07992
เราอยู่ในโลกของความคิด ๑สุ. เวลาฝัน เห็นอะไรคะ
ผู้ฟัง เห็นเป็นรูปร่าง สมมติว่าฝันว่าลอยน้ำ ก็เห็นน้ำ
สุ. จริงๆแล้ว ไม่เห็นเลย ถูกไหมคะ ในฝันไม่เห็น จำเรื่อง คิดเรื่อง คิดถึงเรื่อง คิด
ถึงสิ่งที่เคยเห็นเท่านั้นเอง แต่ไม่ใช่เห็นอย่างนี้ ใช่ไหมคะ นี่เป็นสิ่งที่เราแยกได้ว่า ฝัน
คือ ไม่ใช่เห็นเดี๋ยวนี้ เราฝันหรือเปล่าคะ เวลานี้
ผู้ฟัง เวลานี้เป็นความจริง
สุ. เวลานี้เป็นความจริง เพราะว่ามีสีสันวรรณะกระทบตา เราก็เลยบอกว่า เวลานี้
จริง ไม่ใช่ฝัน แต่เวลาที่เราฝัน สีสันวัณณะไม่ได้กระทบตา เรานอนหลับตาเลย แต่ใจ
เรานึก เหมือนเห็น แต่เป็นเพียงนึก
เพราะฉะนั้นขณะนี้ก็เหมือนกัน ต่างกันกับฝัน คือ มีสิ่งที่ปรากฏจริงๆให้เรารู้ว่า
เราไม่ได้ฝัน เพราะว่ามีจริงๆปรากฏ เพราะฉะนั้นธรรมเป็นเรื่องจริงที่ปัญญาจะค่อยๆรู้
ความจริงว่า เราอยู่ในโลกของความคิดนึกตลอด สิ่งที่มากระทบตา เราจะคิดก็ได้ ไม่คิด
ก็ได้ เราคิดถึงเรื่องอื่นก็ได้
นี่แสดงให้เห็นว่าเราอยู่ในโลกของความคิด และสิ่งที่ปรากฏ เราจะคิดว่าเป็น
คนนั้นคนนี้ แล้วเกิดโกรธในกิริยาอาการนั้น สิ่งที่ปรากฏทางตาก็เหมือนเราดูรูปภาพใน
โทรทัศน์
นี่แสดงให้เห็นว่า
สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นของจริงอย่างหนึ่ง ส่วนความคิดนั้น
เป็นอีกอย่างหนึ่ง อีกขณะหนึ่ง เราอยู่ในโลกของความคิด โดยอาศัยสิ่งกระทบตา แล้ว
เราก็คิดแต่เรื่องนั้น จำแต่เรื่องนั้น หมกมุ่นอยู่ในเรื่องนั้น
พอเสียงมากระทบหู เราก็คิด
แต่เรื่องของเสียงที่กระทบหู เป็นเสียงสูงๆต่ำๆ แต่สร้างเรื่องมหาศาล สุขทุกข์ก็มาจาก
การที่เราไปปรุงแต่งจากสิ่งที่กระทบหูแล้วก็หมดไป เพราะฉะนั้นปัญญาของเราจะเริ่มรู้
ปรมัตถธรรม คือสิ่งที่มีจริง ไม่ต้องเรียกชื่อก็
ได้ เรียกก็ได้ แต่สิ่งนั้นมีจริง และก็รู้ด้วยว่า
เราอยู่ในโลกของความคิด และสภาพที่เป็น
ปรมัตถธรรมนั้นเราไม่ต้องคิด อย่างสิ่งที่ปรากฏทางตา
เราคิดไม่ได้ ใช่ไหมคะ มีจริงๆ
กระทบตา เราไม่ต้องคิดเลย อย่างเสียง เราก็คิดไม่ได้ ใครจะไปคิดเสียงขึ้นมาได้ แต่
เสียงมีจริงๆ ปรากฏจริงๆ
แต่เราคิดเรื่องเสียงหลังจากที่เสียงปรากฏ เราก็คิดถึง
ความ
หมายของเสียง
เพราะฉะนั้นเราอยู่ในโลกของความคิดของเราเอง เป็นโลกใบหนึ่ง
คนหนึ่งๆ ก็
อยู่ในโลกของตัวเอง แล้วแต่ว่าอะไรจะมากระทบตาก็คิดเรื่องตาเห็น อะไรมากระทบหู ก็
คิดถึงเรื่องหู เวลาที่สิ่งเหล่านี้ไม่มี เราก็จำเอาไว้ วันนั้น คนนั้นทำอย่างนี้ ๒๐ ปีก่อน คน
นั้นทำอย่างนั้น
ก็เป็นแต่เพียงความคิดของเราเอง ถ้าทราบว่า เราเหมือนเล่นกับความ
คิดของเรา ปรุงแต่งคิดไปต่างๆนานาให้สุข ให้ทุกข์จะเห็นว่าไม่มีใครทำอะไรเราได้เลย
นอกจากความคิดของเราอย่างเดียว จะคิดสุขก็ได้ จะคิดทุกข์ก็ได้ จะคิดให้คนนี้รักเรา
คนนี้เกลียดชังเรา ก็แล้วแต่เราจะคิดไป ทั้งๆที่คนนั้นอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นเลยก็ได้
คลิ๊กเพื่อฟัง.. http://www.dhammahome.com/front/audio/show.php?id=7992เสียงบรรยายธรรมะตอนนี้โดย ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ค่ะ...กราบอนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมาย...