[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
20 เมษายน 2567 16:34:34 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เณรเล่นดอกไม้ไฟจน “ไหม้วัด” วังหน้าทรงพระพิโรธรับสั่งให้สึกแล้ว “ประหารชีวิต”  (อ่าน 424 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2321


ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 102.0.5005.124 Chrome 102.0.5005.124


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 20 มิถุนายน 2565 14:02:09 »


“ไฟไหม้พระที่นั่งอมรินทราภิเษกมหาปราสาท พ.ศ ๒๓๓๒”
จิตรกรรมจากโคลงภาพพระราชพงศาวดาร วาดในสมัยรัชกาลที่ ๕


เณรเล่นดอกไม้ไฟจน “ไหม้วัด” วังหน้าทรงพระพิโรธรับสั่งให้สึกแล้ว “ประหารชีวิต”

ผู้เขียน - กันตพงศ์ ก้อนนาค
เผยแพร่ - ศิลปวัฒนธรรม
วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ.2565


“โจรปล้นบ้านสิบครั้ง ไม่เท่าไฟไหม้บ้านครั้งเดียว” เหตุจากอัคคีภัยถือเป็นภัยที่ร้ายแรงที่สุดอันดับต้นๆ ที่ไม่มีมนุษย์คนใดอยากจะเผชิญ ย้อนกลับไปช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชมหาราช รัชกาลที่ 1 สืบค้นในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค) จะพบว่าเหตุอัคคีภัยในรัชสมัยนี้มีอยู่อย่างน้อย 3 ครั้งที่เกิดขึ้นในพระนคร และเพลิงไหม้แต่ละครั้งก็เป็นที่มาของการเปลี่ยนแปลงของสถานที่ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีในปัจจุบัน

เหตุเพลิงไหม้แรกสุด คือเพลิงไหม้ภายในพระบรมมหาราชวัง หลักจากแรกสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ไม่นาน เมื่อ พ.ศ.2332 วันนั้นมีฝนตกเกิดฟ้าผ่าลงหน้ามุขเด็จพระที่นั่งอมรินทราภิเษกมหาปราสาท พระที่นั่งองค์นี้เป็นพระที่นั่งไม้ที่สร้างถ่ายแบบพระที่นั่งสรรเพชญ์มหาปราสาทของกรุงศรีอยุธยาใช้ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ 1 เพลิงไหม้ครั้งนั้นสร้างความเสียหายให้แก่พระที่นั่งองค์นี้เป็นอย่างมากถึงแม้สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคล พระบรมวงศานุวงศ์ สมเด็จพระสังฆราช พระผู้มีสมณศักดิ์ช่วยกันเกณฑ์คนมาดับไฟแต่ก็ไม่ทันการณ์

ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีอยู่บ้าง สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชดำรัสให้ข้าราชการช่วยกันนำพระราชบัลลังก์ลงมาทัน เมื่อเพลิงดับสนิท พระองค์พระปริวิตกว่าเหตุร้ายที่เกิดขึ้นจะเป็นอวมงคลแก่บ้านเมืองหรือไม่ สมเด็จพระสังฆราช และพระราชาคณะ พร้อมกันถวายพระพร พร้อมทูลให้ขุนหลวงคลายพระปริวิตกว่า “อสนีบาตตกลงที่ใดย่อมถือว่าเป็นมงคลนิมิตรแม้จะเสื่อมเสียทรัพย์สมบัติ ก็เสียเท่าที่ต้องอสนีภัย”

เหล่าพระราชาคณะหาเหตุผลมาทำให้ทรงมีกำลังพระราชหฤทัยอีกว่า บางที่ฟ้าผ่าต้องกำแพงเมืองต่อให้มีข้าศึกมาประชิดพระนครก็ต้องพ่ายแพ้ไป หรือบางทีฟ้าผ่าต้องช้าง แต่เมื่อทำศึกก็ได้บ้านได้เมืองก็มี จึงไม่ใช่เรื่องไม่ดีแต่เป็นเรื่องมงคลมากกว่าที่จะเกิดขึ้นในบ้านเมือง ส่วนข้าราชการก็เห็นพ้องต้องกันกับพระสงฆ์

เมื่อคลายพระราชปริวิตกพระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมุหนายกเป็นแม่กองรื้อซากพระที่นั่งที่ถูกไฟไหม้ออกแล้วสร้างพระมหาปราสาทขึ้นใหม่ “พระมหาปราสาทองค์ใหม่นี้ยกออกมาตั้ง ณ ที่ข้างหน้าทั้งสิ้น มุขทั้ง 4 นั้นก็เสมอกันทั้ง 4 ทิศ ใหญ่สูงเท่าพระที่นั่งสุริยาศอมรินทร์กรุงเก่า….ครั้นการพระมหาปราสาทลงรักปิดทองเสร็จแล้ว จึงพระราชทานนามปราสาทองค์ใหม่ว่า พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท” พระที่นั่งองค์ดังกล่าวมีความสำคัญใช้เป็นที่ประกอบพระราชพิธีสำคัญมาหลายรัชกาล รวมทั้งพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9

ร่วมสิบปีจากเหตุเพลิงไหม้ในพระบรมมหาราชวัง พ.ศ.2343 พระราชพงศาวดารได้บันทึกไว้เพียงสองบรรทัด แต่เมื่อดูสถานที่เกิดเหตุจะพบว่าเพลิงไหม้ครั้งนี้กินพื้นที่วัดสามปลื้มไหม้จนถึงตลาดน้อยวัดสำเพ็ง โดยไม่ได้บอกรายละเอียดการเกิดเพลิง ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับราษฎรนับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่เราอาจจะทราบได้ว่าทางการมีวิธีการแก้ไขปัญหาบรรเทาความลำบากของราษฎรอย่างไรบ้าง

ถัดมาอีกหนึ่งปีเพลิงไหม้ก็เกิดขึ้นอีก แม้ว่าจะไม่ได้ร้ายแรงเท่าสองครั้งที่ผ่านมาแต่ด้วยสถานที่เกิดเหตุเป็นวัดที่กรมพระราชวังบวรสถานมงคลทรงคุ้นเคยนั้นคือ วัดสลักหรือวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ราชวรมหาวิหาร กรมพระราชวังบวรสถานมงคลทรงขอพระราชทานนามพระอารามจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชว่า “นิพพานาราม” วัดแห่งนี้เป็นที่สังคายนาพระไตรปิฎกในปี พ.ศ.2331 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าเปลี่ยนนามวัดเป็น “วัดพระศรีสรรเพชญ์” ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็น “วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ราชวรมหาวิหาร” และเป็นวัดมหาธาตุ

และในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดให้เพิ่มสร้อยนามพระอารามเพื่อเฉลิมพระเกียรติยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชพระองค์แรกว่า “วัดมหาธาตุ ยุวราชรังสฤษฎิ์” เหตุมีอยู่ว่าเกิดเพลิงไหม้มณฑปวัดพระศรีสรรเพชญ์ด้วยพระสงฆ์สามเณรศิษย์วัดจุดดอกไม้ไฟเล่น เพลิงนั้นไหม้พระมณฑปเหลือแต่ผนัง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและกรมพระราชวังบวรสถานมงคลทรงเร่งมาช่วยกันดับเพลิงที่ลุกไหม้

ด้วยสมเด็จพระอนุชาธิราชหรือกรมพระราชวังบวรสถานมงคลทรงเป็นคนอารมณ์ร้อน ทรงพระพิโรธเป็นอย่างมาก ให้ชำระเอาความผู้จุดดอกไม้ไฟมาให้ได้ จนได้สามเณรรูปหนึ่ง มีนามว่า “วัด” เป็นผู้จุดดอกไม้ไฟ รับสั่งให้สึกออกจากการเป็นสามเณรแล้วให้นำไปประหารชีวิตเสียในค่ำวันนั้น แต่นับเป็นโชคของสามเณรวัดที่ไม่ต้องเสียหัว สมเด็จพระสังฆราชทรงขอพระอนุชาธิราชให้ไว้ชีวิต

เมื่อพระราชวังบวรสถานมงคลคลายพระพิโรธแล้วจึงไว้ชีวิตสามเณร ภายหลังสามเณรผู้นี้เป็นพระครูอยู่ที่สมุทรปราการ ส่วนพระมณฑปนั้นโปรดให้ทำเป็นหลังคาจัตุรมุขแทน

ทั้งสามกรณีที่เกิดขึ้นทำให้เข้าใจความจริงที่ว่า “ความประมาทเป็นหนทางไปสู่หายนะ” เมื่อภัยร้ายเกิดขึ้น ความสมัครสมานสามัคคียามเกิดภัยก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน พระมหากษัตริย์ เชื้อพระวงศ์ พระภิกษุ และประชาชนต่างต้องช่วยเหลือให้รอดพ้นวิกฤตไปได้ด้วยความสงบและการให้กำลังใจเมื่อเกิดภัยเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ประสบเคราะห์นั้นคลายกังวลพร้อมเดินไปข้างหน้าได้

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.33 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 12 มกราคม 2567 23:18:18