หิมะม้วน ศิลปะอัศจรรย์จากธรรมชาติ

หิมะม้วน ศิลปะอัศจรรย์จากธรรมชาติ

วัตถุรูปทรงคล้ายเค้กโรลขนาดยักษ์ในทุ่งหิมะอันขาวโพลนคือวัตถุปริศนาที่ชวนให้มนุษยชาติตั้งข้อสงสัยว่ามันคืออะไรและใครเป็นคนสร้างมันขึ้นมา เจ้าสิ่งที่ดูคล้ายกับขนมแสนอร่อยนี้มีชื่อเรียกว่า “หิมะม้วน” (Snow Rollers) ครับ มันคือแผ่นหิมะที่กลิ้งไปบนพื้นจนมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ บางชิ้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง ๖๐ เซนติเมตรเลยทีเดียว และในบางครั้งมันยังทิ้งร่องรอยเส้นทางการเคลื่อนที่เอาไว้เบื้องหลังให้พวกเราได้ทึ่งกันอีกด้วย ว่าแต่ผู้ที่ไปผลักหิมะให้ม้วนจนดูคล้ายกับเค้กโรลคือใครกันแน่? ข้อเท็จจริงก็คือไม่ปรากฏ “รอยเท้า” ของมนุษย์คนใดในบริเวณนั้นเลยครับ แปลว่าผู้ที่รังสรรค์หิมะม้วนขึ้นมาย่อมต้องไม่ใช่ “มนุษย์” อย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นหิมะม้วนไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ในประเทศใดประเทศหนึ่งหรอกนะครับ แต่มีปรากฏให้เห็นในหลากหลายพื้นที่ของโลกที่มีหิมะโปรยปราย เช่นแคนาดา สหรัฐอเมริกา อังกฤษ รวมถึงประเทศอื่น ๆ ในทวีปยุโรปก็มีปรากฏการณ์นี้ให้เห็นเช่นกัน (น่าเสียดายครับที่ประเทศไทยของเราคงไม่มีโอกาสได้เห็น ยกเว้นว่าหิมะจะตกหนาเพียงพอเสียก่อนล่ะนะครับ)

คำถามต่อไปก็คือแล้วปรากฏการณ์หิมะม้วนในหลากหลายทวีปของโลกเช่นนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไรกัน?

ทุกวันนี้เราทราบดีแล้วครับว่าหิมะม้วนเกิดขึ้นได้อย่างไร และศิลปินผู้รังสรรค์ผลงานชิ้นนี้ก็คือ “ธรรมชาติ” นี่เองล่ะครับ หิมะม้วนเกิดจากการที่องค์ประกอบหลัก ๔ ประการเข้ามาประจวบเหมาะกันพอดี ทั้งหิมะ ความชื้น ลมและอุณหภูมิ ถ้ามีสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากหรือน้อยเกินไป งานศิลปะชิ้นนี้ก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นมาได้เลยครับ จุดเริ่มต้นของหิมะม้วนคือ “ลม” ที่พัดหิมะบนพื้นให้ “กลิ้ง” ไปข้างหน้า หรือถ้ามีเนินลาดก็จะทำให้หิมะกลิ้งตัวได้ง่ายยิ่งขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นหิมะก็ต้องมีความชื้นเพียงพอที่จะทำให้แผ่นหิมะยึดติดกับตัวมันเองได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่เหนียวเกินไปจนติดหนึบอยู่กับพื้น ความเร็วลมที่เหมาะสมควรอยู่ที่ประมาณ ๕๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพื่อผลักให้หิมะสามารถม้วนตัวเป็นรูปทรงกระบอกได้ ส่วนอุณหภูมิก็ควรจะอยู่ที่ระหว่าง ๓ ถึง ๕ องศาเซลเซียสเหนือจุดเยือกแข็งเพื่อให้หิมะคงสภาพและไม่ละลายรวดเร็วจนเกินไป หิมะม้วนจึงเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ “หาชมยาก” ที่นาน ๆ จะเกิดขึ้นมาสักครั้ง บางทีก็น่าสงสัยเหมือนกันนะครับว่า ถ้ามนุษย์ลองได้ไปม้วนหิมะแข่งกับธรรมชาติดูบ้างแล้วล่ะก็ ใครจะสร้างผลงานศิลปะชิ้นนี้ออกมาได้งดงามกว่ากัน?

ที่มา ต่วย'ตูน