[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
25 เมษายน 2567 04:32:55 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โบราณสถานบ้านวิชาเยนทร์ ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรี  (อ่าน 221 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5458


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 108.0.0.0 Chrome 108.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 27 ธันวาคม 2565 16:38:26 »


โบราณสถานบ้านวิชาเยนทร์ หรือบ้านหลวงรับราชทูต ตำบลท่าหิน อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี



บ้านหลวงรับราชทูต (บ้านวิชาเยนทร์)
Official Residence for Ambassadors (Wicahyen House)
ตำบลท่าหลวง อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี

บ้านวิชาเยนทร์ หรือ “บ้านหลวงรับราชทูต” สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีอาณาบริเวณบ้านกว้างขวาง ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของพระนารายณ์ราชนิเวศน์ เป็นที่พำนักของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ ขุนนางสำคัญในสมัยนั้น จึงได้ชื่อว่า “บ้านวิชาเยนทร์” นอกจากนี้ เมื่อครั้งทูตจากประเทศฝรั่งเศสชุดแรกที่เข้ามาเมื่อปี พ.ศ.๒๒๒๘ ก็ได้พัก ณ สถานที่แห่งนี้ จึงได้ชื่อว่า “บ้านหลวงรับราชทูต” อีกชื่อหนึ่ง

บ้านวิชาเยนทร์ เป็นโบราณสถานที่สำคัญในทางประวัติศาสร์ของเมืองลพบุรี ในสมัยอยุธยา ซึ่งในขณะนั้นถือเป็นเมืองหลวงแห่งที่สองของกรุงศรีอยุธยา  บ้านหลังนี้สร้างด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรม อินโด-เปอร์เซีย ซึ่งนักวิชาการสันนิษฐานว่าเป็นบ้านของพ่อค้าชาวเปอร์เซียที่เข้ามาค้าขายในกรุงศรีอยุธยา ก่อน พ.ศ.๒๒๒๖  ในภายหลังได้ตกมาเป็นสมบัติของราชสำนัก และสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้พระราชทานบ้านหลังนี้แก่ ออกญาวิชาเยนทร์ นักผจญภัยชาวกรีก เดิมชื่อ คอนสแตนติน ฟอลคอน เกิดที่แคว้นเซฟาโลเนีย (ประเทศกรีซ)  เมื่อ ค.ศ.๑๖๔๗ (พ.ศ.๒๑๙๐)  โดยมีเชื้อสายของชาวกรีกและเวนิช เข้าทำงานให้กับบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ เดินทางมายังสยามในฐานะพ่อค้า   เนื่องจากมีความสามารถพิเศษในการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศอย่างง่ายดาย นอกจากภาษากรีกแล้ว ฟอลคอนมีความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาโปรตุเกส ฯลฯ และเรียนรู้การใช้ภาษาไทยอย่างคล่องแคล่วในเวลาไม่กี่ปี   ต่อมา ฟอลคอนเข้ารับราชการในราชสำนักสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ในตำแหน่งล่าม และเป็นตัวกลางการค้าระหว่างอยุธยากับฝรั่งเศส ได้รับความดีความชอบและความไว้วางพระราชหฤทัย จนกระทั่งได้กลายมาเป็นสมุหเสนา ระหว่างปี พ.ศ.๒๒๒๘ - ๒๒๓๑ จึงนับเป็นชาวตะวันตกคนแรกที่เข้ามารับราชการในสมัยอยุธยา   คอนสแตนติน ฟอลคอน แต่งงานกับ มารี เดอร์กีมาร์ คริสตังเชื้อสายโปรตุเกส, เบงกอล และญี่ปุ่น หรือคนไทยรู้จักกันในชื่อ ท้าวทองกีบม้า กับตำนานขนมทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง

ในปี ๒๒๒๘ ทางราชสำนักกรุงศรีอยุธยาได้ใช้บ้านพระยาวิชาเยนทร์ เป็นที่รับรองคณะราชทูตของพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ แห่งฝรั่งเศส นำโดย เชอวาเลีย เดอโชมองต์ และคณะ ผู้นำพระราชสาส์นมาถวายสมเด็จพระนารายณ์มหาราชที่เมืองละโว้ หรือเมืองลพบุรี

บ้านวิชาเยนทร์แบ่งเป็น ๓ ส่วน มีประตูทางเข้า ๓ ประตู โดยประตูหนึ่งอยู่ตรงข้ามกับประตูทางเข้าพระนารายณ์ราชนิเวศน์ ซึ่งน่าจะเป็นที่สะดวกแก่เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ในการเดินทางเข้าเฝ้าสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

ส่วนทิศตะวันตก เป็นอาคารที่พักของออกญาวิชาเยนทร์

ส่วนกลาง เป็นโบสถ์ในศาสนาคริสต์ (โบสถ์ นอเตรอะ-ดาม เดอ ลอแรตต์ - Notre-Dame de Luarette) ซึ่งได้มีการสร้างขึ้นมาเป็นการเฉพาะ คล้ายๆ กับเป็นหอพระประจำบ้าน เพื่อให้พวกคณะทูตได้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้สะดวกตลอดช่วงระยะเวลาที่พำนักอยู่เมืองละโว้

ส่วนทิศตะวันออก ในปี ๒๒๒๘ ใช้เป็นส่วนที่พัก ที่จัดเลี้ยงอาหารและเครื่องดื่ม แก่คณะทูตชาวฝรั่งเศสเต์และคณะ ที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรี

เมื่อสิ้นรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช หมู่อาคารบ้านวิชาเยนทร์ ถูกปล่อยทิ้งร้างให้ชำรุดทรุดโทรมลงตามลำดับ แต่อย่างไรก็ตามหมู่อาคารเหล่านั้นยังคงแสดงให้เห็นถึงความใหญ่โตหรูหรา และอำนาจของผู้ครอบครองได้เป็นอย่างดี







อาคารแบบตะวันตกที่มีผนังค่อนข้างหนาเพื่อรองรับโครงสร้างหลังคา  มีกรอบหน้าต่างที่กว้างและสูง  มีการประดับปูนปั้น
เหนือกรอบประตูหน้าต่าง เป็นรูปสามเหลี่ยมทรงจั่ว มีเส้นปูนแบ่งระดับชั้น เพื่อให้รู้ว่าเป็นส่วนของอาคารชั้นบนและชั้นล่าง


ลักษณะของสถาปัตยกรรมในบ้านวิชาเยนทร์  บางหลังเป็นแบบยุโรปอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอาคารใหญ่ทางทิศตะวันออก
ก่ออิฐถือปูนสูง ๒ ชั้น หน้าต่างและซุ้มประตูของอาคารแสดงให้เห็นลักษณะศิลปะตะวันตกแบบเรอเนสซองค์ ซึ่งแพร่หลาย
ในระยะเวลาเดียวกัน  ที่สำคัญอีก คือ อาคารที่เป็นโบสถ์คริสต์ศาสนา ผังและแบบของโบสถ์ เป็นแบบยุโรป มีซุ้มประตูและ
หน้าต่าง เป็นซุ้มเรือนแก้ว เสาปลายเป็นรูปกลีบบัวยาว  ซึ่งเป็นศิลปะแบบไทย ถือว่าเป็นโบสถ์คริสต์ศาสนาหลังแรกในโลก
ที่ตกแต่งด้วยลักษณะของโบสถ์ทางพระพุทธศาสนา













บ้านวิชาเยนทร์ เปิดบริการให้เข้าชมระหว่างเวลา 08.00 - 18.00 น.
ยกเว้นวันจันทร์ และวันอังคาร
หากต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะ พร้อมวิทยากรผู้เชี่ยวชาญบรรยาย
กรุณาติดต่อ 0868103413


ที่มาข้อมูล :
- "บ้านวิชาเยนทร์" สำนักศิลปากรที่ ๔ ลพบุรี
- "ไขปริศนาห้องลับ บ้านหลวงรับราชทูต เมืองละโว้" กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมศิลปากร
- "บ้านวิชาเยนทร์ เว็บไซต์" ส่งเสริมการท่องเที่ยว และประชาสัมพันธ์ จังหวัดลพบุรี
- วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

800/24

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27 ธันวาคม 2565 16:41:43 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5458


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 108.0.0.0 Chrome 108.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2565 17:41:42 »


ภาพ : ภาพลายเส้นคอนสแตนติน ฟอลคอน และนางแองเจลินา ทรัพย์

ทายาทของคอนสแตนติน ฟอลคอน

เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) เป็นนักผจญภัยชาวกรีก ผู้กลายมาเป็นสมุหนายกในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา เกิดที่แคว้นเซฟาโลเนีย (ประเทศกรีซ)  เมื่อ ค.ศ.๑๖๔๗ (พ.ศ.๒๑๙๐)  โดยมีเชื้อสายของชาวกรีกและเวนิช เข้าทำงานให้กับบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ

ค.ศ.๑๖๖๒ (พ.ศ.๒๒๐๕) ฟอนคอนออกจากบ้าน และเดินเรือสินค้าไปค้าขายยังแดนต่างๆ ค.ศ.๑๖๗๕ (พ.ศ.๒๒๑๘) เดินทางมายังสยามในฐานะพ่อค้า เนื่องจากมีความสามารถพิเศษในการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศอย่างง่ายดาย  นอกจากภาษากรีกแล้ว ฟอลคอนมีความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาโปรตุเกส ฯลฯ และเรียนรู้การใช้ภาษาไทยอย่างคล่องแคล่วในเวลากี่ปี

ต่อมา ฟอลคอนเข้ารับราชการในราชสำนักสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ในตำแหน่งล่าม และเป็นตัวกลางการค้าระหว่างอยุธยากับฝรั่งเศส จนกระทั่งได้กลายมาเป็นสมุหเสนา ในสมัยพระนารายณ์มหาราชในเวลาอันรวดเร็ว

เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ หรือคอนสแตนติน ฟอลคอน จึงนับเป็นชาวตะวันตกคนแรกที่เข้ามารับราชการในสมัยอยุธยา

ทายาทของคอนสแตนติน ฟอลคอน
เผยประวัติศาสตร์ทายาทสายตรงของฟอลคอล และ มารี กีมาร์

เพจกรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา โดยหนุ่มรัตนะและอชิรวิชญ์ ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับทายาทของคอนสแตนติน ฟอลคอน ซึ่งปรากฏใน Journal of the Siam Society Vol. 11.2 1914-15 เรื่อง An Early British Merchant in Bangkok (พ่อค้าอังกฤษคนแรกในกรุงรัตนโกสินทร์) โดย Adey R. Moore และเผยแพร่โดยกรมศิลปากร เนื้อหามีดังนี้

คอนสแตนติน ฟอลคอน แต่งงานกับ ท้าวทองกีบม้า ทั้งคู่มีบุตรชายด้วยกัน ๑ คน ซึ่งเมื่อบุตรชายท่านนี้ได้เติบโตได้รับราชการในแผ่นดินสยามในตำแหน่งทูต และถูกส่งไปยังเมืองท่าของฝรั่งเศส คือเมืองปอนดิเชอรี เป็นเมืองอยู่แถวชายฝั่งโคโรแมนเดล ประเทศอินเดีย บุตรชายท่านนี้ได้แต่งงานกับสตรีเชื้อสายโปรตุเกส และมีทายาทเป็นหญิงหลายคนและหนึ่งในนั้นเป็นชาย ชื่อ จอห์น

จอห์น (รุ่นหลานของฟอลคอน) ได้สืบพบว่าได้ถูกจับตัวกวาดต้อนเป็นเชลยไปยังพม่าด้วยเมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ แต่ว่าจอห์นได้หลบหนีกลับมาสยามได้อีกหลังจากนั้นใน ๒-๓ ปีต่อมา จอห์นได้มาตั้งบ้านเรือนอยู่แถวย่านวัดซางตาครูส ซึ่งเป็นเชื้อสายของแม่จอห์นนั่นเอง หลานสาวคนหนึ่งของฟอลคอนตกเป็นเชลยพม่าเช่นเดียวกัน แต่ถูกนำตัวไปเมืองมะริด และได้พบรักกับ ฌอง ชี มีตำแหน่งยศร้อยเอกชาวโปรตุเกสรับราชการที่พม่า เป็นชาวคาทอลิกที่อพยพมาจากมาเก๊า และได้แต่งงานกันที่มะริดใน พ.ศ.๒๓๑๑ และมีทายาทเป็นบุตรสาวชื่อฟิลิปปา (ยังมีชีวิตอยู่จนถึง พ.ศ.๒๔๐๔) และแต่งงานกับ ตาเวียน และได้อพยพมาอยู่ย่านซางตาครูสในกรุงสยาม

ฟิลิปปาและตาเวียน ให้กำเนิดทายาท คือ แองเจลินา ทรัพย์ (เกิด พ.ศ.๒๓๔๘) แต่งงานกับ โรเบิร์ต ฮันเตอร์ (นายหันแตร) ใน พ.ศ.๒๓๖๘ มีทายาท คือ โรเบิร์ต ฮันเตอร์ที่ ๒

​ว่ากันว่านางแองเจลินา ทรัพย์นั้นมีผิวขาวสวย มีดวงตาเหมือนควีนวิคตอเรีย มีมารยาทงดงามเพราะได้รับการอบรมมาอย่างดีด้วย เพราะว่าในช่วงวัยเด็กได้ใช้ชีวิตอยู่วังหลัง ซึ่งยังปรากฏภาพของนางทรัพย์ในหนังสือของบาทหลวงปาเลอกัวซ์

โรเบิร์ต ฮันเตอร์ที่ ๒ ชื่อเดียวกับบิดาเกิดใน พ.ศ.๒๓๗๐ ถูกส่งไปเรียนต่อที่สกอตแลนด์และได้กลับมาทำงานในเมืองไทย โดยบิดาได้สร้างอาคารให้เขาริมคลองย่านซางตาครูส ซึ่งอยู่เหนือโรงสินค้าหน้าบ้านนางทรัพย์นั่นเอง โรเบิร์ต ฮันเตอร์ที่ ๒ ได้แต่งงานกับนางสาวโรซา รีไบโร เดอ อัลแวร์การีอัส น้อย (เป็นบุตรสาวของพระยาวิเศษสงคราม เป็นคาทอลิก) เมื่อ พ.ศ.๒๓๙๒ ในบันทึกของจอห์น คอรเฟิต บรรยายว่า “ในตอนบ่ายได้พบกับพระยาวิเศษสงคราม (ปาสกัลป์ รีไบโร เดอ อัลแวร์การีอัส) เป็นลูกหลานชาวคริสเตียนชาวโปรตุเกสในกัมพูชา ความสามารถของเขาโดดเด่น เนื่องจากไม่เพียงเขียนภาษาไทย เขมร และโปรตุเกสได้คล่องแล้ว ยังสามารถพูดและเขียนภาษาละตินได้อย่างถูกต้อง เขาได้แต่งงานกับลูกหลานที่สืบเชื้อสายจากชาวอังกฤษที่เข้าไปตั้งถิ่นฐานในกัมพูชาเมื่อ พ.ศ.๒๒๔๔ พระยาวิเศษสงครามเป็นลูกหลานของชาวเขมร จึงมีบ้านช่องอยู่ที่บ้านเขมรสามเสน

โรเบิร์ต ฮันเตอร์ที่ ๒ เข้ารับราชการในสยามจนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นหลวงสุรสาคร ซึ่งรับผิดชอบหน่วยงานด้านกรมท่า ในคราวท่านเซอร์ จอห์น บาวริ่ง นำเรือแรตเลอร์ เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับกรุงสยาม ในสมัยรัชกาลที่ ๔ นั้น โรเบิร์ต ฮันเตอร์ที่ ๒ ได้ขึ้นไปบนเรือนี้ด้วย โดยท่านเซอร์บรรยายว่าเท่าที่เห็น มิสเตอร์ฮันเตอร์ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ดูแลในการต้อนรับข้าพเจ้าโรเบิร์ต ฮันเตอร์ที่ ๒ จดทะเบียนเป็นคนบังคับในสัญชาติอังกฤษเมื่อ ๒๐ มิถุนายน ๒๓๙๙ และถึงแก่กรรมโดยกะทันหันด้วยวัยเพียง ๓๘ เมื่อ ๑๙ เมษายน ๒๔๐๘ ที่บ้านซางตาครูสใกล้บ้านมารดาของเขา โรเบิร์ต ฮันเตอร์ที่ ๒ มีทายาท ๒ คน คือ โรเบิร์ต ฮันเตอร์ที่ ๓ (๒๓๙๔-๒๔๓๒) และจอห์น (๒๓๙๖-๒๔๓๔) ทั้งคู่ไม่มีทายาท

น้องสาวต่างมารดาของ โรเบิร์ต ฮันเตอร์ที่ ๓ ชื่อ โนรี เป็นสาวงามอีกคนหนึ่งได้สมรสกับ เบนจามิน บิง มีลูกหลานสืบต่อกันมาและรับราชการในกองทัพบกด้วย โดยเบนจามิน บิงนั้นเป็นพี่น้องกับหลวงอัคนีนฤมิตร (ฟรานซิส จิตร) ผู้โดดเด่นเรื่องการถ่ายรูปยุคแรกของสยาม

หากถึงปัจจุบันนี้ ชุมชมย่านวัดซางตาครูสยังคงอยู่ ก็คาดว่าจะมีทายาทของคอนสแตนติน ฟอลคอน สืบสายอยู่แน่นอน




สุสานของฟอลคอน

เมื่อเดือน ส.ค.๒๕๕๗ เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรได้ขุดซากฐานอิฐ สันนิษฐานเป็นโบสถ์คริสต์เก่าในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งกรุงศรีอยุธยา ในพื้นที่ชาวบ้านตรงข้ามวัดสันเปาโล ซอยพญาอนุชิต ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี พบโครงกระดูกมนุษย์ ๒ โครง คาดอายุราว ๓๐๐ กว่าปี โครงกระดูกแรกเป็นมนุษย์มีความสูงไม่เกิน ๑๔๐ เซนติเมตร สวมแหวนหิน อีกโครงอยู่ห่างกันไปประมาณ ๕ เมตร เป็นมนุษย์รูปร่างสูงใหญ่ ไม่มีกะโหลกศีรษะ

เจ้าหน้าที่กรมศิลปากร คาดว่า มีความเป็นไปได้ที่โครงกระดูกทั้ง ผผผผ- โครงนี้ คือ โครงกระดูกของพระปีย์ พระราชโอรสบุญธรรมของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่มีความพิการเตี้ยค่อม ถูกกลุ่มของพระเพทราชาและหลวงสรศักดิ์สังหาร เมื่อวันที่ ๑๘ พ.ค.๒๒๓๑ ด้วยเป็นหนึ่งในผู้มีสิทธิในราชบัลลังก์ และอีกโครงเป็นของพระยาวิชาเยนทร์ หรือคอนสแตนติน ฟอลคอน ขุนนางชาวกรีก ที่เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ถึงได้รับตำแหน่งเป็นสมุหนายก ก่อนถูกกลุ่มของพระเพทราชาจับกุมแล้วสังหารที่ลพบุรี เมื่อวันที่ ๕ มิ.ย. ๒๒๓๑ ทั้งนี้ คาดว่าหลังการเสียชีวิตของทั้งสอง มีผู้นำร่างของทั้งคู่มาฝังตามธรรมเนียมของคริสต์ศาสนาในพื้นที่ดังกล่าว





เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นแซงต์มิแชล
           (Ordre de Saint-Michel)

คอนสแตนซ์ได้รับพระราชทานจากพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ และขอให้ขุนนางไทยที่อยู่กับเขาตอนถูกประหารชีวิตส่งต่อให้จอร์จ แต่ไม่ทราบว่าจะถึงมือจอร์จหรือไม่ เพราะทรัพย์สินส่วนใหญ่ถูกริบเข้าหลวง

นายจอร์จแต่งงานกับหญิงชื่อลุยซา ปัสซัญญา(Louisa Passagna) มีลูกชายชื่อคอนสแตนตินเหมือนกับปู่ ต่อมาเมื่อนายจอร์จตาย นางลุยซาจึงแต่งงานใหม่กับชาวไอร์แลนด์ชื่อ 'คูลี' ซึ่งมีฐานะร่ำรวย

ในสมัยสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ ท้าวทองกีบม้า(ตอนนั้นใช้ชื่อว่า ดอญ่า กูโยมาร์ เดอ ปินา)กับลุยซาลูกสะใภ้ พยายามถวายฎีกาต่อพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๕ ขอให้บริษัทอินเดียตะวันออกของฝรั่งเศสคืนเงินส่วนที่คอนสแตนซ์เคยเข้าหุ้นไว้พร้อมดอกเบี้ย แต่ผู้อำนวยการบริษัทปฏิเสธจ่ายเงินโดยอ้างว่าว่าในเวลานั้นนางเป็นคนโปรดในราชสำนักอยุทธยามานานแล้ว นางเองก็ได้เป็นพระพี่เลี้ยงของพระโอรสด้วยจึงทำให้นางได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆมากมาย และก็กล่าวด้วยว่านางลุยซาก็ได้แต่งงานใหม่กับคูลีซึ่งร่ำรวยด้วย เรื่องที่ยื่นขอเงินมาจึงไม่ชอบด้วยเหตุผล

บริษัทยังกล่าวอีกว่า 'คอนสแตนติน ฟอลคอนมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามข้อความที่ได้สัญญาไว้ เงินที่สัญญาว่าจะให้นั้นก็ได้ให้แต่ครึ่งเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นผู้รับทรัพย์มรดกของคอนสแตนติน ฟอลคอนมิได้เกี่ยวในการได้เสียของบริษัท จึงไม่ควรจะได้รับประโยชน์จากบริษัทอย่างใด แต่ควรจะต้องใช้เงินให้แก่บริษัทจึงจะถูก และข้อที่ขอร้องในเรื่องราวนั้นไม่มีแก่นสารอย่างใดเลย'



ซ้าย : พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๕ วาดโดย Jean Ranc ใน พ.ศ.๒๑๖๑
ขวา : เจ้าชายฟิลิปป์ที่ ๒ ดยุคแห่งออร์เลอองส์ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินฝรั่งเศสในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑

ที่มา : เว็บไซต์ส่งเสริมการท่องเที่ยว และประชาสัมพันธ์ จังหวัดลพบุรี
บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
ปรางค์สามยอด แดนดินถิ่นวานรของฝูงลิงอารมณ์ดี : อ.เมือง จ.ลพบุรี
สุขใจ ไปเที่ยว
Kimleng 2 4065 กระทู้ล่าสุด 28 ธันวาคม 2559 15:58:52
โดย Kimleng
หลวงพ่อถม ธัมมทีโป วัดเชิงท่า ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรี
ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
ใบบุญ 0 777 กระทู้ล่าสุด 15 กันยายน 2562 17:05:10
โดย ใบบุญ
โบราณสถานวัดนครโกษา อ.เมือง จ.ลพบุรี
สุขใจ ไปเที่ยว
Kimleng 3 1078 กระทู้ล่าสุด 16 เมษายน 2564 16:17:21
โดย หมีงงในพงหญ้า
อ่างเก็บน้ำซับเหล็ก ต.นิคมสร้างตนเอง อ.เมือง จ.ลพบุรี
สุขใจ ไปเที่ยว
Kimleng 0 327 กระทู้ล่าสุด 31 ธันวาคม 2565 20:06:57
โดย Kimleng
ทุ่งทานตะวันเขาจีนแล ต.นิคมสร้างตนเอง อ.เมือง จ.ลพบุรี
สุขใจ ไปเที่ยว
Kimleng 0 289 กระทู้ล่าสุด 03 มกราคม 2566 15:56:03
โดย Kimleng
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.299 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 14 มีนาคม 2567 19:34:26