[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
11 มิถุนายน 2567 03:44:42 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ความทรงจำนอกมิติ : ปรากฏการณ์เนสซี่-ปรากฏการณ์บึงโขงหลง  (อ่าน 1826 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5088


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 18 กันยายน 2554 06:15:31 »




ห้วงเวลาร่วมเดือนที่ผ่านมา ปรากฏข่าวเหตุการณ์ประหลาดที่บริเวณบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ เป็นเงาดำเคลื่อนที่อยู่กลางบึงเป็นแนวยาวประมาณ  10-20 เมตร คล้ายสิ่งมีชีวิตกำลังเคลื่อนที่ดำผุดดำว่ายบิดไปบิดมาอยู่บริเวณนั้นเป็นเวลาหลายนาที บางจังหวะจับภาพได้ว่า เป็นแนวโค้งรูปคลื่น 3 โค้งที่ขึ้นลง
 ชาวบ้านเชื่อกันว่านั่นคือ "พญานาค"

 ที่จริงแล้วเรื่องลี้ลับเกี่ยวกับสัตว์ใต้น้ำ ไม่ฉพาะคนไทยเท่านั้น ที่เชื่อเป็นตุเป็นตะ ฝรั่งมังค่าก็เอากับเขาด้วย อย่างกรณี "เนสซี่" อันลือลั่น มาจวบจนบัดนี้ยังคงมีคนไปเฝ้ารอที่ทะเลสาบล็อกเนสส์ เผื่อว่าเนสซี่จะออกมาจ๊ะเอ๋ แต่จนแล้วจนรอดยังไม่มีใครเคยเจอตัวเป็นๆ

 อาจมีบ้างที่ถ่ายรูปได้ แต่ไม่ชัดพอที่ระบุได้ว่ามันคือสัตว์ดึกดำบรรพ์ แม้กระทั่งมีการบันทึกเป็นรูปเคลื่อนไหว แต่ก็ถูกแย้งว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติของผิวน้ำ ที่ถูกกระทำโดยลม
 แต่เนสซี่ยังขลังไม่เลิก

 มากกว่า 10,000 ปีมาแล้ว ธารน้ำแข็งสายสุดท้ายได้กัดเซาะให้เกิดรอยแยกของหินขนาดกว้างใหญ่ไพศาล ในแถบไอซ์แลนด์ของสกอตแลนด์

 และเมื่อน้ำแข็งละลายหมดลง รอยแยกยาว 25 ไมล์นั้นก็ขังเจิ่งนองไปด้วยน้ำ และกลายเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ประหลาดลึกลับตลอดกาลแห่งทะเลสาบล็อกเนสส์

 ตำนานของสัตว์ประหลาดตัวนี้ หรือที่เรียกขานกันด้วยความเอ็นดูว่าเนสซี่นั้น อาศัยอยู่ในทะเลสาบล็อกเนสส์มาเนิ่นนาน ก่อนที่จะมีรายงานว่ามันปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนครั้งแรกในปี ค.ศ.565 

 ในปีดังกล่าว เซนต์โคลัมบากำลังอยู่ในระหว่างเดินทางไปอินเวอร์เนส  เพื่อนำคณะนักบวชไปเผยแพร่คริสต์ศาสนาให้กับพวกฟิคท์ และได้สั่งให้ผู้ติดตามคนหนึ่งว่ายน้ำไปเก็บเรือลำเล็กที่ลอยออกจากฝั่งทะเลสาบกลับมา ขณะที่ชายผู้นั้นเริ่มว่ายน้ำออกไป "สัตว์รูปร่างประหลาดก็โผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำ" เพียงไม่กี่หลาตรงหน้าชายผู้นั้น

 เรื่องราวกล่าวไว้เพียงว่า เซนต์โคลัมบาเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดตัวนั้นพร้อมกับตะโกนว่า "อย่าเข้ามาใกล้กว่านี้หรือทำอันตรายชายคนนั้น" สัตว์ประหลาดก็หนีไป

 นับตั้งแต่นั้นมาประชาชนของตำบลเกรทเกลน แห่งทะเลสาบล็อกเนสส์ ก็ได้รู้จักกับเนสซี่และบรรพบุรุษของมันว่าเป็นสัตว์ที่ตื่นตกใจ สงบเสงี่ยม และไม่เป็นอันตรายกับใคร

 นานๆ ถึงจะขึ้นมาสู่ผิวน้ำสักครั้ง แม้ว่าในแถบทะเลสาบเป็นที่รู้จักกันว่า มีสัตว์ประหลาดอาศัยอยู่นานนับศตวรรษ แต่ชื่อเสียงของเนสซี่เพิ่งขจรขจายไปทั่วโลก เมื่อประมาณ 50 ปีที่ผ่านมานี้เท่านั้นเอง
 วันที่ 14 เมษายน ค.ศ.1933 จอห์น แม็คเคย์ และภรรยาขับรถไปตามถนนตัดใหม่เลียบทะเลสาบล็อกเนสส์ ที่ยามนั้นพื้นน้ำราบเรียบปานกระจก ล้อมรอบไปด้วยยอดเขาสูง ทันใดนั้น...มิสซิสแม็คเคย์ก็คว้าแขนสามีอย่างตื่นเต้น " จอห์น..." เธอเรียกชื่อเขาอย่างกระหืดกระหอบ "นั่นอะไรคะ...โน่นน่ะ?"
 พื้นน้ำในทะเลาสาบที่ต้องแสงอาทิตย์เป็นประกายแวววาวนั้น กำลังผุดเป็นฟองคล้ายกับภูเขาไฟคุกรุ่นอยู่ใต้ผิวน้ำ จอห์น แม็คเคย์ ผู้เป็นเจ้าของโรงแรมในละแวกนั้นเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน เขาและภรรยาเฝ้ามองด้วยความตื่นเต้นระคนหวาดกลัว

 เมื่อสัตว์ขนาดยักษ์โผล่ขึ้นมา มันเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งมีคอยาวคล้ายงู สัตว์ประหลาดโผล่ขึ้นมาผกผันฟาดฟันพื้นน้ำแตกฟองขาว จากนั้นก็ดำหายไปจากสายตา

 นับจากวันนั้นของปี 1933 เป็นต้นมา เนสซี่ยั่วยวนโดยการเล่นเกมซ่อนหากับบรรดานักวิทยาศาสตร์ นักธรรมชาติวิทยา และนักล่าสัตว์ประหลาดนับพันๆ ซึ่งมีผู้อ้างว่าพบเห็นสัตว์ประหลาดที่ว่องไวราวกับปรอทตัวนี้ มากกว่า  3,000 คน

 เดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน การเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่คล้ายคลึงกับประสบการณ์ของสามีภรรยาแม็คเคย์ก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งการที่เห็นสัตว์ประหลาดในครั้งนี้ ได้ก่อให้เกิดแรงกระตุ้นที่จะสืบสาวราวเรื่องของเนสซี่อย่างจริงจัง จนสบโอกาสถ่ายรูปของสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้เป็นครั้งแรก

 โดยวิศวกรชื่อ ฮิว เกรย์ ขณะเขาเดินทางกลับจากโบสถ์ในวันอาทิตย์  ใกล้ถึงบ้านพักในฟอยเยอร์ ทะเลสาบราบเรียบเหมือนไม่มีอะไรรบกวน แต่ประมาณ 100 หลาจากฝั่ง เขาสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติอะไรบางอย่างเกิดขึ้น

 "หลังกลมมนและส่วนหางปรากฏขึ้น" เขากล่าวในเวลาต่อมา "และสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่งที่ยาวประมาณ 40 ฟุต กำลังพ่นน้ำเป็นฟองฟู่กระจาย

 ภาพถ่ายสัตว์ประหลาดของเกรย์ถูกส่งไปวิเคราะห์ที่บริษัทโกดัก ซึ่งได้รับการยืนยันว่าไม่ได้มีการยุ่งเกี่ยวแต่งเติมกับฟิล์มที่ใช้ถ่าย แต่ภาพสัตว์ประหลาดที่เป็นเงาดำนั้น เป็นหลักฐานที่ไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่นัก

 ภาพหนึ่งที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญได้ลงความเห็นว่า ยังคงเป็นภาพถ่ายที่ดีที่สุด ถ่ายไว้เมื่อเดือนเมษายน ปี 1934 โดยโรเบิร์ต เดนเนธ วิลสัน ศัลยแพทย์จากลอนดอน ผู้มีบุคลิกลักษณะน่าเชื่อถือ ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง วิลสันและเพื่อนคนหนึ่งกำลังขับรถเลียบไปตามถนนริมทะเลสาบล็อกเนสส์ เป็นการเริ่มต้นวันหยุดสุดสัปดาห์ ที่พวกเขาหวังว่าคงได้ถ่ายภาพสัตว์ป่าไว้ได้บ้าง แต่ภาพที่วิลสันได้รับในวันนั้น กลับกลายเป็นภาพของสัตว์ที่เขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่า มันมีตัวตนอยู่จริงๆ

 ศัลยแพทย์และเพื่อนร่วมเดินทางขับรถมาตลอดกลางคืน และตัดสินใจหยุดพักแรมใกล้กับอินเวอร์มอร์ริสัน ขณะที่วิลสันนั่งเหยียดขาอยู่ริมทะเลสาบนั่นเอง หัวเล็กๆ ของสัตว์ชนิดหนึ่งก็โผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมา เขากระโจนกลับไปที่รถ คว้ากล้องถ่ายรูปเอามาไว้บันทึกภาพได้ชุดหนึ่ง ซึ่งภาพเหล่านั้นแสดงให้เห็นถึงส่วนหัวและคอที่สะโอดสะองและลำตัวของมันเห็นเลือนรางอยู่ใต้ผิวน้ำ

 ภาพถ่ายเหล่านี้ รวมทั้งอีกจำนวนนับร้อยที่ได้มีการถ่ายเอาไว้ หลังจากนั้นเป็นต้นมาถูกยกเลิกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยผู้ที่ทำลายชื่อเสียงแห่งตำนานของเนสซี่ ว่าจริงๆ แล้วเป็นเพียงท่อนซุง แมวน้ำ นก นาก หรือว่าเรือที่ลอยคว่ำอยู่ในน้ำ แต่ความจริงเป็นสิ่งใดก็ตาม รายงานและรูปภาพของสัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนสส์เหล่านั้น ก็เป็นสาเหตุให้ทั่วโลกบังเกิดความตื่นเต้น

 ในไม่ช้าทะเลสาบก็คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว นักวิทยาศาสตร์ นักล่า  นักเรียนและนักหลอกลวง ชาวบ้านร้านตลาดพากันไปทำธุรกิจอาหารและที่พักอย่างเป็นล่ำเป็นสันและอึกทึกครึกโครม เบอร์แทรม มิลส์ หัวหน้าคณะละครสัตว์เสนอรางวัล 20,000 ปอนด์ แก่ผู้ที่จับเป็นสัตว์ประหลาดมาให้เขาได้ ปัญหาที่ถูกนำไปถกกันในสภาผู้แทนราษฎรก็คือความปลอดภัยของเนสซี่

 ในที่สุดกฎหมายฉบับหนึ่งก็ผ่านสภาออกมาปกป้องสัตว์ต่างๆ ในทะเลสาบให้ปลอดภัยจากการยิง วางกับดัก หรือสร้างความรบกวน การหลอกลวงครั้งหนึ่งที่ผ่านมา เกี่ยวข้องกับนักล่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ ชื่อ มิเชล เวทเธอเรลล์ สมาชิกของบริเทน'ส ฮลี่-เรสเปดเทด ซูโลจิคอล โซไซตี้ ในปี  1533 เขาพบรอยเท้าของสัตว์ประหลาดบนชายฝั่งทะเลสาบ เวทเธอเรลล์กล่าวว่า "มันเป็นสัตว์ 4 เท้า ซึ่งเท้าหรือครีบกว้าง 8 นิ้ว ผมเชื่อว่ามันเป็นสัตว์ประหลาดทรงพลังที่ยาวประมาณ 20 ฟุต"

 ท่ามกลางกระแสความตื่นเต้นรุนแรง แบบพิมพ์รอยเท้าที่หล่อโดยปูนปลาสเตอร์ก็ถูกส่งไปยังพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติกลางกรุงลอนดอน หลังจากการตรวจสอบ ผู้เชี่ยวชาญก็ลงความเห็นว่า "มันเหมือนกับรอยเท้าของฮิปโปโปเตมัส" และต่อมาพบว่า เท้าของฮิปโปที่ถูกทำให้แห้ง หายไปจากพิพิธภัณฑ์ที่อินเวอร์เนส ห่างจากทะเลสาบออกไปเพียง 2-3 ไมล์

 การเห็นสัตว์ประหลาดที่สร้างความตื่นเต้นจำนวน 3 ครั้ง ได้ถูกรายงานไว้ในปี 1933 และ 1934 สองครั้งแรกพบเห็นโดยชาวบ้านในละแวกทะเลสาบ  ส่วนครั้งที่สามพบเห็นโดยนักธุรกิจชาวลอนดอน
 ต่อไปนี้คือความรู้สึกของนักข่าวอิสระของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น อเล็กซานเดอร์ แคมเบลล์ พรรณนาถึงสิ่งที่เขาพบเห็นในตอนกลางวันของเดือนมิถุนายน  ปี ค.ศ.1434

 ขณะที่ผมออกจากกระท่อมติดทะเลสาบนั้น สัตว์ชนิดหนึ่งคล้ายสัตว์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ก็โผล่พ้นขึ้นมาเหนือน้ำ มันยาวประมาณ 30 ฟุต คอยาวคล้ายงูและหางแบน ระหว่างคอและลำตัวที่ตะโหงกนูนขึ้นมา สัตว์ประหลาดลอยอาบแดดอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ จนกระทั่งได้ยินเสียงเรือจากแคลโดเนียน ดานัล แว่วมา จึงดำน้ำหายไป เหลือไว้แต่รอยกระเพื่อมบนพื้นน้ำ 2-3 สัปดาห์ก่อนหน้านั้น แคมเบลล์ได้อ่านพบรายงานของพระรูปหนึ่ง คือ บราเธอร์ ริชาร์ด โฮแรน แห่งโบสถ์เซนต์เบเนดิคท์ ฟอร์ท ออกัสตัส ดังนี้
 "ผมเห็นสัตว์ประหลาดโผล่ขึ้นมาจากทะเลสาบล็อกเนสส์ และเฝ้ารอดูอยู่ราวๆ 20 นาที หัวและคอยื่นออกมาทำมุม 45 องศากับพื้นน้ำ ด้านล่างของลำคอที่อวบหนานั้นเป็นสีน้ำเงิน จมูกเชิด เมื่อเครื่องยนต์เรือดังใกล้เข้ามา สัตว์ประหลาดก็ค่อยๆ จมหายไปอย่างช้าๆ"

 ฝรั่งมีเรื่องราวของสัตว์ประหลาดใต้น้ำเล่ากันไม่จบสิ้น พญานาคบึงโขงหลงบ้านเราแม้จะใหม่กว่า แต่ก็ดังเป็นพลุแตกไปแล้ว

 พญานาคมีจริงหรือไม่ วิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ไม่ยาก เช่นเดียวกับบั้งไฟพญานาคที่ไม่เกินความสามารถของนักวิทยาศาสตร์ไปได้

 แต่สิ่งที่นอกเหนือจากนั้น คือเสน่ห์ของเรื่องเล่า และวิถีพื้นถิ่นที่มีลักษณะเฉพาะตัว คือปรากฏการณ์ที่น่าอนุรักษ์เช่นกัน
                       กาลิเลอี

http://www.thaipost.net/sunday/180911/45184

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
ความทรงจำนอกมิติ : รูป นาม วิญญาณกับจักรวาลวิทยา
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 0 2529 กระทู้ล่าสุด 21 กุมภาพันธ์ 2553 14:00:45
โดย มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : วิวัฒนาการสุดท้ายของสังคมมนุษย์
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 0 2820 กระทู้ล่าสุด 08 มีนาคม 2553 08:52:02
โดย มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : ประวัติศาสตร์คือบันทึกความสัมพันธ์ของดินกับฟ้า
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 0 2115 กระทู้ล่าสุด 05 เมษายน 2553 08:47:42
โดย มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : ทฤษฎีรวมแรงทั้งหมดกับพุทธศาสนา
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 0 2060 กระทู้ล่าสุด 18 เมษายน 2553 17:16:25
โดย มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : มนุษย์กับโลกไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวเดียวดาย
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 0 2116 กระทู้ล่าสุด 03 พฤษภาคม 2553 08:42:23
โดย มดเอ๊ก
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.302 วินาที กับ 30 คำสั่ง

Google visited last this page 13 กุมภาพันธ์ 2567 07:14:39