27 เมษายน 2567 00:02:53
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
นั่งเล่นหลังสวน
สุขใจ ไปรษณีย์
.:::
“แกงเทโพ” ใส่หมูสามชั้น เกี่ยวข้องอย่างไรกับ “ปลาเทโพ” ?
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: “แกงเทโพ” ใส่หมูสามชั้น เกี่ยวข้องอย่างไรกับ “ปลาเทโพ” ? (อ่าน 317 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 2325
ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 107.0.0.0
“แกงเทโพ” ใส่หมูสามชั้น เกี่ยวข้องอย่างไรกับ “ปลาเทโพ” ?
«
เมื่อ:
05 พฤศจิกายน 2565 15:51:34 »
Tweet
แกงเทโพ (ภาพจาก อุรุดา โควินท์: มติชนสุดสัปดาห์, 2562)
“แกงเทโพ” ใส่หมูสามชั้น เกี่ยวข้องอย่างไรกับ “ปลาเทโพ” ?
ผู้เขียน - เด็กชายผักอีเลิด
เผยแพร่ - ศิลปวัฒนธรรม วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ.2565
เมื่อเอ่ยถึงชื่อเมนู “แกงเทโพ” หลายท่านต้องนึกภาพของแกงรสเข้มที่ใส่กะทิกับพริกแกงจนได้น้ำแกงสีแดง-ส้มข้น ๆ มีหมูสามชั้นชิ้นโตและผักบุ้งหรือผักทอดยอดไทยเป็นวัตถุดิบหลัก ปรุงเปรี้ยวด้วยมะกรูด ได้รสชาติเปรี้ยว หวาน เผ็ด กลมกล่อมตามสไตล์แกงกะทิของคนไทยภาคกลาง
แล้วเหตุใดแกงสำรับนี้จึงได้ชื่อว่า “เทโพ” ซึ่งเป็นชื่อของปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ที่คนไทยรู้จักกันดีอย่าง “ปลาเทโพ” หรือแท้จริงแล้วเมนูนี้เคยใช้เนื้อปลาเทโพเป็นหลักมาก่อนหมูสามชั้น? กฤช เหลือลมัย ได้บอกเล่าและอธิบายที่มา ข้อสันนิษฐาน และหลักฐานที่เกี่ยวข้องไว้ในงานเขียนเชิงสารคดี “แกง (หมู) เทโพ ร่องรอยของรูปและนาม” จากหนังสือ ต้นสาย ปลายจวัก (มติชน, 2563) ซึ่งน่าจะช่วยไขข้อข้องใจว่าด้วยที่มาของชื่อเมนูนี้ได้ไม่น้อย ดังนี้
แกง (หมู) เทโพ ร่องรอยของรูปและนาม
พูดถึง “แกงเทโพ” ครั้งใด คนไทยย่อมต้องนึกถึง กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2 บทนั้นเสมอ
“เทโพพื้นเนื้อท้อง เป็นมันย่องล่องลอยมัน
น่าซดรสครามครัน ของสวรรค์เสวยรมย์”
กลอนในพระอภัยมณี ก็ยังมีบทหนึ่งว่า “แกงปลาไหลไก่พะแนงแกงเทโพ ผัดปลาแห้งแตงโมฉู่ฉี่มี”
แล้วก็แน่นอนว่า ส่วนใหญ่เราย่อมนึกถึงกระทิข้นมัน ใส่ผักบุ้งไทยทอดยอดในน้ำ ต้นอวบสีเขียวอ่อน เปรี้ยวด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำมะกรูด ใส่ใบและลูกมะกรูด คนที่เคยกิน “แกงปลาเทโพ” จริง ๆ ก็จะเล่าได้ยืดยาวถึงความอร่อย ความมัน โดยเฉพาะเนื้อพื้นท้องมันย่อง แล้วถ้าเป็นสมัยนี้ก็คงต้องเพิ่มสรรพคุณว่ามันอุดมด้วยโอเมก้า 3 ที่ทั้งช่วยลดไขมันตัวร้ายและสำคัญต่อการยืดหยุ่นหล่อลื่นระบบหลอดเลือดในร่างกายเข้าไปด้วย
อย่างไรก็ดี ทุกวันนี้ คนที่ได้กินแกงเทโพย่อมพบว่าเกือบทั้งหมดแกงด้วยหมูสามชั้น เป็นแกงกะทิสีแดง ๆ ค่อนข้างแตกมัน คุณสิริยากร พุกกะเวส เขียนไว้ในหนังสือ เรื่องเล่าหน้าเตาถ่าน ตำราอาหารบ้านอุ้ม (พ.ศ.2551) ของเธอว่า คุณยายมักจะบอกว่า “แกงหมูเทโพ” นี้ “แต่ก่อน คนโบราณเขาแกงแล้วใส่ปลาเทพโพลงไปจริง ๆ แต่ตอนหลังมาปลาเทโพหายาก แล้วบางคนก็อาจจะเหม็นคาว ถึงได้เปลี่ยนมาใช้หมูสามชั้นที่หนึบ ๆ มัน ๆ พอกันแทน” ในตำรากับข้าวร่วมสมัยทุกวันนี้ เราก็จะพบว่าแกงเทโพมีหน้าตา เครื่องปรุง และวิธีปรุงเหมือนกันหมดทุกเล่ม ดังที่ได้บรรยายไว้ข้างต้น
แต่ตำราโบราณเมื่อศตวรรษที่แล้วทิ้งร่องลอย “แกงปลาเทโพ” ไว้ต่างออกไป
ทั้ง ตำราแม่ครัวหัวป่าก์ (พ.ศ.2452) และ ปะทานุกรม การทำของคาวของหวานอย่างฝรั่งแลสยาม (พ.ศ. 2441) อธิบายแกงปลาเทโพไว้คล้ายคลึงกัน คือเป็นแกงเผ็ดที่ต้องทอดชิ้นปลาในน้ำมันกระเทียมเจียวก่อนซักครู่แล้วใส่พริกแกงลงไปผัดเคล้า เติมน้ำ ผักบุ้ง ปรุงน้ำปลา ต้ำตาล นำคั้นมะขามเปียก น้ำมะกรูด ใบมะกรูด และผิวมะกรูดฝานคั้นจนหมดน้ำมันฉุนขม เป็นแกงผัดน้ำมันที่ไม่ใส่กระทิเลยนะครับ พริกแกงก็ไม่ใส่เครื่องเทศจำพวกลูกชี ยี่หร่า ถ้าเรียกให้เข้าใจง่าย ๆ สำหรับสมัยนี้ก็คงเรียกพริกแกงคั่วนั่นเอง แต่จะต้องต้มเนื้อส่วนหางปลาเทโพใส่ตำไปปนกับพริกในครกก่อนด้วย
ตำราแม่ครัวหัวป่าก์ยังบอกสูตรแกงนี้ไว้ถึงสามสูตรด้วยกัน แกงปลาเทโพกับผักทอดยอด แกงปลาเทโพกับบอน และแกงปลาเทโพกับมะดันดอง ปรุงด้วยวิธีเดียวกันหมดทุกสูตร
อย่างไรก็ดี อาจจะไม่ใช่อย่างที่เข้าใจกันว่า “ตอนหลังมา ปลาเทโพหายากฯ” จึงได้เปลี่ยนมาใช้หมูสามชั้น เพราะในสูตรพริกแกงของหนังสือ ตำรับสายเยาวภา ของสายปัญญาสมาคมก็มีสูตรตำ “พริกแกงหมูเทโพ” ด้วย บ่งถึงว่ามีการแกง (หมู) เทโพมาตั้งแต่ก่อนพุทธทศวรรษ 2470 แล้วอย่างแน่นอน แถมพริกแกงสูตรนี้ของหม่อมราชวงศ์เตื้อง สนิทวงศ์ ยังใส่รากผักชีและยี่หร่าด้วย เพียงแต่ไม่ทราบว่าลักษณะจะเป็นแกงเผ็ดน้ำมันแบบแกงปลาเทโพสูตรโบราณหรือไม่เท่านั้นเอง
ผมคิดว่า ความยากอีกอย่างหนึ่งคือการทำปลาเทโพสดให้พร้อมปรุงกับข้าวได้นั่นเองครับ ปลาเพโพ หรือปลาปึ่ง (
Pangasius Larnaudii
) เป็นปลาที่แข็งแรง ขึ้นฮุบเหยื่อได้เร็วชอบสะบัดหางตีผิวน้ำแรง ๆ อาศัยอยู่ในแม่น้ำสายหลัก มันกินทั้งเมล็ดพืช ปอย ปลาเล็ก สัตว์น้ำอื่น ๆ ตลอดจนแมลงเล็ก ๆ เป็นอาหาร เรียกว่าเป็นปลานักล่าเลยทีเดียว เพื่อนรุ่นน้องผมคนหนึ่งซึ่งเป็นนักตกปลาบอกว่า ด้วยเหตุนี้ เนื้อปลาเทโพจึงมีความหนึบแน่นกินอร่อยกว่าปลาที่คล้าย ๆ กันอย่างปลาสวาย
ในตำราเก่า ๆ เช่น ตำรับสายเสาวภานั้น เมื่อจะอธิบายตัวอย่างเนื้อปลาชนิดที่ “เนื้อเป็นสีนวลสีชมภูเรื่อ ๆ หรือสีอื่น ๆ มีมันมาก” ก็ยกปลาเทโพขึ้นมาเป็นอันดับแรกทีเดียว แสดงถึงความนิยมที่อยู่ในอันดับต้น ๆ แต่การทำปลาเทโพนั้นไม่ใช่ของง่ายนัก ปะทานุกรม การทำของคาวของหวานฯ บอกว่า ต้อง “เอาน้ำส้มมะขามกะเกลือถูตัวปลาให้สะอาด ตัดเปนท่อน ๆ เนื้อที่ตรงหูดำนั้นตัดทิ้งเสีย เอาไม้พันมวกที่หูออกให้หมด แหวะท้องลอกเยื่อยางที่พื้นท้องออกเสียด้วย” เมื่อหั่นเป็นชิ้นแล้วนั้น “มีเส้นขาวอยู่ในเนื้อปลาท่อนละสองเส้น ชักออกทิ้งเสียให้หมด แลตัดสดือที่ท้องทิ้งเสียด้วย จึ่งจะไม่มีกลิ่นสาบคาว“
นับว่าใครตัดสินใจแกงหมูสามชิ้นแทนก็ง่ายกว่ามากทีเดียวสำหรับมื้อนั้น ๆ
หากเราแกงหมูเทโพแบบขนบนิยมกินสักหม้อก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงยกหม้อหางกะทิตั้งไฟให้เดือด เติมเกลือนิดหน่อย ใส่หมูสามชั้นหั่นชิ้นลงเคี่ยวไฟกลางไปราวสี่สิบนาที จนเนื้อและหนังหมูเริ่มนุ่มจึงใส่พริกแกงคั่วลงไปเคี่ยวต่อ ตามด้วยผักบุ้งไทยล้างหั่นท่อน ใบมะกรูดฉีก ปรุงรสเปรี้ยว เค็ม หวาน ด้วยน้ำคั้นมะขามเปียกและน้ำมะกรูด น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ใส่เปลือกลูกมะกรูดที่ผ่าครึ่งบีบน้ำแล้วสักหลายชิ้นตามแต่ชอบ แล้วเติมหัวและหางกะทิที่เหลือ ให้ได้ความข้นมันของน้ำแกงอย่างที่ต้องการ ราวยี่สิบนาที พอหมูและผักบุ้งสุกนุ่มและแกงได้รสชาติเข้าเนื้อดีแล้วก็ยกลง กินได้เลย
แกงปลาเทโพจะเปลี่ยนวิธีมาทำเป็นแกงกะทิตามแบบขนบนิยมนี้เมื่อใดก็ไม่ทราบ พอ ๆ กับไม่ทราบว่าเหตุใดจึงเริ่มมาเรียกแกงกะทิรสเปรี้ยวที่ใส่ลูกมะกรูด ใบมะกรูด และผักบุ้งไทยแบบนี้อย่างตายตัวชัดเจนว่าแกง “เทโพ” เพราะแกงลักษณะนี้ ในครัวไทยภาคกลางก็มีนิยามเรียกกันอยู่ก่อนแล้วว่า “แกงคั่วส้ม” ตามลักษณะวิธีการปรุง คือ “คั่ว” พริกแกงในน้ำกะทิโดยไม่ต้องผัดกับหัวกะทิก่อนและปรุงให้มีรสเปรี้ยว (ส้ม) ซึ่งโดยมากก็โดยน้ำคั้นมะขามเปียกและน้ำมะกรูดเป็นหลัก ดังเช่น “แกงคั่วส้มปลาสวายกับผักทอดยอด” ใน ตำราอาหารชุดจัดสำรับ ชุด 2 ของคุณจิตต์สมาน โกมลฐิติ (พ.ศ.2519)
ทั้งนิยามและคำเรียกสำรับอาหารใด ๆ จึงอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ถ้าถือตามแนวคิดแบบมานุษยวิิทยาก็คือ เราไม่มีทางรู้ด้วยซ้ำว่ากว่าจะมาถึงรุ่นเรานี้ อะไร ๆ ที่เราเห็น เราเรียก เราทำ และเรากินอยู่ทุกวันนี้ มันเคยเปลี่ยนมาแล้วกี่ครั้ง
อนึ่ง นอกจากหมูสามชั้น คนยังนิยมแกงเทโพแบบแกงคั่วกะทินี้กับปลาเค็มย่างชิ้นใหญ่ ๆ โดยใช้ปลาเนื้อแน่น ๆ รสชาติดี อย่างปลาสละ ปลาเลียวเซียว หรือปลาสีเสียดกันด้วยครับ
แกงเทโพหมูสามชั้นปลาเค็ม (ภาพจาก มติชนสุดสัปดาห์, 2560)
สำรวจสำรับ
1. ยกหม้อหางกะทิตั้งไฟให้เดือด เติมเกลือนิดหน่อย ใส่หมูสามชั้น หั่นชิ้นลงเคี่ยวไฟกลางไปราว 40 นาที
2. เมื่อเนื้อและหนังหมูเริ่มนุ่มให้ใส่พริกแกงคั่วลงไปเคี่ยวต่อ ตามด้วยผักบุ้งไทยล้างหั่นท่อน ใบมะกรูดฉีก
3. ปรุงรสเปรี้ยว เค็ม หวาน ด้วยน้ำคั้นมะขามเปียกและน้ำมะกรูด น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ใส่เปลือกลูกมะกรูดที่ผ่านครึ่งบีบน้ำแล้วสักหลายชิ้นตามแต่ชอบ
4. เติมหัวและหางกะทิที่เหลือ ให้ความข้นมันของน้ำแกงอย่างที่ต้องการ ราว 20 นาที พอหมูและผักบุ้งสุกนุ่มและแกงได้รสชาติน้ำเข้าเนื้อดีแล้วก็ยกลง กินได้เลย
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ
เริ่มโดย
ตอบ
อ่าน
กระทู้ล่าสุด
แกงเทโพ อาหารคุ้นเคยที่ทำจากปลาเทโพ ความอร่อยที่ ร.2 พระราชนิพนธ์ถึง
สุขใจ ไปรษณีย์
ใบบุญ
0
462
08 พฤศจิกายน 2564 11:24:31
โดย
ใบบุญ
กำลังโหลด...