เป็นต้
3.) หน้าที่ตามธรรมชาติ คือ การทำหน้าที่ให้ผลอย่างตรงตัวและพันธกรณีในทิศทั้ง 6
4.) ผลที่เกิดจากหน้าที่ คือความสุข ทุกข์ บาป บุญ เกิดขึ้นตามการปฏิบัติทั้งในส่วนตัว และสังคมมีลักษณะเป็นธรรมาธิปไตย เพราะถือหลักการหรือธรรมเป็นใหญ
5.) ธรรมวินัย คือคำแนะนำสั่งสอนและข้อบัญญัติห้ามมิให้การกระทำอีก

ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นคุณชาติที่ทำให้ปุถุชนผู้ปฎิบัติตามกลายเป็นพระอริยบุคคลมี 4 ระดับ คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ พระธรรมมีวิมุติเป็นแก่น และความพ้นทุกข์เป็นรส

พระคัมภีร์รองรับพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศแล้ว เรียกพระไตรปิฎกแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ พระวินัยปิฎก ว่าด้วยระเบียบวินัยและศีล พระสุตตันตปิฏก ว่าด้วยหลักธรรมที่แสดงแก่บุคคลต่าง ๆ เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ เวลา และสถานที่ และพระอภิธรรมปิฎกว่าด้วยองค์แห่งสภาวธรรมล้วน ๆไม่ปรารภบุคคลหรือสถานที่  พระธรรมทั้งปวงรวมเป็นสามอย่างคือ ปริยัติธรรม การศึกษาเล่าเรียน อันเป็นส่วนเบื้องต้น ปฏิบัติธรรม ได้แก่ความประพฤติตามธรรมที่ตนได้สดับมา และปฏิเวธธรรม คือผลของการปฏิบัติที่เรียกว่า อริยมรรค อริยผล มีโสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล เป็นต้น มีอรหันต์ผลเป็นที่สุด


บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.16 Firefox 3.6.16


ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: 15 เมษายน 2554 10:24:25 »



3. พระสงฆ์

พระสงฆ์ คือผู้ที่เข้าถึงธรรมตามที่ทรงแสดง โดยอาศัยพระกรุณาคุณ ของพระพุทธเจ้าทำให้เข้าถึงธรรม มีพระอัญญาโกณฑัญญะเป็นองค์แรก และต่อมาได้สำเร็จมรรคผล เรียกอริยสงฆ์ที่ยังไม่สำเร็จมรรคผลอย่างพระภิกษุทั่วไป เรียกว่าสมมติสงฆ์  เพราะท่านเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าและเป็นพยานการตรัสรู้ธรรมของพระพุทธเจ้า พระสงฆ์เป็นผู้ปฏิบัติตาม และได้สั่งสอนธรรมต่อมาจึงเป็นที่ควรเคารพนับถือ พระสงฆ์ คือผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติถูกต้อง ตรงกับพระธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงและบัญญัติไว้

พระสงฆ์คือ บุคคลที่เมื่อบวชเป็นพระสงฆ์แล้ว จะมีฐานะแตกต่างไปจากคฤหัสถ์หรือบุคคลทั่วไปถือเพศเป็นสมณะ ต้องปฏิบัติตามพระธรรมวินัย มีหน้าที่ 2 ประการคือ

1. ทำหน้าที่ตนเอง คือการศึกษาพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง และทรงบัญญัติไว้เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจในพระธรรมวินัยถูกต้องตามความเป็นจริง

2. หน้าที่ต่อสังคม พระสงฆ์นอกจากจะปฏิบัติในไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา แล้วพระสงฆ์ในฐานะกัลยาณมิตรของสังคม มีหน้าที่ต้องปฏิบัติ 6 ประการ กล่าวคือ

2.1) แนะนำอบรมชี้แจงให้เขาละเว้นความชั่ว

2.2) แนะนำสั่งสอนเชิญชวนให้เขาปฏิบัติดี

2.3) สงเคราะห์เขาด้วยจิตที่ประกอบด้วยเมตตากรุณา มุ่งดี ปรารถนาดีต่อเขา

2.4) ให้เขาได้ยินได้ฟังเรื่องที่เขาไม่เคยได้ยินได้ฟัง

2.5) อธิบายสิ่งที่เขาได้ฟังมาแล้ว แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจชัดเจน ให้เข้าใจให้ชัดเจน                                                                     
2.6) บอกทางสุข ทางเจริญ และทางสวรรค์แก่เขา

พระสงฆ์ทรงคุณลักษณะ 9 ประการ คือ

1. เป็นผู้ปฏิบัติดี มุ่งปฏิบัติชอบด้วยพระวินัย พัฒนาตนเองไปตามลำดับไม่เป็นข้าศึกต่อผู้อื่น พยายามขัดเกลาจิตใจ และพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของตนไปตามลำดับความสามารถของตน

2. เป็นผู้ปฏิบัติตรง คือพยายามทำตนให้ตรงต่อคำสอนเหล่านั้น เป็นผู้ตรงต่อตนเอง ต่อผู้อื่น ต่อภารกิจการงานที่ต้องจัดต้องทำ

3. เป็นผู้ปฏิบัติเป็นธรรม คือ ปฏิบัติมุ่งให้สงบกาย วาจา ใจ จนถึงหลุดพ้นจากความทุกข์

4. เป็นผู้ปฏิบัติสมควร คือ ปฏิบัติตามสมควรแก่สมณเพศ สมควรแก่ฐานะจนสามารถขจัดกิเลสได้โดยลำดับจนถึงหมดสิ้น

5. เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา คือ ปฏิบัติตนดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติเป็นธรรม ปฏิบัติสมควร ดังกล่าวนั้น ย่อมเป็นที่เคารพสักการะของคนทั้งหลาย

6. เป็นผู้ควรแก่การต้อนรับ คือ เป็นผู้เมื่อประชาชนต้อนรับแล้ว ย่อมเกิดความสุขสบายใจคือประสบบุญ อันมีผลเป็นความสุขทั้งในปัจจุบันและกาลภายหน้าด้วย

7. เป็นผู้ควรแก่ทักษิณาทาน คือ เป็นผู้ปฏิบัติดีงามเหมาะสมเป็นรับทักษิณาทาน เพราะช่วยให้ทานที่เขาบริจาคมีผล มีอานิสงส์มาก

8. เป็นผู้ควรแก่การทำอัญชลี คือ เป็นผู้ปฎิบัติชอบ ควรแก่การประณมมือไหว้ท่านด้วยความเคารพ เป็นการแสดงความเคารพต่อท่านผู้มีคุณความดี

9. เป็นเนื้อนาบุญของชาวโลก ไม่มีเนื้อนาบุญอื่นยิ่งไปกว่าเพราะคุณความดีองท่าน ดังกล่าวมาแล้ว เป็นเหมือนกับนาที่ดี ชาวโลกที่ต้องการความดีอันเป็นสุข ย่ิอมคบหาสมาคมเพราะความเป็นกัลยาณมิตรบ่อเกิดแห่งความดีทั้งปวงเมื่อเข้าสมาคมย่อมได้รับสิ่งที่เป็นกุศล และความสุขเต็ม ที่

ดังนั้น พระสงฆ์ได้ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว สอนให้ผู้อื่นปฏิบัติตาม


บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.16 Firefox 3.6.16


ดูรายละเอียด
« ตอบ #8 เมื่อ: 16 เมษายน 2554 11:01:00 »




“ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน” ผลงานของ มาโนชญ์ เพ็งทอง


บทบาทของพระรัตนตรัย

1. พระรัตนตรัยในฐานะแม่แบบความสมบูรณ์สูงสุด


โลกและชีวิตเมื่อแบ่งองค์ประกอบที่สำคัญออกเป็นส่วน ๆ เพื่อให้เห็นความสัมพันธ์กันแล้วจะมีอยู่ 3 ส่วน คือ มนุษย์ ธรรมชาติ และสังคม

เมื่อทั้งสามส่วนทรงตัวอยู่อย่างสมดุลกัน โลกและชีวิตจึงดำเนินไปถึงความสมบูรณ์สูงสุดได้ มนุษย์เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นศูนย์กลางแห่งส่วนทั้งสาม เพราะมนุษย์สามากระทำการต่าง  ๆ ได้อย่างอิสระ และกระทำทุกอย่างด้วยเจตนา เลือกปฏิบัติต่อตนเองและส่วนอื่น ๆ ได้คุณค่าแห่งการกระทำของมนุษย์ จึงเกิดขึ้นมาบนมาตรฐานตัดสินว่า การกระทำอย่างใดถือว่า ดี กระกระทำอย่างใดถือว่า ไม่ดี หรือชั่ว ตรงกับคำว่าบุญหรือบาป

มนุษย์ประกอบขึ้นด้วยกายกับจิต มีชีวิตดำเนินไปในท่ามกลางธรรมชาติและสังคม จึงกลายเป็นผู้มีพันธกรณี หรือหน้าที่ที่จะต้องพัฒนาตนเองไปสู่ความสมบูรณ์สูงสุด ด้วยการเข้าใจในธรรมชาติอย่างถูกต้อง และนำสังคมอันเป็นผลรวมแห่งความสัมพันธ์ของมนุษย์ในแง่มุมต่าง ๆ ไปอย่างกลมกลืน ซึ่งจะต้องพัฒนาตนเองก่อนส่วนอื่น ๆ

ธรรมชาติ คือ สิ่งแวดล้อมตัวมนุษย์ หรือระบบนิเวศนั่นเอง เมื่อแยกมนุษย์ออกเป็นส่วนเฉพาะต่างหากแล้ว ส่วนที่เป็นสิ่งแวดล้อมก็คือธรรมชาติ อันที่จริงธรรมขาติเป็นสิ่งที่สัมพันธ์กับมนุษย์อย่างแยกจากกันไม่ได้ เพราะมนุษย์ก็คือธรรมชาติ และต้องอิงอาศัยธรรมชาติอยู่อย่างมีอิทธิพลต่อกันไม่ยิ่งหย่อนกล่าวคือ ในภาคปฏิบัติมนุษย์ มนุษย์แม้จะเลือกกระทำต่อธรรมชาติได้แต่จำเป็นต้องรู้เท่าทัน และปฏิบัติต่อธรรมชาติด้วยความฉลาด ไม่ให้ธรรมชาติเสียดุลต่อมนุษย์ เพราะว่าเมื่อใดธรรมชาติเสียดุลต่อมนุษย์ ผลร้ายก็จะตามมากระทบมนุษย์และสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สังคม คือ กลุ่มความสัมพันธ์ของมนุษย์ที่มีต่อกันในหลายระบบ เช่น ในระบบเศรษฐกิจ การเมือง กฎหมาย ความเชื่อ การศึกษา และวัฒนธรรม เป็นต้น ความสัมพันธ์ของมนุษย์ที่มารวมกันนี้ ย่อมแสดงออกตามคุณภาพของจิตใจแต่ละคน มนุษย์ยิ่งอยู่รวมมากเท่าไหร่ ความซับซ้อนแห่งความสัมพันธ์ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น และแสดงตัวออกมาในรูปธรรมในฐานะสถาบันต่าง ๆ เป็นจุดศูนย์ประสานโยงหน่วยความสัมพันธ์ของมนุษย์ที่มีต่อกัน เช่น สถาบันครอบครัว สถาบันเศรษฐกิจ สถาบันการเมือง สถาบันศาสนา เป็นต้น รวมเรียกว่าความสัมพันธ์ทางสังคม

มนุษย์ในฐานะเป็นส่วนที่มีการกำหนดบทบาทของตนได้ จะต้องทำหน้าที่ คือการประสานอย่างกลมกลืน ส่วนทั้ง 3 นี้ เมื่อเข้ามาผูกพันเป็นส่วนหนึ่งของแต่ละส่วนแล้ว จะทำให้เกิดผลดีและผลร้ายที่เรียกว่า ทำให้ขาดความสมดุลกันขึ้นได้ ซึ่งจะเป็นผลกระทบต่อมนุษย์โดยตรง มนุษย์จะต้องพัฒนาทุกส่วนในลักษณะองค์รวมอย่างเอกภาพ เพื่อบรรลุความสมบูรณ์สูงสุด

2. พระรัตนตรัยในฐานะองค์รวมสูงสุด

มนุษย์ ธรรมชาติ และสังคม ตามที่กล่าวมาแล้ว มีส่วนสุดยอดตรงกันในแต่ละอย่าง องค์ที่ต่างกันกับ 3 ส่วนนั้นก็คือพระรัตนตรัย ได้แก่ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ มนุษย์พัฒนาสูงสุดแล้วเป็นพระพุทธ ธรรมชาติเมื่อเราเข้าถึงแล้ว ตัวความจริงของธรรมชาติที่ปรากฏแก่มนุษย์คือ ธรรมะ หรือพระธรรม และสังคมที่พัฒนาถึงขั้นอุดมคติแล้ว ก็เป็นหมู่ชนที่เรียกว่าพระสงฆ์

จึงอาจกล่าวได้ว่า หลักของพระพุทธศาสนาที่เรียกว่าพระรัตนตรัย ก็คือองค์แห่งความสมบูรณ์ในระดับแห่งพัฒนาการสูงสุดแห่งส่วนทั้งสามของโลก และชีวิต กล่าวคือ พระพุทธเจ้าก็คือมนุษย์ผู้พัฒนาสมบูรณ์แล้ว โดยได้ค้นพบพระธรรมแบะเปิดเผยแก่สังคม เพราะทรงมีการพัฒนาแล้ว 4 ด้าน กล่าวคือ

1. มีการพัฒนากายคือ พัฒนาความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมด้านกายภาพ ไม่เฉพาะพัฒนาร่างกายให้เข็มแข็งมีสุขภาพดี หรือพัฒนาทักษะเท่านั้น

2. มีการพัฒนาศีล คือการอยู่ร่วมกันด้วยดีในสังคม เป็นการพัฒนาการในด้านความสัมพันธ์ทางสังคม

3. มีจิตพัฒนา คือ พัฒนาการจิตใจให้เป็นอิสระจากพันธนาการของกิเลสทั้งปวง (วิมุติ)

4. มีพัฒนาการทางปัญญา ที่เรียกว่าตรัสรู้


ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึงได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์ผู้พัฒนาตนที่สมบูรณ์ ได้ค้นพบธรรมะ และเปิดเผยธรรมแก่สังคมพระธรรมคือตัวความจริงของธรรมชาติที่เปิดเผยขึ้น โดยการค้นพบ และประกาศของพระพุทธองค์ พระสงฆ์ คือสังคมมนุษย์ที่พัฒนาตนแล้วด้วยการปฏิบัติ หรือเข้าถึงธรรมตามอยางพระพุทธเจ้า ความเป็นเอกภาพของพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ เป็นในลักษณะอิงอาศัยกัน ถ้าไม่มีพุทธะ ธรรมะก็ไม่ปรากฏ และสงฆ์ก็ไม่อาจจะพัฒนาให้เกิดสังฆะได้ถ้าไม่มีธรรมะ มนุษย์ก็ไม่พัฒนาเป็นพุทธะและสังฆะก็ไม่อาจเกิดขึ้น ถ้าไม่มีสังฆะก็ไม่มีเครื่องยืนยันความเป็นพุทธและธรรมก็คงไม่ปรากฏอยู่ต่อไป แสดงให้เห็นว่ามีความเป็นไปตามกฏปฏิจจสมุปบาท

3. พระรัตนตรัยในฐานะองค์ความสัมพันธ์ของโลกและชีวิต

ความสัมพันธ์ระหว่างพระรัตนตรัยกับโลกและชีวิตอธิบายได้ดังนี้

1. พระพุทธเจ้าทรงพระคุณ 3 ประการ
คือ พระปัญญาคุณ พระกรุณาคุณ และพระบริสุทธิ์คุณ ซึ่งเป็นคุณสมบัติแสดงให้เห็นว่า พระพุทธเจ้าสัมพันธ์กับธรรมชาติและสังคม คือ

ก. ทรงสัมพันธ์กับธรรมชาติ โดยมีปัญญารู้เข้าใจค้นพบความจริงในธรรมชาติ และได้ตัวธรรมะขึ้นมาด้วยปัญญาซึ่งเป็นความสัมพันธ์ระหว่างพระพุทธกับพระ ธรรมในพระรัตนตรัย

ข. การที่ทรงค้นพบธรรมะในธรรมชาติด้วยปัญญาคุณนั้น ทำให้พระองค์หลุดพ้นจากความทุกข์ หลุดพ้นจากกิเลส และความชั่วทั้งปวง ทั้งทางกาย วาจา และทางใจ เป็นคุณสมบัติข้อที่สอง คือ พระปริสุทธิคุณประจำพระองค์

ค. เมื่อทรงค้นพบธรรมะก็กลายเป็นผู้บริสุทธิ์ ด้วยการหลุดพ้นจากความทุกข์โดยสิ้นเชิงแล้วก็เกิดมีคุณธรรมต่าง ๆ ขึ้น คุณธรรมเหล่านี้แสดงออกต่อสังคมโดยผ่านคุณธรรมที่เป็นตัวนำ แสดงออกต่อสังคม ซึ่งทำให้เกิดพระสงฆ์มีรูปแบบอยู่ได้เพราะหลักการใหญ่ 3 ประการคือ

1. พระวินัย คือฐานและเป็นตัวควบคุมให้ก่อเป็นรูปสงฆ์ได้

2. สามัคคี คือ พลังยึดเหนี่ยว

3. กัลยาณมิตร คือ เนื้อหาของสงฆ์ เพราะพระสงฆ์ประกอบด้วยบุคคลที่เป็นกัลยาณมิตร ในเมื่อเนื้อหาของสงฆ์ก็คือตัวบุคคลที่เป็นกัลยาณมิตร สงฆ์จึงเป็นแหล่งของกัลยาณมิตร ที่คนในสังคมจะต้องเข้าพบหา แล้วก็ได้รับประโยชน์เป็นตัวช่วยนำมนุษย์ให้เข้าถึงธรรมะ และมาร่วมกันเป็นสมาชิกของสงฆ์ต่อ ๆ ไป                                                                       

ดั้งนั้น หลักของสงฆ์จึงมีวินัยเป็นพื้นฐาน มีความสามัคคีเป็นพลังยึดเหนี่ยว แล้วมีกัลยาณมิตรธรรม 7 ประการ เป็นเนื้อหา กัลยาณมิตรธรรมคือ

3.1 น่ารัก คือเข้าใจถึงจิตใจ สร้างความรู้สึกสนิทสนมเป็นกันเอง ชวนให้ผู้สมาคมอยากเข้าไปปรึกษาหารือ

3.2 น่าเคารพ คือ มีความประพฤติสมควรแก่ฐานะ ทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นใจเป็นที่พึ่งได้และปลอดภัย

3.3 น่าเจริญใจ คือ ความรู้จริง ทรงภูมิปัญญาแท้จริง และเป็นผู้ฝึกฝนปรับปรุงตนเองอยู่เสมอเป็นที่น่ายกย่องควรเอาอย่าง ทำให้ผู้คบหาเอ่ยอ้าง และรำลึกถึงด้วยความซาบซึ้งใจ มั่นใจและภาคภูมิใจ

3.4 รู้จักพูดให้ได้ผล คือ พูดเป็นรู้จักชี้แจงแสดงธรรมให้เข้าใจ รู้ว่าเมื่อไหร่ควรพูดอะไรอย่างไร คอยให้คำแนะนำว่ากล่าวตักเตือนเป็นที่ปรึกษาที่ดี

3.5 ทนต่อถ้อยคำ คือพร้อมที่จะรับฟังคำปรึกษา ซักถาม แม้จุกจิก ตลอดจนคำล่วงเกินและคำตักเตือนวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ อดทนฟังได้ไม่เบื่อหน่าย ไม่เสียอารมณ์

3.6 แถลงเรื่องสำคัญได้ คือกล่าวชี้แจงเรื่องต่าง ๆ ที่กลิ้งซับซ้อนให้เข้าใจได้และนำประชาชนให้ได้เรียนรู้เรื่องราวที่ลึกซึ้งขึ้นไป

3.7 ไม่ชักนำในอฐานะ คือไม่ชักจูงในทางเสื่อมเสีย หรือเรื่องเหลวไหลไม่สมควร

4. พระรัตนตรัยสัมพันธ์กับมนุษย์

                         

ความสัมพันธ์ระหว่างพระรัตนตรัยกับมนุษย์สามารถอธิบายได้ดังนี้


มนุษย์มีความสัมพันธ์กับพระพุทธเจ้าโดยที่ว่า พระพุทธเป็นแม่แบบที่ทำให้มนุษย์เชื่อในศักยภาพของมนุษย์ พระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์ที่พัฒนาตนจนกระทั่งบรรลุถึงความสมบูรณ์สูงสุดได้ จึงทำให้มนุษย์ทุกคนเกิดความมั่นใจว่ามนุษย์แต่ละคนเป็นสัตว์ฝึกฝนได้ มีศักยภาพในตัวเองที่สามารถพัฒนาไปจนกระทั่งเป็นพระพุทธเจ้าได้ ศรัทธาในองค์พระพุทธก็หมายถึงการศรัทธาในศักยภาพของตนเอง  (ตถาคตโพธิสัทธา) คือเชื่อในปัญญาที่ทำให้มนุษย์ตรัสรู้กลายเป็นพุทธะซึ่งโยงความสามารถของตัว มนุษย์เองว่าด้วยมนุษย์เราสามารถพัฒนาตัวเองให้เป็นพระพุทธะได้ ให้เป็นคนสมบูรณ์



http://www.oknation.net/blog/wisdomage/2009/05/07/entry-2
Pics by : Google
อกาลิโกโฮม * ใต้ร่มธรรมดอทเน็ต
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.16 Firefox 3.6.16


ดูรายละเอียด
« ตอบ #9 เมื่อ: 16 เมษายน 2554 12:57:07 »





วันวิสาขบูชา ( Vesakha Day )

 วันวิสาขบูชา ตรงกับวันขึ้ น ๑๕ ค่ำเดือน ๖ ความหมาย คำว่า "วิสาขบูชา" หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญเดือน ๖ เนื่องในโอกาสวันประสูติ ตรัสรู้ และเสด็จดับขันธปรินิพพานของพระพุทธเจ้า

วิสาขบูชา ย่อมาจาก " วิสาขปุรณมีบูชา " แปลว่า " การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ " ถ้าปีใดมีอธิกมาส คือ มีเดือน ๘ สองหน ก็เลื่อนไปเป็นกลางเดือน ๗

ความสำคัญของวันวิสาขบูชา

ความสำคัญ วันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญยิ่งทางพระพุทธศาสนา เพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ คือเกิด ได้ตรัสรู้ คือสำเร็จ ได้ปรินิพพาน คือ ดับ เกิดขึ้นตรงกันทั้ง ๓ คราวคือ

๑. เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะ ประสูติที่พระราชอุทยานลุมพินีวัน ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับเทวทหะ เมื่อเช้าวันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี

๒. เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าเมื่อพระชนมายุ ๓๕ พรรษา ณ ใต้ร่มไม้ศรีมหาโพธิ์ ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ในตอนเช้ามืดวันพุธ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีระกา ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี หลังจากออกผนวชได้ ๖ ปี ปัจจุบันสถานที่ตรัสรู้แห่งนี้เรียกว่า พุทธคยา เป็นตำบลหนึ่งของเมืองคยา แห่งรัฐพิหารของอินเดีย

๓. หลังจากตรัสรู้แล้ว ได้ประกาศพระศาสนา และโปรดเวไนยสัตว์ ๔๕ ปี พระชนมายุได้ ๘๐ พรรษา ก็เสด็จดับขันธปรินิพพาน เมื่อวันอังคาร ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเส็ง ณ สาลวโนทยาน ของมัลลกษัตริย์ เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ (ปัจจุบันอยู่ในเมือง กุสีนคระ) แคว้นอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย

นับว่าเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง ที่เหตุการณ์ทั้ง ๓ เกี่ยวกับวิถีชีวิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งมีช่วงระยะเวลาห่างกันนับเวลาหลายสิบปี บังเอิญเกิดขึ้นในวันเพ็ญเดือน ๖ ดังนั้นเมื่อถึงวันสำคัญ เช่นนี้ ชาวพุทธทั้งคฤหัสถ์ และบรรพชิตได้พร้อมใจกันประกอบพิธีบูชาพระพุทธองค์เป็นการพิเศษ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณ พระปัญญาธิคุณ และพระบริสุทธิคุณ ของพระองค์ท่าน ผู้เป็นดวงประทีปของโลก


บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.16 Firefox 3.6.16


ดูรายละเอียด
« ตอบ #10 เมื่อ: 16 เมษายน 2554 13:11:03 »




ประวัติความเป็นมาของวันวิสาขบูชาในประเทศไทย

วันวิสาขบูชานี้ ปรากฏตามหลักฐานว่า ได้มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ซึ่งสันนิษฐานว่า คงจะได้แบบอย่าง มาจากลังกา กล่าวคือ เมื่อประมาณ พ.ศ. ๔๒๐ พระเจ้าภาติกุราช กษัตริย์แห่งกรุงลังกา ได้ประกอบพิธีวิสาขบูชาอย่าง มโหฬาร เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา กษัตริย์ลังกาในรัชกาลต่อ ๆ มา ก็ทรงดำเนินรอยตาม แม้ปัจจุบันก็ยังถือปฏิบัติอยู่

สมัยสุโขทัย นั้น ประเทศไทยกับประเทศลังกามีความสัมพันธ์ด้านพระพุทธศาสนาใกล้ชิดกันมากเพราะ พระสงฆ์ชาวลังกา ได้เดินทางเข้ามาเผยแพร่พระพุทธศาสนา และเชื่อว่าได้นำการประกอบพิธีวิสาขบูชามาปฏิบัติในประเทศไทยด้วย

ในหนังสือนางนพมาศได้กล่าวบรรยากาศการประกอบพิธีวิสาขบูชาสมัยสุโขทัยไว้ พอสรุปใจความได้ว่า " เมื่อถึงวันวิสาขบูชา พระเจ้าแผ่นดิน ข้าราชบริพาร ทั้งฝ่ายหน้า และฝ่ายใน ตลอดทั้งประชาชนชาวสุโขทัยทั่วทุก หมู่บ้านทุกตำบล ต่างช่วยกันทำความสะอาด ประดับตกแต่งพระนครสุโขทัยเป็นการพิเศษ ด้วยดอกไม้ของหอม จุดประทีปโคมไฟแลดูสว่างไสวไปทั่วพระนคร เป็นการอุทิศบูชาพระรัตนตรัย เป็นเวลา ๓ วัน ๓ คืน พระมหากษัตริย์ และบรมวงศานุวงศ์ ก็ทรงศีล และทรงบำเพ็ญพระราชกุศลต่างๆ ครั้นตกเวลาเย็น ก็เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ และนางสนองพระโอษฐ์ตลอดจนข้าราชการทั้งฝ่ายหน้า และฝ่ายใน ไปยังพระอารามหลวง เพื่อทรงเวียนเทียนรอบพระประธาน

ส่วนชาวสุโขทัยชวนกันรักษาศีล ฟังธรรมเทศนา ถวายสลากภัต ถวายสังฆทาน ถวายอาหารบิณฑบาต แด่พระภิกษุ สามเณรบริจาคทรัพย์แจกเป็นทานแก่คนยากจน คนกำพร้า คนอนาถา คนแก่ คนพิการ บางพวกก็ชวนกันสละทรัพย์ ปล่อยสัตว์ ๔ เท้า ๒ เท้า และเต่า ปลา เพื่อชีวิตสัตว์ให้เป็นอิสระ โดยเชื่อว่าจะทำให้คนอายุ ยืนยาวต่อไป "

ในสมัยอยุธยา สมัยธนบุรี และสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ด้วยอำนาจอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ เข้าครอบงำประชาชนคนไทย และมีอิทธิพลสูงกว่าอำนาจของพระพุทธศาสนา จึงไม่ปรากฎหลักฐานว่า ได้มีการประกอบพิธีบูชาในวันวิสาขบูชา จนมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยรัชกาลที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (พ.ศ. ๒๓๖๐) ทรงดำริกับ สมเด็จพระสังฆราช (มี) สำนักวัดราชบูรณะ มีพระราชประสงค์จะให้ฟื้นฟู การประกอบพระราชพิธีวันวิสาขบูชาขึ้นใหม่ โดย สมเด็จพระสังฆราช ถวายพระพรให้ทรงทำขึ้น เป็นครั้งแรกในวันขึ้น ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ และวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๖ พ.ศ. ๒๓๖๐ และให้จัดทำตามแบบอย่างประเพณีเดิมทุกประการ เพื่อมีพระประสงค์ให้ประชาชนประกอบการบุญการกุศล เป็นหนทางเจริญอายุ และอยู่เย็นเป็นสุขปราศจากทุกข์โศกโรคภัย และอุปัทอันตรายต่างๆ โดยทั่วหน้ากัน

ฉะนั้น การประกอบพิธีในวันวิสาขบูชาในประเทศไทย จึงได้รื้อฟื้นให้มีขึ้นอีกครั้งหนึ่งในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ และถือปฏิบัติมาจวบจนกระทั่งปัจจุบัน

การจัดงานเฉลิมฉลองในวันวิสาขบูชาที่ยิ่งใหญ่กว่าทุกยุคทุกสมัย คงได้แก่การจัดงานเฉลิมฉลอง วันวิสาขบูชา พ.ศ.๒๕๐๐ ซึ่งทางราชการเรียกว่างาน " ฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ " ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ถึง ๑๘ พฤษภาคม รวม ๗ วัน ได้จัดงานส่วนใหญ่ขึ้นที่ท้องสนามหลวง ส่วนสถานที่ราชการ และวัดอารามต่างๆ ประดับธงทิวและโคมไฟสว่างไสวไปทั่วพระราชอาณาจักร ประชาชนถือศีล ๕ หรือศีล ๘ ตามศรัทธาตลอดเวลา ๗ วัน มีการอุปสมบทพระภิกษุสงฆ์รวม ๒,๕๐๐ รูป ประชาชน งดการฆ่าสัตว์ และงดการดื่มสุรา ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ถึง ๑๔ พฤษภาคม รวม ๓ วัน มีการก่อสร้าง พุทธมณฑล จัดภัตตาหาร เลี้ยงพระภิกษุสงฆ์วันละ ๒,๕๐๐ รูป ตั้งโรงทานเลี้ยงอาหารแก่ประชาชน วันละ ๒๐๐,๐๐๐ คน เป็นเวลา ๓ วัน ออกกฎหมาย สงวนสัตว์ป่าในบริเวณนั้น รวมถึงการฆ่าสัตว์ และจับสัตว์ในบริเวณวัด และหน้าวัดด้วย และได้มีการปฏิบัติธรรมอันยิ่งใหญ่ อย่างพร้อมเพรียงกัน เป็นกรณีพิเศษ ในวันวิสาขบูชาปีนั้นด้วย


บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.16 Firefox 3.6.16


ดูรายละเอียด
« ตอบ #11 เมื่อ: 16 เมษายน 2554 13:33:16 »




หลักธรรมสำคัญที่ควรนำมาปฏิบัติ

หลักธรรมอันเกี่ยวเนื่องจากการประสูติ ตรัสรู้ และเสด็จดับขันธปรินิพพาน คือ ความกตัญญู อริยสัจ ๔ และความไม่ประมาท

๑. ความกตัญญู คือความรู้อุปการคุณที่มีผู้ทำไว้ก่อน เป็นคุณธรรมคู่กับความกตเวที คือ การตอบแทนอุปการคุณที่ผู้อื่นทำไว้นั้น

บิดามารดา มีอุปการคุณแก่ลูก ในฐานะผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูจนเติบโต ให้การศึกษาอบรมสั่งสอน ให้เว้นจากความชั่ว มั่นคงในการทำความดี เมื่อถึงคราวมีคู่ครองได้จัดหาคู่ครองที่เหมาะสมให้ และมอบทรัพย์สมบัติให้ไว้เป็นมรดก
ลูกเมื่อรู้อุปการะคุณที่บิดามารดาทำไว้ ย่อมตอบแทนด้วยการประพฤติตัวดี สร้างชื่อเสียงให้ แก่วงศ์ตระกูล เลี้ยงดูท่าน และช่วยทำงานของ ท่าน และเมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่าน
ครูอาจารย์มีอุปการคุณแก่ศิษย์ ในฐานะเป็นผู้ประสาทความรู้ให้ ฝึกฝนแนะนำให้เป็นคนดี สอนศิลปวิทยาให้อย่างไม่ปิดบังยกย่องให้ปรากฎแก่คนอื่น และช่วยคุ้มครองให้ศิษย์ทั้งหลาย
ศิษย์เมื่อรู้อุปการคุณที่ครูอาจารย์ทำไว้ ย่อมตอบแทนด้วยการตั้งใจเรียน ให้เกียรติ และให้ความเคารไม่ล่วงละเมิดโอวาทของครู
• ความกตัญญูและความกตเวทีนี้ ถือว่าเป็นเครื่องหมายของคนดี ส่งผลให้ครอบครัว และสังคมมีความสุขได้เพราะ บิดามารดาจะรู้จักหน้าที่ของตนเอง ด้วยการทำอุปการคุณให้ก่อน และลูกก็จะรู้จักหน้าที่ของตนเองด้วยการทำดีตอบแทน
นอกจากบิดากับลูก และครูอาจารย์กับศิษย์แล้ว คุณธรรมข้อนี้ก็สามารถนำไปใช้ได้แม้ระหว่าง นายจ้างกับลูกจ้าง อันจะส่งผลให้สังคมอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข
ในทางพระพุทธศาสนาพระพุทธเจ้า ทรงเป็นบุพการีในฐานะที่ทรงสถาปนาพระพุทธศาสนา และทรงสอนทางพ้นทุกข์ให้แก่เวไนยสัตว์
พุทธศาสนิกชน รู้พระคุณอันนี้จึงตอบแทนด้วยอามิสบูชาและปฎิบัติบูชากล่าวคือการจัดกิจกรรม ในวันวิสาขบูชา เป็นส่วนหนึ่งที่ชาวพุทธแสดงออก ซึ่งความกตัญญูกตเวที ต่อพระองค์ด้วยการทำนุบำรุงส่งเสริมพระพุทธศาสนา และประพฤติปฎิบัติธรรม เพื่อดำรงอายุพระพุทธศาสนาสืบไป

๒. อริยสัจ ๔ อริยสัจ ๔ คือ ความจริงอันประเสริฐ หมายถึงความจริงของชีวิตที่ไม่ผันแปร เกิดมีได้แก่ทุกคน มี ๔ ประการ คือ

ทุกข์ ได้แก่ปัญหาของชีวิตพระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ก็เพื่อให้ทราบว่ามนุษย์ทุกคนมีทุกข์เหมือนกัน ทั้งทุกข์ขั้นพื้นฐาน และทุกข์เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตประจำวัน ทุกข์ขั้นพื้นฐานคือทุกข์ที่เกิดจาก การเกิด การแก่ และการตาย ส่วนทุกข์ที่เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตประจำวัน คือทุกข์ที่เกิด จากการพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ทุกข์ที่เกิดจากการประสบกันสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก ทุกข์ที่เกิดจากไม่ได้ดังใจปรารถนา รวมทั้งทุกข์ที่เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตด้านต่างๆ อาทิความยากจน
สมุทัย คือ เหตุแห่งปัญหาพระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ก็เพื่อให้ทราบว่า ทุกข์ทั้งหมดซึ่งเป็นปัญหาของชีวิตล้วนมีเหตุให้เกิดเหตุนั้น คือ ตัณหา อันได้แก่ความอยากได้ต่างๆ ซึ่งประกอบไปด้วยความยึดมั่น
นิโรธ คือ การแก้ปัญหาได้ พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ก็เพื่อให้ทราบว่า ทุกข์คือปัญหาของชีวิต ทั้งหมดที่สามารถแก้ไขได้นั้นต้องแก้ไขตามทางหรือวิธีแก้ ๘ ประการ ( ดูมัชฌิมาปฎิปทา )
มรรค การปฏิบัติเพื่อจำกัดทุกข์ เพื่อหลุดพ้นจากทุกข์ การปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหา เพื่อบรรลุเป้าหมายการแก้ปัญหาที่ต้องการ

๓. ความไม่ประมาท ความไม่ประมาทคือ การมีสติเสมอทั้ง ขณะทำ ขณะพูด และขณะคิด สติคือการระลึกได้ ในภาคปฎิบัติเพื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน หมายถึง การระลึกรู้ทันการเคลื่อนไหว ของอริยาบท ๔ คือ เดิน ยืน นั่ง นอน การฝึกให้เกิดสติทำได้โดยตั้งสติกำหนดการเคลื่อนไหวของอริยาบท กล่าวคือ ระลึกทันทั้งในขณะ ยืน เดิน นั่ง และนอน รวมทั้ง ระลึกรู้ทัน ในขณะพูดคิด และขณะทำงานต่างๆ เมื่อทำได้อย่างนี้ก็ชื่อว่า มีความไม่ประมาท การทำงานต่างๆ สำเร็จได้ก็ด้วยความไม่ประมาท กล่าวคือผู้ทำย่อมต้องมีสติระลึกรู้อยู่ว่า ตนเองเป็นใครมีหน้าที่อะไร และกำลังทำอย่างไร หากมีสติระลึกรู้ได้อย่างนั้น ก็ย่อมไม่ผิดพลาด


บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.16 Firefox 3.6.16


ดูรายละเอียด
« ตอบ #12 เมื่อ: 16 เมษายน 2554 13:51:30 »




กิจกรรมในวันวิสาขบูชา

ทางราชการประกาศชักชวนให้ประชาชน และหน่วยงานต่างๆ ทั้งเอกชน และราชการประดับตกแต่งอาคารสถานที่ด้วยธงชาติ ธงเสมาธรรมจักร จุดประทีบโคมไฟ แต่โดยทางปฎิบัติแล้ว ใช้หลอดไฟประดับหลากสี ในวันขึ้น ๑๔-๑๕ ค่ำ เดือน ๖

พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จประกอบพระราชกุศล ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงบาตร ในตอนเช้า ในตอนเย็น ทรงนำเวียนเทียนรอบพระอุโบสถ และสดับพระธรรมเทศนาในพระอุโบสถ พร้อมทั้งถวายไทยธรรม

• จัดงานส่งเสริมพระพุทธศาสนาที่บริเวณท้องสนามหลวงเป็นประจำทุกปี แต่ละปีมีกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาหลากหลายหน่วยงาน ทั้งทางราชการ และเอกชนทั้งฝ่ายบรรพชิต และคฤหัสถ์ ร่วมกันจัดงานอันยิ่งใหญ่สร้างความศรัทธาให้แก่พุทธศาสนิกชนบำเพ็ญกุศล มีการทำบุญตักบาตร ให้ทานรักษาศีลฟังธรรม สนทนาธรรม เวียนเทียน เจริญภาวนาเป็นที่ประทับใจยิ่งนัก

• สถานที่จัดกิจกรรมในวันวิสาขบูชาที่ยิ่งใหญ่อีกแห่งหนึ่งก็คือ ณ บริเวณพุทธมณฑล ซึ่งมีหน่วยงานกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธการร่วมกับประชาชนทั่วไป ได้จัดกิจกรรมปฎิบัติธรรมทั้งฝ่าย พระสงฆ์ และฆราวาส มีจำนวนหลายหมื่นได้ร่วมทำบุญตักบาตรให้ทานรักษาศีล ฟังธรรม สนทนาธรรม และเจริญภาวนาแผ่เมตตาถวายเป๋นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ ปัจจุบัน เนื่องในวโรกาสที่พระองค์ทรงมีพระชนมายุครบ ๗๒ พรรษา และในวันวิสาขบูชา ณ บริเวณพุทธมณฑลนี้เอง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเป็นองค์ประธานทรงเวียนเทียนทุกปีด้วย

• พระสงฆ์ผู้จัดรายการธรรม ทางสถานีวิทยุ เกือบทุกรายการทั่วประเทศเมื่อถึงสำคัญ คือวันวิสาขบูชาเช่นนี้ ก็มี
การประชาสัมพันธ์เชิญชวนพุทธศาสนิกชนบำเพ็ญกุศล เป็นกรณีพิเศษ คือ บรรพชาอุปสมบทนาคหมู่ และบวช เนกขัมมะ เพื่อปฎิบัติธรรมถวายเป็นพุทธบูชะ ธรรมบูชา เป็นการช่วยสนับสนุน ส่งเสริม สร้างความสงบสุขให้แก่บุคคลและสร้างความสามัคคีธรรมให้แก่สังคม ตลอดถึงประเทศชาติอีกด้วย

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.16 Firefox 3.6.16


ดูรายละเอียด
« ตอบ #13 เมื่อ: 16 เมษายน 2554 13:53:50 »



วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญสากล

ภูมิหลัง
๑. ในการประชุม International Buddhist Conference ณ กรุงโคลัมโบ ระหว่างวันที่ ๙ - ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ ซึ่งมีผู้แทนจากประเทศที่นับถือศาสนาพุทธจำนวนมากเข้าร่วม อาทิ บังคลาเทศ จีน ลาว เกาหลีใต้ เวียดนาม ภูฐาน อินโดนีเซีย เนปาล กัมพูชา อินเดีย ปากีสถาน และไทย ได้ตกลงกันที่จะเสนอให้สมัชชาสหประชาชาติรับรองข้อมติประกาศวัน วิสาขบูชาให้เป็นวันหยุดของสหประชาชาติ

๒. ในการเยือนของประเทศต่างๆ ในอินโดจีนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศศรีลังกา ในปี ๒๕๔๒ ก็ได้มีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นหารือ และได้รับการสนับสนุนจากประเทศต่างๆ ได้ด้วยดี

๓. คณะทูตถาวรศรีลังกาประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์กได้จัดเตรียมร่างข้อมติ และได้ขอเสียงสนับสนุนจากประเทศต่าง ๆ เพื่อให้มีการรับรองข้อมติเรื่องการประกาศให้วันวิสาขบูชาเป็นวันหยุดของสห ประชาชาติในที่ประชุมสมัชชา สหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ ๕๔

๔. โดยที่สหประชาชาติประกาศวันหยุดเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว และจะเป็นปัญหาในเรื่องงบประมาณและการบริหารแก่ สหประชาชาติ หากประกาศให้วันวิสาขบูชาเป็นวันหยุด ศรีลังกาจึงได้ตัดสินใจที่จะเสนอร่างข้อมติ ขอให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญสากลที่สหประชาชาติ ทั้งที่สำนักงานใหญ่ และสำนักงานต่าง ๆ แทนการเสนอให้เป็นวันหยุดซึ่ง ออท. ผู้แทนถาวรประเทศต่าง ๆ รวม ๑๖ ประเทศ ได้แก่ ศรีลังกา บังคลาเทศ ภูฐาน กัมพูชา ลาว มัลดีฟส์ มองโกเลีย พม่า เนปาล ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ สเปน อินเดีย ไทย และยูเครน ได้ร่วมลงนามในหนังสือถึงประธานสมัชชาฯ เพื่อให้นำเรื่องวันวิสาขบูชาเข้าเป็นระเบียบวาระการประชุมของสมัชชาฯ

๕. ต่อมาเมื่อ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ General Committee ของสมัชชาฯ ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าว โดย ออท.ผู้แทน ถาวรศรีลังกาได้กล่าวถ้อยแถลงสนับสนุนหนังสือร้องขอให้ที่ประชุมบรรจุ ระเบียบวาระดังกล่าว เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสมัชชาเต็มคณะ ออท.ผู้แทนถาวรไทย อินเดีย สเปน บังคลาเทศ ปากีสถาน ไซปรัส ลาว และภูฐาน ได้กล่าวถ้อย แถลงสนับสนุน ซึ่งที่ประชุม General Committee ได้มีมติให้บรรจุเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของสมัชชาเต็มคณะ

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.16 Firefox 3.6.16


ดูรายละเอียด
« ตอบ #14 เมื่อ: 16 เมษายน 2554 14:05:25 »




ปัจจุบัน

๑. เมื่อ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๔๒ ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ ๕๔ ได้พิจารณาระเบียบวาระที่ ๑๗๔ International recognition of the Day of Visak โดยการเสนอของศรีลังกา

๒. ในการพิจารณา ประธานสมัชชาฯ ได้เชิญผู้แทนศรีลังกาขึ้นกล่าวนำเสนอร่างข้อมติ และเชิญผู้แทนไทย สิงคโปร์ บังคลาเทศ ภูฐาน สเปน พม่า เนปาล ปากีสถาน อินเดียขึ้นกล่าวถ้อยแถลง สรุปความว่า วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก เพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ทรงตรัสรู้ เสด็จดับขันธปรินิพพาน พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนให้มวลมนุษย์มีเมตตาธรรมและขันติธรรม ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพื่อให้เกิดสันติสุขในสังคม อันเป็นแนวทางของ สหประชาชาติ จึงขอให้ที่ประชุมรับรองข้อมตินี้ ซึ่งเท่ากับเป็นการรับรองความสำคัญของพุทธศาสนาในองค์การสหประชาชาติ โดยถือว่าวันดังกล่าวเป็นที่สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติและที่ทำการ สมัชชาจะจัดให้มีการระลึกถึง (observance) ตามความเหมาะสม

๓. ที่ประชุมฯ ได้รับรองร่างข้อมติโดยฉันทามติ

- ถ้อยแถลงของเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรฯ ศรีลังกาประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก
- ถ้อยแถลงของนายวรวีร์ วีรสัมพันธ์ อุปทูต คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก

เหตุผลที่ องค์การสหประชาชาติหนดให้ วันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญของโลก เนื่องจากคณะกรรมมาธิการองค์การสหประชาชาติ ได้ร่วมพิจารณาและมีมติเห็นพ้องต้องกันประกาศให้วันวิสาขบูชา ถือเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของโลกทั้งนี้ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ทรงเป็นมหาบุรุษผู้ให้ความเมตตาต่อหมู่มวล มนุษย์ทั้งหลายในโลก จะเห็นได้จากการยกเลิกแบ่งชนชั้นวรรณะ ซึ่งเท่ากับเป็นการเลิกทาสโดยไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเป็นนักอนุรักษ์สัตว์ป่าอีกด้วย กล่าวคือ ทรงสอนให้ไม่ฆ่าสัตว์ ให้รู้จักช่วยเหลือสัตว์ เหตุผลสำคัญ อีกประการหนึ่งคือ พระองค์ทรงเปิดโอกาสให้ทุกศาสนาสามารถเข้ามาศึกษาพุทธศาสนาเพื่อพิสูจน์หาข้อเท็จจริงได้ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธและทรงสั่งสอนทุกคนโดยใช้ปัญญาธิคุณสอนโดยไม่คิดค่าตอบแทน



ข้อมูลจาก www.dhammathai.org
Pics by : Google
อกาลิโกโฮม * ใต้ร่มธรรมดอทเน็ต
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ

บันทึกการเข้า
時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Nepal Nepal

กระทู้: 1921


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 4.0.1 Firefox 4.0.1


ดูรายละเอียด
« ตอบ #15 เมื่อ: 10 พฤษภาคม 2554 09:38:26 »


มนุษย์ประกอบขึ้นด้วยกายกับจิต มีชีวิตดำเนินไปในท่ามกลางธรรมชาติและสังคม จึงกลายเป็นผู้มีพันธกรณี หรือหน้าที่ที่จะต้องพัฒนาตนเองไปสู่ความสมบูรณ์สูงสุด ด้วยการเข้าใจในธรรมชาติอย่างถูกต้อง และนำสังคมอันเป็นผลรวมแห่งความสัมพันธ์ของมนุษย์ในแง่มุมต่าง ๆ ไปอย่างกลมกลืน ซึ่งจะต้องพัฒนาตนเองก่อนส่วนอื่น ๆ



ภาพสวยจังและเนื้อหาครบถ้วนเลย ป้า แป๋ม แต่ไม่รู้ว่าปีนี้วันวิสาขบูชาจัดที่ไหนเพราะสนามหลวงปิดซ่อม

ตกหลุมรัก ตกหลุมรัก (:fall:)ขออนุญาต Save รูป ตกหลุมรัก ตกหลุมรัก ตกหลุมรัก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10 พฤษภาคม 2554 11:14:19 โดย 時々sometime » บันทึกการเข้า

โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?

เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 11.0.696.65 Chrome 11.0.696.65


ดูรายละเอียด
« ตอบ #16 เมื่อ: 10 พฤษภาคม 2554 10:04:56 »





กทม.ชวนพุทธศาสนิกชนร่วมงานวันวิสาขบูชา 11-17 พ.ค.นี้
ข่าวทั่วไป หนังสือพิมพ์แนวหน้า
เสาร์ที่ 7 พฤษภาคม 2554 01:54:55 น.

นายสมศักดิ์  จันทวัฒนา ผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กทม. เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา วันสำคัญของโลก ประจำปี 2554 ซึ่งกรุงเทพมหานคร ร่วมกับกรมการศาสนา ศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ร่วมกันจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-17 พ.ค.54 เวลา 06.00 — 21.00 น. ณ มณฑลพิธีลานอเนกประสงค์ กองทัพภาคที่ 1 ในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เขตบางเขน โดยจัดทำเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554

สำหรับกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย  พิธีบวงสรวงบูรพกษัตราธิราช  พิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ(พระธาตุหลวง) จากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวังมาประดิษฐานบนมณฑป ณ มณฑลพิธีลานอเนกประสงค์ กองทัพภาคที่ 1 ในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เขตบางเขน การเทศน์มหาชาติ พิธีเจริญพระพุทธมนต์เจริญจิตภาวนาถวายเป็นพระราชกุศล การจัดนิทรรศการส่งเสริมพระพุทธศาสนา นิทรรศการพระพุทธรูปสำคัญ 4 ภาค พิธีเวียนเทียนรอบพระบรมสารีริกธาตุ พิธีทอดผ้าป่าสี่มุมเมืองสมทบกองทุนส่งเสริมพระพุทธศาสนา เวทีสะท้อนธรรม การประกวดบรรยายธรรม การอภิปรายธรรม และพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 229 รูป ในวันวิสาขบูชา เวลา 06.30 น.

ในการนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จฯ พระราชดำเนินทรงเปิดงานในวันพุธที่ 11 พ.ค.54 เวลา 17.00 น.

กรุงเทพมหานครจึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมกิจกรรมในงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา วันสำคัญของโลก ประจำปี 2554 ได้ระหว่างวันที่ 11-17 พ.ค.นี้


http://www.ryt9.com/s/nnd/1143800

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 11.0.696.65 Chrome 11.0.696.65


ดูรายละเอียด
« ตอบ #17 เมื่อ: 10 พฤษภาคม 2554 10:37:46 »




ผู้นำพุทธโลกร่วมถวายราชสดุดีในหลวง

คมชัดลึก :ผู้นำชาวพุทธทั่วโลกร่วมถวายราชสดุดี "ในหลวง" ทรงเป็นต้นแบบพระมหากษัตริย์ที่พัฒนาประเทศด้วยธรรมะ เตรียมนำแนวพระราชจริยวัตร พระราชกรณียกิจ รวมทั้งหลักเศรษฐกิจพอเพียง เนื่องในวันวิสาขบูชาโลก ด้าน วธ. จัดหุ่นละครเล็กโจหลุยส์เผยแพร่บทพระราชนิพนธ์ “พระมหาชนก” สู่ประชาชน พ.ค.-ก.ค. นี้

   วันที่ 4 พ.ค. ที่โรงแรมโซฟีเทลเซ็นทารา แกรนด์ พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) แถลงข่าวการจัดกิจกรรมนานาชาติ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ในวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก ประจำปี 2554 และเนื่องในโอกาสครบ 26 ศตวรรษ แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

      พระธรรมโกศาจารย์ กล่าวว่า ตามที่ที่ประชุมชาวพุทธนานาชาติ เนื่องในวันวิสาขบูชาโลก เมื่อปี 2553 มีมติให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงาน ระหว่างวันที่ 12-14 พ.ค.นี้ ที่ มจร. อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา และที่ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ โดยหัวข้อการประชุมครั้งนี้คือ “พุทธธรรมกับการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ” โดยประมุขสงฆ์ สมเด็จพระสังฆราช ผู้นำชาวพุทธ กว่า 1,700 รูป/คน จาก 86 ประเทศทั่วโลก ตอบรับเข้าร่วมงาน

 พระธรรมโกศาจารย์ กล่าวต่อว่า สำหรับหัวข้อในการประชุมครั้งนี้เป็นการกำหนดขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยเฉพาะ เพื่อเป็นการถวายราชสดุดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจากชาวพุทธทั่วโลก โดยคณะกรรมการดำเนินงานจัดกิจกรรมนานาชาติฯ ซึ่งมีผู้นำชาวพุทธจาก 25 ประเทศ เป็นกรรมการนั้น เห็นว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นแบบอย่างของพระมหากษัตริย์ที่ใช้ธรรมะในการพัฒนาประเทศ ดังนั้นในการกำหนดหัวข้อในการประชุมว่า “พุทธธรรมกับการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ” ก็เพื่อต้องการการนำพระราชจริยวัตร พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเรื่องต่างๆ

     รวมทั้งแนวทางตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง เข้ามาหารือในการประชุม และออกเป็นมติให้ผู้นำชาวพุทธจากทั่วโลกนำแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปประยุกต์ใช้กับประเทศของตนเอง ขณะเดียวกันในการกล่าวสุนทรพจน์ของประมุขสงฆ์ สมเด็จพระสังฆราช และผู้นำชาวพุทธจากทั่วโลก ก็จะมีการกล่าวถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และในวันที่ 13 พ.ค. เวลา 17.00น. ผู้นำชาวพุทธจากที่เข้าร่วมประชุมครั้งนี้จะเดินทางไปเจริญพระพุทธมนต์ และเจริญจิตภาวนาถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย

     อธิการบดี มจร กล่าวด้วยว่า เนื่องในโอกาสสำคัญทั้งวันวิสาขบูชาโลก และร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงอยากเชิญชวนคนไทยทำกิจกรรม 3 อย่างคือ 1. ประดับบ้านเรือนด้วยธงธรรมจักร หรือธงตราสัญลักษณ์เฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 รวมทั้งประดับไฟอาคารบ้านเรือนด้วย 2. ทำความดีเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ 3.ร่วมกันทำพุทธานุสติ เพื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้า

ที่มา; คมชัดลึก วันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2554
ข้อมูล; สมหมาย  สุภาษิต
แหล่งข่าว : ส่วนเทคโนโลยีสารสนเทศ


บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 11.0.696.65 Chrome 11.0.696.65


ดูรายละเอียด
« ตอบ #18 เมื่อ: 10 พฤษภาคม 2554 10:51:33 »





มจร.จัดกิจกรรมนานาชาติวันวิสาขบูชา ถวายเป็นพุทธบูชา
ถวายฯ แด่ในหลวง

หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
คอลัมน์: ก้องจักรวาลเหนือ สวรรค์-นรก

นับเป็นมหามงคลครั้งยิ่งใหญ่ของเมืองไทยอีกครั้งหนึ่ง เมื่อองค์การสหประชาชาติให้มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จัดกิจกรรมวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก ประจำปี 2554 ระหว่างวันที่ 12 ถึงวันที่ 14 พฤษภาคม 2554 ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และศูนย์การประชุมสหประชาชาติ (แอสแคป)

ทั้งนี้ เจ้าคุณพระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในฐานะประธานคณะกรรมการดำเนินการจัดกิจกรรมนานาชาติ ได้กล่าวในการแถลงข่าว ณ โรงแรม โซฟิเทล เซ็นทารา แกรนด์ ถ.พหลโยธิน จตุจักร กรุงเทพฯ (4 พ.ค.) ว่า เป็นการประชุมชาวพุทธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบปี เพราะว่าชาวพุทธทั่วโลกถือว่าวันวิสาขบูชาเป็นวันของพระพุทธเจ้า เมื่อประเทศไทยได้รับฉันทานุมัติให้เป็นเจ้าภาพ ชาวพุทธทั่วโลกก็จึงได้มาประชุมกันที่นี่ และก็ร่วมกันเฉลิมฉลองในโอกาสที่สำคัญสองประการคือ เนื่องในโอกาสครบ 26 ศตวรรษของการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า อีกประการหนึ่งชาวพุทธได้ร่วมเฉลิมฉลองพร้อมกับคนไทยทั่วประเทศในมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา โดยมีบุคคลสำคัญของโลกกว่า 5,000 รูป/คน มาประชุมกัน

ประธานคณะกรรมการดำเนินการจัดกิจกรรมนานาชาติกล่าวด้วยว่า มีการตั้งหัวข้อการประชุมครั้งนี้ว่าพุทธธรรมกับการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ เพื่อที่จะได้เป็นกรอบในการศึกษาพระราชจริยาวัตรและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระเจ้าอยู่หัว ว่าได้ทรงประยุกต์พุทธธรรมเพื่อพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจอย่างไร มีรายการที่ประกาศราชสดุดีโดยผู้นำชาว พุทธในประเทศและต่างประเทศ มีการเจริญ พุทธมนต์นานาชาติ ทั้งเถรวาท มหายาน ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อเป็นการถวายพระราชกุศล จึงเป็นเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ และเหนืออื่นใด ก็คือว่าการประชุมที่ศูนย์ประชุมสหประชาชาตินั้นจะมีชาวพุทธ ผู้นำทางการเมืองที่สำคัญมาร่วมการประชุม นอกจากฝ่ายประเทศไทยแล้ว ที่ตอบรับมาก็คือท่านนายกรัฐมนตรีของศรีลังกาก็จะบินมาร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย จึงถือว่าเป็นการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ที่จะมีผลในการทำกิจกรรมร่วมกันต่อไป ซึ่งผู้นำชาวพุทธก็จะประกาศวิธีการทำงานหรือแนวทางในการทำงานร่วมกันเรียกว่า การประกาศปฏิญญากรุงเทพฯ ในท้ายการประชุมในวันที่ 14 พฤษภาคม ผลของการประชุมจะมีการรายงานให้ทราบเป็นระยะในแต่ ละวัน ซึ่งมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้รับความร่วมมือจากบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กรมประชาสัมพันธ์ พร้อมด้วยหน่วยงานส่วนราชการ องค์กรทางพระพุทธศาสนาและองค์กรเอกชนให้ความสำคัญในการจัดกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งมีการถ่ายทอดระหว่าง วันที่ 12 ถึงวันที่ 14 พ.ค.2554 ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์ TNN2 (ทรูวิชั่นส์ 8)

                                 

เจ้าคุณพระธรรมโกศาลาจารย์ กล่าวด้วยว่า อยากจะเชิญชวน ชาวพุทธไทยและชาวพุทธทั่วโลกว่าเราร่วมฉลองในโอกาสนี้พิเศษ 3 อย่างด้วยกัน

1.ให้ชาวพุทธทั่วโลกได้เห็นว่าเราได้ถือโอกาสนี้กระทำพุทธบูชาและเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการประดับธงธรรมจักร ธงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วก็ประดับไฟเนื่องในวันวิสาขบูชาแล้วก็มีธงชาติอยู่ร่วมด้วยกัน

2.ทำดีถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำดีเป็นพุทธบูชาอยู่ใกล้วัดไหนไปเวียนเทียนที่วัดนั้น เข้าวัดฟังเทศน์ฟังธรรม ทำบุญกันให้มากแล้วก็ทำกันทั้งสัปดาห์ เป็นการเดินตามรอยพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

3.แสดงความกตัญญูกตเวที กตัญญูแปลว่ารู้คุณ กตเวทีแปลว่าประกาศคุณความดีให้ปรากฏ มาช่วยกันประกาศคุณของพระพุทธศาสนา ประกาศคุณของพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการที่เราเป็นคนมีความกตัญญูกตเวทีเป็นราชสดุดีได้นึกถึงคุณความดีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงประยุกต์พุทธธรรมเพื่อการพัฒนาประเทศไทยให้คนไทยได้อยู่ดีกินดีกว่า 60 ปีที่ทรงครองราชย์

ในวันพิธีเปิดวันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม 2554 เวลา 13.00 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงโปรดให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ เสด็จแทนพระองค์ทรงเปิดงานฯ ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
         
                       

ปิดท้ายด้วยคำควรคิด ปูชโก ลภเต ปูชํ ผู้ทำการบูชา ย่อมได้รับการบูชา
เจ้าคุณพระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ประธานคณะกรรมการดำเนินการจัดกิจกรรมนานาชาติ

การแถลงข่าวจัดกิจกรรมนานาชาติ วันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก ประจำปี 2554 โดยมีเจ้าคุณพระธรรมโกศาจารย์ และ ดร.กันทิมา กุญชร ณ อยุธยา จากบริษัท ทรูวิชั่นเคเบิ้ล จำกัด (มหาชน) ร่วมแถลงข่าว




บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 11.0.696.65 Chrome 11.0.696.65


ดูรายละเอียด
« ตอบ #19 เมื่อ: 10 พฤษภาคม 2554 11:30:52 »





สมเด็จ​พระ​สังฆราช'ประทาน​โอวาท​วิสาขบูชา54
วันที่ ๐๕/๐๕/๒๐๑๑   
"สมเด็จ​พระ​สังฆราช" ประทาน​พระโอวาท วัน​วิสาขบูชา 2554
เน้นให้บูชา​และ​น้อม​รำลึก​ถึง​พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อม​ทั้ง​พระธรรม​ และ​พระ​อริ​ยส​งฆ์ 
เพื่อ​น้อมนำ​มา​เป็น​ที่พึ่ง​ของ​ตน และใช้เป็น​แนวทาง ​ใน​การดำเนิน​ชีวิต...



เมื่อ​วัน​ที่ 3 พ.ค. สมเด็จ​พระ​ญาณ​สังวร สมเด็จ​พระ​สังฆราช สกล​มหา​สังฆปริณายก ประทาน​พระโอวาท วัน​วิสาขบูชา 2554 ซึ่ง​ตรง​กับ​วัน​ที่ 17 พ.ค. ใจความ​ว่า วัน​วิสาขบูชาเป็น​วัน​ที่​มี​ความ​สำคัญ​ที่สุด​สำหรับ​ พุทธศาสนิกชน​ทั่ว​โลก เพราะ​เป็น​วัน​ที่​พระสัมมาสัมพุทธเจ้า​ประสูติ ตรัสรู้ และ​ปรินิพพาน พระองค์​ทรง​เป็น​พระบรมศาสดา​ผู้​ทรง​เปี่ยม​ด้วย​พระ​คุณ​อัน​ประเสริฐ 3  ประการ คือ พระ​ปัญญา​คุณ พระ​บ​ริ​สุทธิ​คุณและ​พระ​มหา​กรุณาธิคุณ ต่อ​ทวย​เทพ มวล​มนุษย์​และ​สรรพ​สัตว์  เนื่องด้วย​พระ​พุทธศาสนา​มี​คุณูปการ​อัน​ใหญ่ ​หลวง ซึ่ง​อำนวย​ประโยชน์​เกื้อกูล​ความ​เจริญ​รุ่งเรือง​และ​ความ​สงบ​ร่มเย็น​ แก่​นานา​อารยชน​มา​ตลอด​ระยะ​เวลา​กว่า 2,500 ปี ฉะนั้น เมื่อ​วัน​วิสาขบูชา พุทธศักราช 2554 มา​ถึง ควร​ที่​เรา​ทั้งหลาย​จะ​ได้​ทำ​การ​บูชา​และ​น้อม​รำลึก​ถึง​พระสัมมา สัมพุทธเจ้า  พร้อม​ทั้ง​พระธรรม​และ​พระ​อริ​ยส​งฆ์  เพื่อ​น้อมนำ​มา​เป็น ​ที่พึ่ง​ของ​ตน  เป็น​แนวทาง​ใน​การ​ปฏิบัติ​ดำเนิน​ชีวิต  เพื่อ​ความ​ สวัสดี​และ​ความ​สงบ​ร่มเย็น​แก่​เพื่อน​ร่วม​โลก​สืบไป

ด้าน​นาย​สมชาย  เสียง​หลาย  ปลัด​กระทรวง​วัฒนธรรม กล่าว​ว่า ใน​งาน​สัปดาห์​ส่งเสริม​พระ​พุทธศาสนา เนื่อง​ใน​เทศกาล​วิสาขบูชา ประจำปี 2554 วัน​ที่ 11-17 พ.ค.​นี้ คณะ​กรรมการ​ฝ่าย​คัดเลือก​ผู้​ทำคุณ​ประโยชน์​ต่อ​พระ​พุทธศาสนา กรมการ​ศาสนา (ศ​น.) ได้​คัดเลือก​ผู้​ทำคุณ​ประโยชน์​ต่อ​พระ​พุทธศาสนา​ที่​สมควร​ได้​รับ​การ​ ยกย่อง​เชิดชู​เกียรติ​แล้ว 160 รูป/คน โดย​ผู้​ได้​รับ​ประกาศ​ยกย่อง​จะ​เข้า​รับ​พระราชทาน​เสา​เสมา​ธรรมจักร  จาก​สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ใน​วัน​ที่ 11 พ.ค.​นี้.



ภาพ/ข่าว ไทยรัฐออนไลน์
แหล่งข่าว : ส่วนเทคโนโลยีสารสนเทศ
http://www.mcu.ac.th/site/news_in.php?group_id=1&NEWSID=7266




บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า:  [1] 2   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
แสดงธรรม ณ.วัดอ้อน้อย วันวิสาขบูชา 28.05.2553 9.30 น.
ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
มดเอ๊ก 0 1936 กระทู้ล่าสุด 18 มีนาคม 2555 15:15:54
โดย มดเอ๊ก
ในเวลาเช้าของวันเพ็ญ เดือน 6 วันวิสาขบูชา
ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
時々๛कभी कभी๛ 0 1525 กระทู้ล่าสุด 28 พฤษภาคม 2555 23:30:34
โดย 時々๛कभी कभी๛
วันวิสาขบูชา - การสร้างรูปเคารพ
เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
ใบบุญ 0 1811 กระทู้ล่าสุด 12 กันยายน 2560 15:51:11
โดย ใบบุญ
[ไทยรัฐ] - วันวิสาขบูชา 2566 มีกิจกรรมอะไรบ้าง พร้อม 6 ข้อปฏิบัติชาวพุทธ ช่วยเสริมสิริมงคลให้ชี
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 78 กระทู้ล่าสุด 31 พฤษภาคม 2566 09:44:25
โดย สุขใจ ข่าวสด
วันวิสาขบูชา
เกร็ดศาสนา
ใบบุญ 0 197 กระทู้ล่าสุด 02 มิถุนายน 2566 15:31:57
โดย ใบบุญ
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 1.258 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 01 เมษายน 2567 05:25:35