[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 มีนาคม 2567 18:01:16 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ชักนาคดึกดำบรรพ์  (อ่าน 792 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5389


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 107.0.0.0 Chrome 107.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 22 พฤศจิกายน 2565 16:28:03 »


การเล่นชักนาคดึกดำบรรพ์ : ภาพวาด ครูเหม เวชกร

การละเล่น ชักนาคดึกดำบรรพ์


ชักนาคดึกดำบรรพ์ มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นมหรสพหลวง เล่นในงานพระราชพิธีอินทราภิเษก ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเป็นพระจักรพรรดิราชของพระเจ้าแผ่นดิน พบในกฎมณเฑียรบาลสมัยต้นอยุธยา ตราขึ้นเมื่อเรือน พ.ศ.๒๐๐๐ มีในตอนที่กล่าวถึงพระราชพิธีอินทราภิเษก ว่าเป็นการแสดงเรื่องการชักนาคเพื่อเอาน้ำอมฤตจากเกษียรสมุทร  การเล่นแบบนี้ผู้เล่นแต่งกายเป็นยักษ์ ลิง เทวดา มีพาลี และสุครีพ เป็นตัวเอก  มีการตั้งเขาพระสุเมรุและภูเขาอื่นๆ ที่กลางสนาม แล้วทำเป็นตัวพญานาคพันรอบภูเขา แล้วให้พวกทหารแต่งตัวเป็นยักษ์หรืออสูร ๑๐๐ ตน ตำรวจมหาดเล็กแต่งตัวเป็นเทวดาและวานรอย่างละ ๑๐๐ แต่งเป็นสุครีพ พาลี และมหาชมพูอย่างละหนึ่งตัว ทำท่าฉุดพญานาคในพิธีชักนาคดึกดำบรรพ์ โดยให้พวกยักษ์หรืออสูรฉุดทางด้านเศียรพญานาค เทวดาอยู่ทางด้านหาง และพวกวานรอยู่ทางปลายหางของพญานาค เพื่อให้มหาสมุทรถูกกวนจนเกิดแผ่นดินและน้ำอมฤต แต่เทวดาและอสูรกลับมาทำสงครามแย่งชิงน้ำอมฤตกัน จนสุดท้าย ฝ่ายเทวดาและวานรได้ใช้กลอุบายหลอกพวกอสูรจนได้น้ำอมฤตไป เหล่าเทวดาจึงได้เป็นใหญ่บนสวรรค์จนทุกวันนี้


สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ โปรดให้เล่นดึกดำบรรพ์

ในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถตั้งแต่ต้นมา เกิดศึกสงครามต้องรบพุ่งกับพระเจ้าติโลกเจ้านครเชียงใหม่หลายครั้ง สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถจึงเสด็จไปประทับที่เมืองพิษณุโลก เอาเมืองพิษณุโลกเป็นราชธานีมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๐๐๖ ส่วนทางกรุงศรีอยุธยาโปรดให้พระโอรสมีนามพระบรมราชาครอง สำเร็จพระราชการหัวเมืองทางใต้ขึ้นกับเมืองพิษณุโลกราชธานี

ในระหว่างที่ประทับอยู่เมืองพิษณุโลก ทรงมีพระมเหสีเป็นเจ้าในราชวงศ์พระร่วงอีกองค์หนึ่งและมีพระโอรสด้วยพระมเหสีใหม่ มีนามว่าพระเชษฐา โปรดสถาปนาเป็นพระมหาอุปราชเมืองพิษณุโลก

สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถครองราชสมบัติอยู่ ๔๐ ปี สวรรคตที่เมืองพิษณุโลกในปี พ.ศ.๒๐๓๑ เมื่อสวรรคต พระบรมราชาที่ครองกรุงศรีอยุธยาได้รับราชสมบัติเป็นสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ พระองค์คงประทับที่กรุงศรีอยุธยา กรุงศรีอยุธยาจึงกลับเป็นราชธานีตามเดิม ส่วนพระเชษฐาได้เป็นพระมหาอุปราชครองเมืองพิษณุโลกต่อไป

ในรัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราช มีเหตุการณ์เกี่ยวกับเมืองทวายครั้งหนึ่ง มูลเหตุคงจะเกิดจากทวายแข็งเมือง หรือมีเรื่องไม่เรียบร้อยเกิดขึ้น สมเด็จพระบรมราชาธิราชจึงยกทัพไปตีได้เมืองทวาย สมเด็จพระบรมราชาครองสมบัติอยู่ ๓ ปี สวรรคตในปี พ.ศ.๒๐๓๔ พระเชษฐาที่เป็นพระมหาอุปราชครองเมืองพิษณุโลกได้รับราชสมบัติ เป็นสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ และเสด็จมาครองกรุงศรีอยุธยา

สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ ได้ครองราชสมบัติมีพระชันษาได้ ๑๙ ปี ในตอนต้นรัชกาลไม่มีเหตุการณ์สำคัญอันใด ถึง พ.ศ.๒๐๓๙ ปรากฏตามพระราชพงศาวดารว่า “ท่านประพฤติการเบญจาพิธพระองค์ท่าน แลให้เล่นการดึกดำบรรพ์” ตามข้อความในพงศาวดารนี้ หมายถึงว่าในปี พ.ศ.๒๐๓๙ นี้ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ มีพระชนมายุได้ ๒๕ ปี โบราณเราถือกันว่าอายุคนเรามีระยะสำคัญ ๒ ครั้ง คือ อายุ ๑๕ ปีครั้งหนึ่ง กับอายุ ๒๕ ปีครั้งหนึ่งเรียกกันว่า “เบญจเพศ” อายุ ๑๕ ปีเรียกว่า “เบญจเพศน้อย” อายุ ๒๕ ปี เรียกว่า “เบญจเพศ” ใหญ่ อายุ ๒๕ ปีเบญจเพศใหญ่ถือว่าสำคัญยิ่งกว่าเบญจเพศน้อย เชื่อกันว่ามักจะมีเคราะห์ จึงมักจะทำบุญกันเป็นพิเศษ

สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ มีพระชนมายุถึง ๒๕ ปี ก็คงจะบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นงานใหญ่ มีการเล่นดึกดำบรรพ์อันนี้คงจะโปรดให้ประกอบพระราชพิธีที่เรียกว่า “อินทราภิเษก” ซึ่งมีการชักนาคดึกดำบรรพ์ตามพิธีไสยศาสตร์ ตามคติของฮินดู พิธีนี้ปรากฏอยู่ในมนเทียรบาล มีรายละเอียดดังนี้

“การพระราชพิธีอินทราภิเศก ตั้งพระสุเมรุ์เส้น ๕ วา ในกลางสนามนั้นพระอินโทรนั่งบนพระสุเมรุ์ อิสินธร ยุคนธร สูงเส้นหนึ่ง กรวิกสูง ๑๕ วา เขาไกรลาศสูง ๑๐ วา ฉัตรทองชั้นใน ฉัตรนาคชั้นกลาง ฉัตรเงินชั้นนอก แลนอกนั้นราชวัตฉัตรเบญจรง ใต้ฉัตรรูปเทพดายืน นอกฉัตรราชวัตรั้วไก่ ฉัตรกระดาดรูปยักษคนธรรภรากษษยืนตีนพระสุเมรุ์ รูปคชสีหราชสีห สิงโต กิเลน เยียงผา ช้าง โค กระบือ แลเสือ หมี มีรูปเทพดานั่งทุกเขาไกรลาศ รูปพระอิศวรเป็นเจ้าแลนางอุมาภควดี ยอดพระสุเมรุ์รูปพระอินทร รูปอสูรอยู่กลางพระสุเมรุ์ รูปพระนารายณ์บรรทมสินในตีนพระสุเมรุ์ นาค ๗ ศิศเกี้ยวพระสุเมรุ์ นอกสนามอสูรยืน นอกกำแพงโรงรำ ระทาดอกไม้ มหาดไทยบำเรอห์ สนองพระโอษฐ์ดำรวจเลกเป็นรูปอสูร ๑๐๐ มหาดเลกเป็นเทพดา ๑๐๐ เป็นพาลีสุครีพมหาชมภูแลบริวารพานร ๑๐๓ ชักนาคดึกดำบรร อสูรชักหัว เทพดาชักหางพานรอยู่ปลายหาง พระสุเมรุ์เหลี่ยมหนึ่งทอง เหลี่ยมหนึ่งนาก เหลี่ยมหนึ่งแก้ว เหลี่ยมหนึ่งเงีน เขายุคนธรทอง อิสินธรนาค กรวิกเงีน ไกรลาศเงีน รอบสนามข้างนอกตั้งช้างม้าจัตุรงคพล นา ๑๐๐๐๐ ใส่ศิรเพศห่มเสื้อนุ่งแพรเคารพ นา ๕๐๐๐ ใส่หมวกทองห่มเสื้อนุ่งแพรจำรวจ นา ๓๐๐๐ หมวกแพรเทศห่มเสื้อนุ่งแพร นา ๒๔๐๐ ลงมาถึงนา ๑๒๐๐ ถือดอกไม้เงีนดอกไม้ทองตามดำแหน่ง ข้าวตอกดอกไม้ถวายบังคม พราหมณาจารียโยคีโภคีอาดาลตบศิวนั่งในราชวัต วันแรกการอธิภาศใน วัน ๒ ราบอันก่อ วัน ๓ สร้างอันก่อ วัน ๔ จบสมิท วัน ๕ ชักดึกดำบรร วัน ๖ ตั้งน้ำสุรามฤตย ๓ ตุ่ม ตั้งช้าง ๓ ศิศ ม้าเผีอกอุศุภราชครุทธราชนางดาราหน้าฉาน ตั้งเครื่องช้างแลเชือกบาศ หอกไชย ตั้งโตมรของ้าว ชุบน้ำสุรามฤตย เทพดาผู้ดึกดำบรรร้อยรูป พระอิศวร พระนารายน์ พระอินท พระพิศวกรรม์ ถือเครื่องสำรับตามทำเนียมเข้ามาถวายพระพร วันคำรพ ๗ พราหมณาจารีย์ถวายพระพร วันคำรพ ๘ ท้าวพระยาถวายพระพร วันคำรพ ๙ ถวายช้างม้าจัตุรงค์ วันคำรพ ๑๐ ถวาย ๑๒ พระคลัง วัน ๑๑ ถวายส่วยสัตพัทยากร วัน ๑๒ ถวายเมือง วัน ๑๓ ถือสุรามฤตย วัน ๑๔ ยกบำนานเทพยดา วัน ๑๕ ยกรางวัลท้าวพระยา วัน ๑๖ ยกรางวัลลูกขุนหมื่น วัน ๑๗ พระราชทานแก่พราหมณาจารีย์ วัน ๑๘ ซัดกัลปพฤกษ์ วัน ๑๙, ๒๐, ๒๑ สามวันปรายเงีนทองสามวัน เล่นมหรสพเดือนหนึ่ง ตั้งกุมภรรณท์ตรงฉานสูงเส้นหนึ่ง มหาดเลกเป็นพานรลอดออกแต่ใน หู ตา จหมูก ปาก ครั้นเสรจ์การเสด็จด้วยพระราชรถให้ทานรอบเมือง”

พระราชพิธีอินทราภิเษกตามที่มีในกฎมนเทียรบาลนี้ ตรงกับเรื่องนารายณ์สิบปาง ปางหนึ่งที่เรียกว่า “กูรมาวตาร” พระนารายณ์อวตารเป็นเต่า เรื่องย่อๆ มีว่า ฤาษีทุรวาสได้พวงมาลัยเหาะมาพบพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ฤาษีถวายมาลัยแก่พระอินทร์ พระอินทร์รับไปวางพาดบนหัวช้าง ช้างเอางวงจับมาลัยฟาด ฤาษีโกรธสาปให้รบแพ้อสูร แต่นั้นมา เทวดาก็แพ้อสูรเรื่อย พระอินทร์ไปเฝ้าพระนารายณ์ขอให้ช่วย พระนารายณ์จึงให้พวกเทวดาทำไมตรีกับอสูร แล้วทำพิธีกวนน้ำอมฤต เอาเขามันทรมาตั้งในเกษียรสมุท เอาพญานาคมาพัน ให้อสูรชักข้างหัว เทวดาชักข้างหาง พระนารายณ์อวตารเป็นเต่ามารองภูเขา ขณะกวนน้ำอมฤตก็มีสิ่งของต่างๆ ผุดขึ้นมา เช่น นาง ช้าง ม้า ไม้กัลปพฤกษ์ ฯลฯ แล้วก็ได้น้ำอมฤตมาให้เทวดากิน มีฤทธิ์รบชนะอสูรและไม่ตาย

เรื่องนารายณ์สิบปาง ปางนี้พวกพราหมณ์คงจะนำเข้ามาตั้งแต่ครั้งโบราณนานไกล ในเรื่องมีกวนน้ำอมฤตสำหรับกินเพื่อไม่ให้ตาย พราหมณ์ที่มีความรู้ก็คงจะเอามาดัดแปลงให้เป็นพระราชพิธีสำหรับพระเจ้าแผ่นดินทรงทำเกี่ยวกับโอกาสสำคัญ ในอันที่จะให้ทรงเจริญพระชนมายุครอบครองราชสมบัติยืนยาว ดังนี้เมื่อสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ ทรงมีพระชนมายุได้ ๒๕ ในปี พ.ศ.๒๐๓๙ เข้าขั้นที่เรียกว่าเบญจเพศ เป็นระยะสำคัญ จึงได้ทรงทำพิธีอินทราภิเษกนี้ ชื่อพิธีอินทราภิเษกก็คงจะมาจากมูลเดิมของเรื่องที่มีพระอินทร์เป็นต้นเหตุ ในกฎมนเทียรบาลไม่นับพระราชพิธีอินทราภิเษกเข้าในพิธี ๑๒ เดือน เป็นแต่แทรกไว้ตอนก่อนจะถึงพระราชพิธีเผด็จศกขึ้นปีใหม่ออกสนามใหญ่ในเดือน ๕ จึงทำให้เข้าใจว่า ลางทีพระราชพิธีอินทราภิเษกนี้ ในสมัยโบราณจะเกี่ยวกับการถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาด้วย

พระราชพิธีอินทราภิเษกในกฎมนเทียรบาลมีกล่าวแปลกออกไปที่ว่าจัดให้มหาดเลก (คือมหาดเล็ก) เป็นพาลี สุครีพ ท้าวมหาชมพู และพลวานรชักนาคด้วย แสดงว่าเอาเรื่องรามเกียรติเข้ามาประสมกับนารายณ์สิบปาง ให้มโหฬารครึกครื้นขึ้น และก็คงจะเป็นเพราะเหตุนี้ ต่อมาจึงกลายมาเป็นการเล่นที่เรียกว่า “โขน” เป็นโขนแบบที่เรียกว่า “โขนกลางแปลง” คือเล่นกลางสนามหรือลานใหญ่ไม่มีโรง

เครื่องแต่งตัวของผู้เล่นชักนาคดึกดำบรรพ์ คงจะเป็นแบบหน้ากากสวมปิดเพียงใบหน้า ให้เห็นเป็นรูปยักษ์ ลิง หรือเทวดา และเชื่อกันว่า เครื่องประดับศีรษะหรือที่เรียกกันต่อมาว่า “หัวโขน” ที่ทำเป็นหน้ายักษ์ ลิง เทวดา ฯลฯ วิวัฒนาการมาจากการเล่นชักนาคดึกบรรพ์



ที่มา :-
- ความรู้ทั่วไปโขน สำนักการสังคีต กรมศิลปากร
- สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ โปรดให้เล่นดึกดำบรรพ์ มูลนิธิเหม เวชกร
- ชักนาคดึกดำบรรพ์ ต้นทางโขน ศาสนา-การเมือง ในอินทราภิเษก / สุจิตต์ วงษ์เทศ
- ชักนาคดึกดำบรรพ์ วิกิพีเดีย

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.396 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page วานนี้