[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 20:23:26 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ฤ การศึกษาไทยจะมาผิดทาง  (อ่าน 1753 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪
ลั้ลลา
ผู้ดูแลบ้านสุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +8/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 2097


【ツ】ต้นไม้แห่งแสง

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 6.0 Firefox 6.0


หน้ากู
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 14 กันยายน 2554 09:58:23 »



ความไม่แน่ใจในเรื่องการศึกษาของลูกหลานในยุคนี้ ส่งผลทำให้เกิดคำถามมากมายที่เกี่ยวข้องกับระบบการศึกษาของประเทศไทย ว่าแน่ใจแล้วหรือว่าสิ่งที่เด็กๆ ได้รับนั้น เป็นสิ่งที่เด็กๆ ควรได้รับ เป็นสิ่งที่เหมาะสมและถูกต้องที่สุดสำหรับอนาคตของเด็กๆ ในวันหน้า แน่ใจแล้วหรือว่าหลักสูตรการเรียนการสอนที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ สามารถวัดความสำเร็จในชีวิต หรือสามารถทำให้เด็กวันนี้ที่จะกลายเป็นอนาคตของชาติได้ดำรงชีวิตตามหนทางที่เด็กคนนั้นควรจะเป็นและดีที่สุด หรือเพียงแค่ ปริญญาหนึ่งใบ สองใบ หรือสามใบจะสามารถวัดมาตรฐานความสามารถของคนหนึ่งคนได้จริง

        ในทางกลับกันการดำรงชีวิตในอนาคต การเลือกอาชีพที่ตัวเองสนใจ เรื่องราวของการเข้ากับสังคม วัฒนธรรมพื้นถิ่น รากเหง้าความเป็นมาของตัวเอง และการเอาชีวิตให้รอดในยุคสมัยที่มีการแข่งขันสูง สิ่งเหล่านี้ได้เลือนหายไปกับหลักสูตรการเรียน เพื่อมุ่งสอบแข่งขันเข้ามหาวิทยาลัย การเรียนที่มุ่งหมายคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงๆ ทำให้เด็กต้องเรียนรู้แต่ในตำราเรียน ท่องและจำ เพื่อการทำข้อสอบให้ได้คะแนนที่ดีที่สุด โดยที่อาจจะไม่รู้เลยว่าวิชาที่ต้องท่องและจำเหล่านั้น สามารถนำไปประกอบวิชาชีพของตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน แล้วสามารถวัดความเก่งได้จริงหรือไม่

        ระบบการศึกษาไทยอาจจะมุ่งไปในเรื่องที่ผิดทาง เพราะมุ่งแต่จะผลิตคนเก่งแต่ในตำรา วัดคนที่ข้อสอบ ส่งผลให้เด็กคิดแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและปัญหาอื่นๆ ไม่เป็น โลกทัศน์แคบ เพราะสิ่งนี้ไม่มีในบทเรียนท่องจำ ฝึกฝนกันในห้องเรียนไม่ได้ หากเด็กจะเกิดการเรียนรู้ กิจกรรมคงเป็นหนทางที่ช่วยฝึกประสบการณ์ทางด้านชีวิตให้พวกเขาได้เรียนรู้โลกกว้างอย่างเต็มรูปแบบ อาจจะได้ผลไม่มากก็น้อย

        ระบบการศึกษาไทยให้ความสำคัญกับตัวเลข จนละเลยมิติด้านอื่น ไม่ว่าจะเป็นการประเมินโรงเรียน มาตรฐานที่เกี่ยวกับผู้เรียน ก็ล้วนอาศัยตัวเลขในการประเมินการเรียนรู้ของเด็กว่า อยู่ในระดับใดมากกว่าที่จะสนใจว่าเด็กคิดเป็นมากน้อยแค่ไหน

        จากการที่ให้ความสำคัญของตัวเลข จึงทำให้กระบวนการเรียนการสอนในโรงเรียนนั้นได้มุ่งเน้นไปที่ "การสอบ" สารพัดที่จะต้องสอบตลอดทั้งปีการศึกษา ส่งผลให้เด็กต้องผูกชีวิตติดไว้เพื่อเตรียมตัวในการสอบ และเท่านั้นยังไม่พอ หากเรียนแล้วยังได้คะแนนไม่พอ ต้องไปเรียนเพิ่ม ณ โรงเรียนกวดวิชาสำหรับการเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ที่ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด ที่มุ่งสอนจากข้อสอบเก่า เพียงเพราะต้องการให้เด็กสอบเข้ายังมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศได้ ถือว่าประสบความสำเร็จ

        ในทางกลับกัน มองย้อนมาที่ครูผู้สอน ครูผู้ที่ถ่ายทอดประสบการณ์และสิ่งดีๆ ให้กับนักเรียน ครูสามารถเลือกปฏิบัติการในการสอนประสบการณ์ชีวิต และสอนการดำรงชีวิตให้เด็กได้ เพราะสัปดาห์หนึ่ง เด็กหนึ่งคนจะใช้ชีวิตอยู่ที่โรงเรียนหมดไปแล้วกว่า 5 วัน เวลาส่วนใหญ่ของพวกเขาติดอยู่กับโรงเรียน ครู
และเพื่อนๆ

        ครูเป็นประการด่านแรกที่จะบ่มเพาะเด็กคนหนึ่ง ปัญหาอยู่ที่ครูโรงเรียนของกระทรวงฯ เคยชินกับกระบวนการ แผนการสอนตามตาราง สอนบนกระดานดำ สอนในกระดาษมามาก จนกระทั่งทำให้แนวคิดของครูติดกรอบ การดิ้นรนใหม่กลายเป็นภาระและเรื่องยุ่งยาก ในขณะที่ความเบื่อหน่ายบนใบหน้าของเด็ก เป็นส่วนกระตุ้นให้เขาต้องอยากคิด อยากพัฒนา แต่เขาไม่ทำ เมื่อครูไม่อยากมีภาระ

        ครู เข้าสู่ระบบราชการ กินเงินเดือน หากต้องการเลื่อนขั้นก็ต้องทำงานวิจัย หรือทำเอกสารรองรับการตรวจประเมินคุณภาพการศึกษาทั้งภายในและภายนอก เวลาที่ใช้ในการสอน และงานวิจัยครู จึงลดลงตามสัดส่วนของเวลาที่ใช้ไปในการทำเอกสาร สาเหตุเพียงเพราะระบบประเมินคุณภาพการศึกษาไทยถูกออกแบบมาให้ตรวจเป็นเอกสารนั่นเอง แล้วแบบนี้ครูจะสามารถแบ่งเวลามาแก้ปัญหาการเรียนรู้ของนักเรียนได้อย่างไร หากเป็นในรูปแบบนี้ตลอดไปแล้วจะมีวิธีการอย่างไรที่จะสามารถคัดคนเก่ง และคนดีๆ มาเป็นครูได้ นี่คืออีกปมปัญหาของการวางรากฐานการปฏิรูปการศึกษาไทยในอนาคต

        วังวนของเด็กนักเรียน จะติดอยู่กับตำรา การท่องจำ และความเกรงกลัวว่าคะแนนสอบจะตก หรือจะทำคะแนนได้ไม่ดี คนเก่งในสายตานักเรียนด้วยกัน ที่เริ่มตั้งแต่ ป.1 กระทั่งมหาวิทยาลัยปีที่ 4 คือ คนที่ได้ที่ 1 หรือคนที่ได้คะแนนที่ดีที่สุดของห้อง ในขณะเดียวกันเด็กที่สนใจเพียงในเรื่องเฉพาะทาง สนใจในกิจกรรมต่างๆ หรือสนใจเพียงบางเรื่อง กลับโดนมองว่าเป็นเด็กที่ไม่สนใจการเรียน ไม่เก่ง ไม่ฉลาด เด็กหลังห้อง เด็กเกเร ทำให้เด็กเหล่านั้นขาดความมั่นใจในวิชาเฉพาะด้านของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดายเป็นอย่างมาก ทั้งๆ ที่ระบบความคิดการเอาชีวิตรอดของพวกเขาอาจสูงกว่าเด็กที่สอบได้ที่ 1 ด้วยซ้ำ

        การสอบให้ได้คะแนนดีๆ หรือการสอบเพื่อให้ได้เข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศได้นั้น อาจจะดีสำหรับเด็กและผู้ปกครองบางคน แต่คะแนนที่ดีที่สุด อาจจะไม่ใช่ตัวชี้วัดหรือสอดคล้องกับการมีคุณธรรม จริยธรรมของเด็กได้ดีที่สุด เพราะอาจจะไม่ใช่ทิศทางของการพัฒนาการศึกษาของเด็กไทยเลยก็ว่าได้

        ผู้ปกครองหลายคนเริ่มมีความเชื่อว่า การเป็นคนที่สมบูรณ์ได้ ไม่จำเป็นต้องเรียนทุกอย่างตามหลักวิชาการก็ได้ เพราะระบบการศึกษาไทยที่มุ่งเน้นการสอบ อาจส่งผลให้เด็กมีพฤติกรรมแก่งแย่งชิงดี สอนให้คนชอบแข่งขันกัน เหยียดหยาม มีแต่เอาหลักวิชาการมาพูด มาชี้วัด อันนำไปสู่ความเห็นแก่ตัว ซึมซับบริโภคนิยม และเริ่มห่างไกลจากการดำรงชีวิตอย่างเป็นสุข และการเป็นคนดีให้กับสังคม

ระบบการศึกษาไทยจะผิดทางหรือไม่นั้น คงอยู่ที่ดุลยพินิจของผู้ปกครองแล้วว่า หนทางการเรียนรู้ชีวิต และการดำรงชีวิตในอนาคตของบุตรหลานจะฝากไว้กับระบบการศึกษาไทยได้หรือไม่



ขอขอบคุณ :
Be Magazine

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

เราช่วยกันนำต้นรักที่เพาะได้
   ส่งไปตาม บ้านที่ต้องการ
       อยากจะได้...
   หรืออยากจะเติม
คำค้น: การศึกษา ความรู้ เรียน ไทย ประเทศไทย 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.296 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page วานนี้