[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 มีนาคม 2567 15:55:14 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ขอเลื่อนวันตายไปก่อนได้ไหม.....  (อ่าน 1513 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ขม..ค่ะึึ
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 1014


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.5.9 Firefox 3.5.9


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 20 พฤษภาคม 2553 10:35:35 »



ขอเลื่อนวันตายไปก่อนได้ไหม.....

กระท้อนเป็นนักข่าว อยู่ที่นิตยสารโลกก้าวหน้า
มีคนรักชื่อนพดล ซึ่งเขายังไม่ได้หย่าขาดจาก วิวรรณ ภรรยาเก่า
แต่ก็ตกลงแยกทางเดินกันนานแล้ว
นพดลมีอาชีพเป็นช่างภาพ อยู่ที่นิตยสารโลกก้าวหน้าด้วยเช่นกัน
วันหนึ่งเมื่อไปสัมภาษณ์บุคคลดังผู้หนึ่ง ซึ่งกำลังตกเป็นข่าว
เป็นที่กล่าวขานกันอย่างเกรียวกราว เกี่ยวกับการทุจริต
และพัวพันการคอรัปชั่นของสส.หลายคน
และจากวันนั้นเป็นต้นมากระท้อนก็เริ่มฝันร้าย..

ดึกสงัดทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยความเงียบ
กระท้อนขยับตัวอยู่ในความมืดสลัวของห้องนอน
นัยน์ตาของหล่อนปิดสนิท แต่หัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน
เสียงหายใจแรงๆ พร้อมกับเคลื่อนไหวร่างอย่างกระสับกระส่าย
แสดงให้รู้ว่า หล่อนกำลังตกอยู่ในห้วงฝันร้ายที่น่ากลัว

อากาศโดยรอบค่อนข้างเย็นแถมเปิดพัดลมไว้
เครื่องเดินเงียบสนิทแทบไม่ได้ยินเสียง
แต่กระท้อนก็ยังลุกลนไปมา สีหน้าหมกมุ่นราวกับอึดอัดแทบขาดใจ
ศีรษะได้รูปสวยที่ส่ายไปมาบนหมอนพร้อมกับริมฝีปากที่ขมุบขมิบ
เหมือนกำลังคุยกับใครบางคน ทว่ากลับไม่ได้ยินเสียงหล่อนลอดออกมา
นอกจากเสียงครางเบาๆดังอย่างชัดเจนเป็นระยะๆ

การขยับตัวของหญิงสาวเริ่มแรงและทุรนทุรายขึ้น หน้านิ่วคิ้วขมวดจนดูเหยเก
พร้อมกับดิ้นรนราวกับพยายามจะปลดอะไรบางอย่างที่รัดแน่นตรงลำคอระหง
จนต้องใช้สองมือมือขึ้นแกะวุ่นวายพัลวันไปหมด

และแล้วเสียงที่อัดอั้นไว้นานของกระท้อนก็ดังออกมาราวกับคนตะโกน “ช่วยด้วย!!”
จากนั้นร่างทั้งร่างกระตุกพรืด ลืมตากว้างสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย!!

หญิงสาวยกมือขึ้นลูบหน้าที่ชื้นด้วยเหงื่อ
ใจยังเต้นสั่นระริกผิดปรกติ ราวกับจะทะลุออกมานอกอก
แต่ทั้งๆที่เหงื่อซึมเต็มหน้า กระท้อนกลับรู้สึกหนาวจนสั่นสะท้าน..
ราวแช่ร่างอยู่ในถังน้ำแข็งก็ไม่ปาน

หล่อนมองมือเท้าที่ซีดขาวโพลนของตัวเอง..ช่างเหมือนคนตายไม่มีผิด
ความรู้สึกเกรงกลัวดำรงอยู่ได้เพียงครู่
สาวงามก็สูดลมหายใจเข้าแรงๆใช้มือยันกับที่นอน
พยุงตัวลุกขึ้นนั่งอย่างยากเย็น
จากนั้นค่อยเอื้อมมือไปกดสวิทซ์ไฟที่หัวเตียง
ความสว่างของแสงขับไล่ความมืดสลัวออกไปจากห้องทันที

กระท้อนเหลียวไปมองรอบห้อง แล้วถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก
รอยอุ่นๆเริ่มซึมกระจายทั่วกายอีกครั้ง หน้าเริ่มมีเลือดฝาดตามเดิม
หล่อนลุกไปรินน้ำเย็นที่เหยือกน้ำใบย่อมบนโต๊ะเครื่องแป้ง ยกดื่มอย่างกระหาย
พร้อมกับครุ่นคิดไปถึงฝันร้ายเมื่อครู่....

ภาพในความฝันไม่ใช่เหตุการณ์แปลกใหม่
ยังคงซ้ำซากเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา
แต่คนประสาทแข็งอย่างหล่อน กลับรู้สึกราวอาบรังสีความกลัวเข้าให้แล้ว
และเป็นรังสีความกลัวชนิดจับจิตจับใจ จับไปทั่วรูขุมขนทุกเส้น
จนเกิดอาการตั้งชันโดยพร้อมเพรียงกันได้เสียด้วย

สามปีกับอาชีพนักข่าวที่มักเจอคนหลากอาชีพ
กับสามปีที่พัวพันปัญหาคาราคาซังของคนรักที่ยังไม่หย่าขาดจนแล้วจนรอด
เคยทำให้กระท้อน “พะบู๊” ชนิดถือไม้ถึงมือกับคนหลายคน
รวมไปถึงการบุกไปที่ทำงานและที่บ้านเพื่อทำร้ายภรรยาเก่าของนพดลอยู่หลายครั้ง
หลังจากที่ขอร้องและข่มขู่เธอให้เธอยอมหย่าไม่สำเร็จ
แต่สาวสวยอย่างกระท้อนก็ไม่เคยกลัวใครย้อนกลับมาแก้แค้น...เท่ากับการกลัวความฝันในครั้งนี้

บ้านส่วนตัวของนายบรรจบเสี่ยปั้มน้ำมันคนดังที่ไปสัมภาษณ์อยู่ในซอยส่วนบุคคล
ที่หน้าปากซอยมีคอนโดฯ สร้างใหม่ที่หรูหรา
และมีเครื่องอำนวยความสดวกสบายกับคนทำงานมากมายหลายอย่าง
ไม่ว่าจะอาหารการกิน หรือการคมนาคมติดต่อ มีรถรับจ้างตลอด24ชั่วโมง มียามดูแลอย่างแข็งขัน
และที่สำคัญ นพดลคนรักของหล่อน ก็มีห้องพักอยู่ที่นี่กับวิวรรณภรรยาเก่า

ห้องชุดห้องนั้นเป็นของขวัญวันแต่งงาน ที่พ่อแม่ออกเงินซื้อให้นพดล
ปัจจุบันเป็นแค่ที่พักของวิวรรณกับลูกสองคน
และยายจันมาอยู่ที่คอนโดฯกับวิวรรณ
ในตอนที่นพดลเก็บข้าวของย้ายมาอยู่กับกระท้อนที่คอนโดฯเช่าได้สองอาทิตย์

ยายจันมาจากไหนคุณยายของวิวรรณอาจจะรู้
เพราะคุณยายเป็นผู้ให้มาอยู่ร่วมบ้านเป็นคนแรก
ยายจันก็เป็นคนเลี้ยงดูแม่ของวิวรรณมาแต่เด็ก
เมื่อแม่ของวิวรรณแต่งงานกับพ่อ....ยายจันก็ขอแยกตัวกลับไปบ้านซึ่งอยู่ในป่าลึก
แม้ว่าแม่ของวิวรรณจะตั้งใจ รวมทั้งขอร้องให้ไปอยู่ด้วยกันที่บ้านก็ตาม
ยายจันก็ยังคงยืนกรานจะขอกลับไปอยู่บ้านป่านั่นเอง

แต่เมื่อแม่เจ็บท้องได้เวลาคลอดวิวรรณ พ่อรีบนำแม่ไปส่งที่โรงพยาบาล
แม้ว่าจะเร็วไม่น้อย เพราะว่าโรงพยาบาลอยู่ซอยถัดจากบ้านวิวรรณเพียงซอยเดียว
แต่ก็ยังช้ากว่ายายจันที่ยืนคอยเป็นกำลังใจให้แม่ที่ห้องคลอดแล้ว
และอีกครั้งในวันที่แม่ตาย ยายจันก็เดินทางมารอที่หน้าวัด
โดยที่ไม่มีวี่แววให้รู้ว่ายายจันมาและไปอย่างไร
เพื่อปลอบโยนวิวรรณ...
หลังจากเผาศพแม่แล้วยายจันก็หายไป

ยายจันไปอยู่ที่ไหนวิวรรณไม่เคยรู้
ไม่เคยมีโอกาสได้ส่งข่าวบอกเล่าเรื่องราวทางบ้าน ให้ยายจันได้รับรู้สักที
ไม่ว่าจะเป็นการป่วยของแม่ ที่อาการหนักจนเพ้อเรียกหายายจันอยู่หลายหน
หรือวันที่เธอแต่งงานกับนพดล ซึ่งพ่อสั่งให้เธอจดหมายไปเชิญยายจันด้วย
แต่วิวรรณมัวยุ่งกับข้าวของในวันแต่งงานจนลืมติดต่อไปหา
จนลูกชายคนโตของวิวรรณครบแปดขวบและคนเล็กครบห้าขวบ ได้เข้าเรียนประจำที่โรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่ง
ซึ่งวิวรรณจะไปรับกลับบ้านเฉพาะวันหยุดเท่านั้น ยายจันที่ไม่เคยปรากฎตัวมานาน

วันหนึ่ง...
ยายจันก็มายืนรอเธอที่หน้าคอนโดฯ
ในเย็นวันที่เธอกลับจากส่งลูกทั้งคู่เข้าโรงเรียนประจำในสัปดาห์นั้นแล้ว

“ยายมาอยู่เป็นเพื่อนหนูวรรณได้ระยะหนึ่ง และขอให้เชื่อยายไม่ต้องหย่ากับสามีนะ”

วิวรรณฟัง..และไม่สงสัยคำพูดยายจันมานานหลายปีแล้ว
รวมทั้งการที่ยายจันรู้ว่าเธออยู่ที่ไหนและมีเหตุการอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตเธอบ้าง
เพราะ...วิวรรณไม่อยากเสียเวลาคิด รู้แค่ทุกครั้งที่เธอจะเอ่ยปากบอกเล่าอะไรก็ตาม
ยายจันเป็นต้องตอบสวนมาก่อนทุกที ราวกับทุกเหตุการณ์ยายจันอยู่ในนั้นด้วยเสมอ

ตอนนี้วิวรรณรู้แค่ว่ายามเธอทุกข์...
ยายจันจะขจัดความทุกข์เหล่านั้นให้เธอได้หมด ราวกับ..เป็นเทวดาประจำกาย
ยายจันอายุเท่าไร วิวรรณก็ไม่เคยแน่ใจ
รู้แค่ทุกครั้งที่พบยายจันจะอยู่ในวัยชราราว 70 เหมือนที่พบเห็นคนแก่ทั่วๆไป
ผมสีเทาเงินที่ตัดสั้นแค่หู กับเรือนร่างผอมบางที่เดินเหินกระฉับกระเฉง คล่องแคล่วแข็งแรง
หลังตรงไม่งอค่อม ส่วนที่สะดุดตาคนมากที่สุด อยู่ที่ดวงตาที่คมกริบ
มีประกายวาวประหลาด ไม่ขุ่นมัว อ่อนล้าเหมือนตาคนชราทั่วๆไป
อีกอย่างเสียงพูดที่แหลมเล็กราวเสียงเด็กๆ
แค่ได้ยินเพียงครั้งเดียวก็ไม่มีใครลืมยายจันได้อีกเลย

“วรรณเชื่อยายจ๊ะ ไม่หย่า คงรออีกไม่นานเขาก็คงกลับมาเป็นพ่อที่ดีของลูกวรรณได้เหมือนเดิม ใช่ไหมจ๊ะยาย”

ยายจันเพียงส่งรอยยิ้มให้ แค่นี้หญิงสาวก็พอใจแล้ว
วิวรรณยังจำพูดของแม่ได้เสมอ ทุกครั้งที่เกิดปัญหาที่แม่แก้ไม่ตก
แม่เพ้อบ่นราวคนเสียสติ ซึ่งแม่บอกว่านั่นคือการสวดมนต์ภาวนาของแม่
และไม่นานเธอก็จะพบว่า แม่ยิ้มแย้มแจ่มใสได้เหมือนเดิม
แม่บอกว่ายายจันได้เดินทางมาช่วยคลี่คลายปัญหาให้แม่แล้ว

ก่อนแม่สิ้นใจ
แม่เรียกวิวรรณเข้าไปหาในห้องหยิบแหวนไม้เก่าๆ มาวงหนึ่ง
สั่งให้วิวรรณร้อยกับสร้อยคอพกติดตัวไว้เสมอ
ยามใดที่มีเรื่องเดือดร้อนใจยากแก้ไข ให้ระลึกถึงยายจันแล้วยายจันจะเดินทางมาช่วย
วิวรรณรับปากแม่ทั้งๆที่ไม่เคยเข้าใจความหมายของแม่และยายจันสักที
แต่เธอก็เชื่อคนทั้งสองมาตลอด
ครั้นยายจันสั่งห้ามหย่า
เธอก็ไม่หย่ากับนพดลตามที่เคยตกลงกันก่อนหน้านั้นไว้

“เธอ จะบ้าไปถึงไหนนะวรรณ เราทั้งคู่ต่างหมดรักกันนานแล้ว
เธอจะกอดทะเบียนสมรสใบนั้นต่อไปทำไมให้แสลงใจ ในเมื่อทุกวันนี้ผมก็ไปอยู่กับกระท้อนจนคนรู้กันทั่วแล้ว”

วิวรรณไม่ยอมให้เหตุผลใดๆกับการที่เธอคืนคำ
ทำให้กระท้อนไม่สามารถพานพดลไปนราธิวาสเพื่อพบบิดามารดาทำการสู่ขอสักที
อีกทั้งบางสัปดาห์วิวรรณมักโทรฯไปขอร้องให้นพดลมาดูลูกๆที่งอแงร้องหาพ่อ
ทำให้กระท้อนซึ่งเป็นสาวอารมณ์ร้อนโมโหหึงอยู่บ่อยๆ
เคยตามมาทุบตีวิวรรณที่คอนโดฯก็หลายหน

กระท้อนเห็นยายจันเป็นครั้งแรก
ในวันที่ไปสัมภาษณ์นายบรรจบคนดังของสังคมพร้อมนพดล
เมื่อเสร็จสิ้นงานสัมภาษณ์ในบ่ายวันนั้น
นพดลเกิดนึกอยากกลับไปเอาอุปกรณ์กล้องบางชิ้น
ที่เก็บไว้ที่ห้องเก็บของที่ในคอนโดฯของเขา
ซึ่งเขารู้ดีว่าบ่ายๆเช่นนั้นไม่มีใครอยู่
เพราะวิวรรณไปทำงานจึงชวนกระท้อนขึ้นไปด้วย

แต่เมื่อเปิดห้องเข้าไปทั้งหล่อนและนพดล ต้องตกใจเป็นอย่างยิ่ง
ที่ยายจันทักทายคนทั้งคู่ได้ถูกต้อง ทั้งชื่อและนามสกุล
ทั้งๆ ที่หล่อนมั่นใจว่าไม่เคยพบคนแก่คนนี้มาก่อน
และที่แปลกแถมน่ากลัวยิ่งขึ้น
ตรงที่ยายจันเดินมาเอ่ยเบาๆที่ข้างหูหญิงสาวว่า

“คุณกระท้อนอีกสามวัน ที่คุณจะแอบเข้าบ้านนายบรรจบ เอาหมวกกันน็อต ติดมือเข้าไปด้วยนะคะ”

กระท้อนอึ้งไปนาน
จนนพดลเดินออกมาจากห้อง พร้อมอุปกรณ์กล้องสามชิ้นนั้น เขากระซิบถามคนรักว่า

“กระท้อนรู้จักยายคนนี้ด้วยหรือครับ ผมเพิ่งเคยเห็นญาติวรรณก็ครั้งนี้แหละ”

กระท้อนงงเป็นไก่ตาแตกทันที
ยายคนนี้ทำไมรู้จักหล่อนและนพดลนะ รวมทั้งรู้เรื่อง“อีกสามวัน”
ซึ่งเป็นความลับเฉพาะของหล่อนกับนพดล
และบรรณาธิการผู้เป็นทั้งเจ้าของนิตยสารโลกก้าวหน้าด้วย

การแอบปีนเข้าไปหลบที่สวนของนายบรรจบ
ในยามราตรีเพื่อสืบความเคลื่อนไหวบางอย่าง
ที่ตกเป็นข่าวลือเกี่ยวกับการคอรัปชั่นของนายบรรจบนั้น
เป็นเรื่องซ่อนอันตรายอยู่ไม่น้อย
ถ้ากระท้อนไม่ใช่เคยฝึกวิชาป้องกันตัวมาจากกรมตำรวจบ้าง
คงไม่กล้าเสนอหน้าเข้าไปเสี่ยงกับงานนี้แน่
เรื่องลับแค่ 3 คนรั่วไหลไปให้ยายจันรู้ได้อย่างไรกันนะ?
กระท้อนที่เคยสอบเข้ารับราชการเป็นตำรวจอยู่พักหนึ่ง
เริ่มครุ่นคิดทันที

แต่อย่างไรก็ตามกระท้อนก็นำหมวกกันน็อค
ที่ใช้ตอนขับมอเตอร์ไซด์ถือติดมือเข้าไปด้วย
ในคืนนั้นหลังจากหญิงสาวแอบจอดรถไว้ตรงบ้านของคนฝั่งตรงข้ามกับบ้านนายบรรจบ
โดยอาศัยความมืดสลัวของพุ่มไม้ที่เจ้าของปลูกจนยาวเลื้อยเกาะติดรั้วมาปิดบังตัวรถแล้ว
หล่อนก็ลัดเลาะเข้าไปที่รั้วบ้านนายบรรจบ
ซึ่งนพดลทำเครื่องหมายที่เก็บซ่อนบันไดยึดหดสีคล้ำเล็กเบารอไว้ให้ตัวหนึ่ง

ซึ่งคืนนี้สายบอกมาว่าสมุนส่วนใหญ่จะไม่เข้ามาใกล้ตัวบ้านนายบรรจบ
เพราะสส.ที่มาประชุมลับไม่ต้องการให้ใครรู้เห็นความเป็นไปในบ้านได้
หญิงสาวกับนพดลต้องทำการลอบเข้ามาตั้งแต่ก่อน 4 ทุ่ม
เพราะถนนส่วนบุคคลสายนี้จะปิดตอน 5 ทุ่ม
และเปิดให้ชาวบ้าน และคนขับวินมอเตอร์ไซด์ใช้เป็นทางผ่านเข้าออกได้อีกตอนราว 6 โมงเช้าของอีกวัน

เมื่อกระท้อนดึงบันไดสปริงตัวเบามากางตั้งก่อนปีนขึ้นต้นมะขามหวาน
แล้วกระโดดเข้าไปที่ชานเรือนคนใช้ได้แล้ว
หล่อนจึงโทรฯไปบอกความเรียบร้อยให้นพดลดำเนินแผนขั้นต่อไปทันที
จากนั้นก็ปิดมือถือซ่อนบันไดตัวเล็กเบาที่ทรงคุณภาพที่สั่งตรงจากนอก
สอดไว้ตรงลูกกรงของเรือนคนใช้ที่ไร้คนในยามนี้
ก่อนกระโดดไปที่ระเบียงหลังบ้านของนายบรรจบ ที่ยามนี้เงียบสงบราวบ้านร้างเช่นกัน
กุญแจเก่าๆที่จวนขึ้นสนิมไม่ยากต่อการเปิด
ไม่นานหล่อนก็ลอดตัวเข้าไปในบ้านหลังนั้นได้อีกครั้ง

บ้านไม้หลังเก่าที่เจ้าของบ้านแค่ทาสีใหม่ทุก 2 ปี ไม่ได้มาอาศัย
แต่ใช้เป็นที่ประชุมลับเกี่ยวกับงานหลายต่อหลายหน
กว่าจะซื้อเส้นทางสายนี้เข้ามาที่บ้านนี้ได้
คุณวัทเจ้าของนิตยสารโลกก้าวหน้าจ่ายไปไม่น้อยเลย
การร่วมมือทำงานลับให้กับกรมตำรวจ คนทั้ง 3 ทำมาหลายหนแล้ว
กระท้อนจึงไม่เคยเชื่อเลยว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของหล่อนด้วย!!!

บนบ้านไม้เก่าๆหลังนี้
ชั้นบนจะมีที่แอบมองผู้คนที่ห้องรับแขกได้ถนัดชัดเจนอยู่ที่หนึ่ง
กระท้อนกบดานรอเวลาอยู่ตรงนั้นเอง

ส่วนนพดลจะทำทีขับรถตู้อ้อมไปอีกถนนด้านหนึ่ง
ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำ และจากจุดตรงนั้นเขาจะแอบถ่ายภาพสส.
และผู้คนที่ร่วมมือทำชั่วได้สดวก และปลอดภัยจากสายตาคนพบเห็นได้มากที่สุด
ใครเห็นก็จะคิดว่านักท่องเที่ยวมารอถ่ายภาพแม่น้ำในยามอรุณ....ของวันใหม่

คืนนี้กระท้อนมีหน้าที่เข้าไปใกล้คนทั้งสามให้มากที่สุด
เพื่ออัดเสียงทั้งสส.ทวี สส.อรอนงค์ รวมทั้งตัวนายบรรจบด้วย
จะต้องพยายามนำเครื่องเล่นอัดเสียง เข้าไปใกล้คนเหล่านั้นให้มากที่สุด
หล่อนนำเครื่องดักฟังไปวางตามจุดต่างๆหลายแห่งได้ง่ายดาย
เพราะทุกที่ล้วนไร้คนกว่าทุกคนจะเดินทางมาก็คงอีกราว 4 ชั่วโมง
ทางที่หล่อนเล็ดลอดตาสมุนของบรรจบเข้าไป ก็ซื้อไปด้วยเงินก้อนโตอีกเช่นกัน

กระท้อนไม่เคยกลัวการทำงานแบบนี้ หล่อนทำมานับครั้งไม่ถ้วน
นพดลสามีและคุณวัท บรรณาธิการหนุ่มใหญ่ต่างเชื่อใจในฝีมือเสมอมา
คืนนี้หล่อนก็มาด้วยความมั่นใจเช่นเดิม
การเป็นนักข่าวรายได้ไม่ดีเท่าเป็นนักสืบราชการลับให้กรมตำรวจ
คนทั้งสามจึงพร้อมใจมาร่วมมือกัน

กระท้อนเคยคิดว่าจะทำไปอีกสักระยะให้พอมีฐานะดีกว่านี้
และช่วยนพดลเปิดห้องภาพหรูหราและใหญ่ที่สุดในประเทศได้สำเร็จ
ก็จะวางมือมาเป็นแม่บ้านให้เขาเพียงอย่างเดียว
กระท้อนคงไม่เชื่อและไม่มีวันเชื่อ
ถ้ามีใครบอกหล่อนว่า...
นับจากเหตุการณ์คืนนี้ผ่านไปหล่อนจะฝันร้ายไปจนวันตายเลยทีเดียวเชียวละ!!

คืนนั้นหล่อนพบภาพการฆ่าคนเพื่อปิดปากอย่างอำมหิตเลือดเย็นที่สุด
มือปืนที่กระหน่ำกระสุนนัดแล้วนัดเล่า เลือดแดงฉานพุ่งกระจาดกระจาย
และเสียงร้องโหยหวนของสส.ทั้งคู่ ที่ตายอย่างไม่ทันตั้งตัวแถมศพถูกเก็บลงในกระสอบ แล้วนำไปถ่วงลงแม่น้ำ

ทุกภาพกระท้อนเก็บเสียงได้ชัดเจนทุกขั้นตอน
แต่ขณะที่ปีนบันไดกลับออกมาทางเดิม
กระท้อนยังไม่หายตื่นตระหนกจากเหตุการณ์ผิดคาดหมายเมื่อครู่
ทำให้หล่อนก้าวเท้าพลาดไปนิดหนึ่ง ร่างจึงร่วงหล่นที่พื้น เกิดเสียงดังขึ้น
ทำให้มือปืนคนนั้นลงจากรถย้อนเดินกลับมาที่มุมรั้วอีกหน
ทว่าเป็นเวลากับที่กระท้อนขึ้นสตาร์ทรถมอเตอร์ไซด์เก่าๆที่เช่ามาจากวินปากซอยแล้ว...

และด้วยหมวกกันน็อคใบนั้นกับรถมอเตอร์ไซด์เก่าๆ
หล่อนจึงอำพรางตัวหนีรอดจากการตามสกัด ออกมาที่ปากซอยอีกทางได้สำเร็จ
ซึ่งในยามปรกติกระท้อนเป็นผู้หนึ่งที่มักฝ่าฝืนกฎ เกี่ยวกับการสวมหมวกกันน็อคมาเสมอ
เพราะรังเกียจกลิ่นอับเหงื่อของเจ้าของรถที่เช่ามาพร้อมหมวกนั่นเอง
เมื่อกลับมาที่ห้องพักได้
ในคืนนั้นหล่อนก็เริ่มต้นฝันร้ายที่น่ากลัว!!!

ฝันถึงการตายของตัวเอง
ในฝันหล่อนถูกฆ่ารัดคอจากมือปืนปริศนา??
นับวันฝันก็ยิ่งชัดเจนละเอียดมากขึ้นทุกที
จนหล่อนเริ่มปวดหัวระแวงว่าเป็นลางสังหรณ์ บอกเหตุอะไรสักอย่าง
หรือหล่อนจะเป็นคนต่อไปที่ถูกสั่งเก็บ?

การที่นายบรรจบถูกจับตามองจากหลายฝ่าย
ไม่ใช่แค่นิตยสารโลกก้าวหน้ากับหนังสือพิมพ์ข่าวเท็จจริง นำมาขุดคุ้ยเท่านั้น
จึงไม่น่าที่นายบรรจบจะรู้ว่า หล่อนกับนพดลเข้าไปร่วมมือกับตำรวจเพื่อสืบความลับของเขาแน่...
แล้วฝันของเราสื่อถึงลางร้ายอะไรกันแน่นะ?

กระท้อนสลัดหัวไปมาเพื่อขับไล่ความมึนงง
แม้ตอนนี้บรรณาธิการ จะสั่ง ให้หล่อนพักร้อนได้ 2 อาทิตย์ก็ตาม
แต่หล่อนก็ไม่รู้จะเดินทางไปไหนดี
เพราะมัวกังวลแต่เรื่องฝันอยู่ทุกคืน
รึ..ไปหายายจันอีกครั้ง?

“กระท้อน รีบมาที่บ้านพี่วัทด่วนนะ เราได้หลักฐานที่มั่นใจจะลากไอ้บรรจบ เข้าคุกอีกชิ้นแล้วครับ”

กระท้อนจึงต้องพับเก็บความคิดเรื่องส่วนตัวลงอีกครั้ง
จัดแจงคว้ากุญแจแล้วล็อกห้อง
นพดลไม่ได้กลับมานอนที่คอนโดฯนานนับสัปดาห์
เพราะภาพที่ถ่ายมามากมายต้องตัดแต่งหลายแห่ง
เขาจึงย้ายไปพักกับคุณวัทบรรณาธิการคนนั้นที่ห้องชั้นบนของที่ทำงาน
ทั้งคู่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพื่อเร่งมือให้งานลุล่วงแล้วเสร็จในเร็ววัน

ซึ่งก่อนหน้านั้น
หล่อนจะ เข้าร่วมงานด้วยอย่างกระตือรือร้น
มีแต่อาทิตย์ที่ผ่านมา นับแต่เกิดเรื่องขึ้น
คุณวัทเห็น อาการหน้าซีดเซียวมักเหม่อลอยของหญิงสาว
จึงสั่งให้พักร้อนชั่วคราว เพื่อให้หล่อนได้พักผ่อนอย่างเต็มที่

หลังสนทนาสักครู่
ชายฉกรรจน์หน้าเข้มหนวดดกจึงเดินเตร่ไปมาตรงแถวบริเวณปากซอยนั้น
“เอ็งแน่ใจนะ ” ชายขาพิการพยักหน้า
สมศักดิ์ควักแบ็งค์ร้อยสามใบส่งให้แล้วเดินห่างไป
สมศักดิ์หยิบมือถือออกกดหมายเลขถึงนายบรรจบ?.....

สมศักดิ์รู้ตั้งแต่คืนนั้นแล้วว่า
ชายร่างเล็กบางที่ขับมอเตอร์ไซด์วินหน้าปากซอยเป็นนักข่าวหญิง

ทว่า
มนุษย์ก็คือมนุษย์ยังไม่ละสิ้นจิตใจเมตตา
ในคืนนั้นเขาทั้งเหนื่อยและเพลียเพราะสังหารไปหลายคนพร้อมๆกัน
จึงละเว้นการติดตามกระท้อนอย่างทันที
แม้สายจะรายงานเขาว่าพบหล่อนที่จุดใดแล้ว
สมศักดิ์แค่สั่งให้ลูกน้องเฝ้าดูหญิงสาวห่างๆไว้ก่อนเท่านั้น
ทำให้กระท้อนชะล่าใจ

ห้าทุ่มนพดลลงมาส่งกระท้อนที่รถ
เมื่อรถของหญิงสาวแล่นออกไป
สมศักดิ์ก็ขับตามไปเรื่อยๆ เมื่อกระท้อนดับไฟที่ห้อง

สมศักดิ์ก็เริ่มลงมือทำงาน
เขาตรงไปที่ด้านหลังคอนโดฯ อาศัยความมืดและช่วงเวลาที่
คนเก็บขยะกำลังง่วนกับงาน เล็ดลอดเข้าประตู
ตรงไปที่ห้องของกระท้อนทันที
เขาใช้ผ้าชุบน้ำใสๆ ก่อนคาดปิดปากตัวเองแล้วจุดวัตถุขึ้นชิ้นหนึ่ง
สักพักตลอดทั่วทางเดินเต็มไปด้วยหมอกควันกลิ่นเอียนๆชวนเวียนหัว

กระท้อนเริ่มฝันอีกแล้ว
ชายร่างหนา มือเท้าโตหยาบหนา อย่างคนกรำงานหนัก
เดินไปหยิบเสื้อคลุมเนื้อเนียนบางของหล่อน ที่แขวนอยู่ข้างๆโต๊ะเครื่องแป้ง
เขาจับเสื้อนั้นบิดเป็นเกลียว ก่อนนำมาคล้องรอบคอกระท้อน
มัดเสื้อเข้าหากัน ค่อยๆรัดจนเริ่มติดรอบลำคอระหงนั้น

จากนั้นเขาก็ถอดรองเท้าออกเหลือไว้แต่เพียงถุงเท้า
ยกขาข้างหนึ่งกดยันไว้ตรงปลายคางของกระท้อน
สองมือจับชายเสื้อที่มัดรอบคอหล่อน..กระชากสุดแรงเกิด

กระท้อนสะดุ้งเฮือก
ก่อนดิ้นรนกระเสือกกระสนยิ่งขึ้น
หน้านิ่วคิ้วขมวดจนดูเหยเก
พร้อมกันนั้น
หล่อนก็ยกสองมือขึ้นพยายามแกะสิ่งที่รัดรอบคอตัวเอง
ไม่นานหล่อนเริ่มรู้สึกว่าทั่วร่างเหมือนไร้สิ้นเรี่ยวแรง
มือไม้อ่อนปวกเปียก..และแล้วหญิงสาวก็แน่นิ่งไป

“ไปสู่ที่ชอบๆนะคนสวย บนเส้นทางนั้นมีเพื่อนไปรออยู่แล้ว คงไม่เหงาแน่”

สมศักดิ์ปลดเสื้อออกจากคอกระท้อนม้วนเป็นก้อน
สอดเข้าถุงกระดาษที่หยิบมาจากบนโต๊ะเครื่องแป้ง
เปิดประตู หิ้วถุงเสื้อกับกระเป๋าใส่เครื่องเจาะไฟฟ้า ที่ทิ้งไว้ตรงหน้าห้อง
เดินกลับลงไปที่ทางเดิม
เมื่อผ่านทีวีวงจร ตรงมุมประตู เขาก็ขยับคอเสื้อขึ้นปิดแนบหน้า
ดึงหมวกให้กดต่ำลง ก้มหน้าเปิดประตู
กลับขึ้นรถขับออกไป

“คุณกระท้อนคะ ลุกขึ้นเถิด ยายมารับคุณแล้วค่ะ อย่าให้ท่านทูตรอนานนะคะ”

กระท้อนค่อยๆลืมตาขึ้น ตัวเบาหวิว ร่างลอยไปมาได้??
กระท้อนตาตื่น เหลียวมองยายจัน ยายจันไม่ได้ตอบอะไร นอกจากชี้มือไปที่เตียง
กระท้อนหันไปมองตามร่างที่หลับแน่นิ่งไม่ไหวติง
ช่างเหมือนหล่อนราวกับแฝด
ยายจันตอบคำถามนั้นว่า

“ใช่ค่ะยายมารับวิญญาณคุณ ... ยมทูตเก่าไปเกิดท่านพญายมให้มารอรับคุณ ไปทำหน้าที่ยมทูตคนต่อไป”

“ไม่นะคะยาย กระท้อนมีลูกได้เกือบ2 เดือนแล้ว ให้กระท้อนคลอดลูกก่อนได้ไหมคะ”

หญิงสาวต่อรองด้วยเสียงสั่นสะอื้น
หล่อนยังอาลัยทุกๆอย่างบนโลกนี้รวมทั้งชายคนรัก

“ถ้าคุณไม่ตายตอนนี้
อีกแค่10วันคุณก็จะถูกสิบล้อทับตาย
หรืออีกที อีก3เดือนคุณก็จะตายเพราะแท้งลูก
ตายตอนนี้ตอนไหนก็ต้องตาย...
ไปช่วยท่านพญายมจับวิญญาณเลวร้ายดีกว่านะ
เมื่อกรรมหมดลงก็จะได้ไปเกิดใหม่มีคนรักจริงๆกับเขาสักที
เรารีบไปกันเถิดนะ
แค่เราเดินผ่านสะพานความตายนี้ไปก็จะพบโลกใหม่ทันที”

“กระท้อนยังไม่อยากตาย กระท้อนอยากอยู่กับนพดล ยายช่วยกระท้อนด้วย ฮือๆๆๆ”

“ยายช่วยคุณไม่ได้ค่ะ ที่จริงคุณแค่อาการสาหัส เท่านั้น...แต่ด้วยแรงสาบแช่ง
ถ้าคุณไม่เคยแย่งคนรักใคร.....แต่นี่เคราะห์กรรมคุณหนักมากเป็นสองเท่า
เพราะคุณชอบแย่งคนรักของคนอื่นมาหลายหน
คำสาปแช่งต่างๆของคนเหล่านั้น
จึงกลายเป็นเส้นใยอุปสรรคล้อมชีวิตคุณไว้
ให้พบแต่ความทุกข์ในเรื่องรักมาโดยตลอด......"

"คุณไม่เคยพอใจในรักที่มี....
ชอบทำลายความรักคนอื่น...
โดยเฉพาะความรักของพ่อแม่ที่มีให้...แต่ไร้เงินทอง ....ที่คุณต้องการมากกว่า
บวกแรงอาฆาตแค้นทั้งหลายที่หุ่มตัวคุณมาแต่เก่าก่อน
จึงทะลักพลังออกมาผลักเสริมให้คุณตกลงเคราะห์เบญจเพสของคุณ
ทำให้คุณต้องตายก่อนเวลาถึง 25 ปี
ใน 25 ปีมนุษย์
คุณจะได้ไปเสวยสุขเป็นยมทูตด้วยกรรมดีที่มีต่อบ้านเมือง"

ยายจันจูงมือกระท้อนที่น้ำตาอาบหน้า
เดินผ่านสะพานความเป็นไปสู่สะพานความตายที่ทอดยาวที่เบื้องหน้าอย่างช้าๆ
เมื่อหญิงสาวหันกลับมาที่หน้าต่างห้องพักของตน
ภาพนพดลกับลูกๆและวิวรรณภรรยาปรากฎขึ้นช้าๆ
ทุกคนกำลังโบกมือให้หล่อนพร้อมด้วยรอยยิ้มอันเป็นสุข

กระท้อนหันหน้ากลับเดินตามยายจันโดยไร้หยดน้ำตาอีก…..
ที่กึ่งกลางสะพานความตาย
ยายจันตักน้ำจากตุ่มสีมรกต ยื่นน้ำสีใสเปล่งประกายมาให้ดื่ม
กระท้อนดื่มโดยหมดความลังเลอีกต่อไป

“น้ำละลายความทรงจำ”
หยดสุดท้ายไหลลงลำคอหญิงสาว
ภาพเบื้องหน้าที่ไกลลิบๆลอยใกล้เข้ามา
ชายในร่างสูงสง่า มายืนรอรับด้วยรอยยิ้มอย่างเต็มใจ…

.....................................................
ก้มกราบบ่อยๆ จะช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกไป...


Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

"มิตรภาพที่แสนดี..ทำให้ทุกวินาทีมีความหมายเสมอ"
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.614 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 13 มีนาคม 2567 21:41:32