[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 มีนาคม 2567 22:19:23 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: วาสนาสร้างเองได้  (อ่าน 5165 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sometime
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2553 19:13:58 »


<table class="maeva" cellpadding="0" cellspacing="0" border="0" style="width: 800px" id="sae1"> <tr><td style="width: 800px; height: 64px" colspan="2" id="saeva1"><script type="text/javascript"><!-- // --><![CDATA[ var oldLoad = window.onload; window.onload = function() { if (typeof(oldLoad) == "function") oldLoad(); if (typeof(aevacopy) == "function") aevacopy(); } // ]]></script><embed type="application/x-shockwave-flash" src="http://www.flash-mp3-player.net/medias/player_mp3_maxi.swf?mp3=http://www.watnyanaves.net/uploads/File/sounds/india-asia/india-asia_07.mp3&amp;width=250&amp;showstop=1&amp;showinfo=1&amp;showvolume=1&amp;volumewidth=35&amp;sliderovercolor=ff0000&amp;buttonovercolor=ff0000" width="800px" height="64px" wmode="transparent" quality="high" allowFullScreen="true" allowScriptAccess="never" pluginspage="http://www.macromedia.com/go/getflashplayer" autoplay="false" autostart="false" /></td></tr> <tr><td class="aeva_t"><a href="http://www.watnyanaves.net/uploads/File/sounds/india-asia/india-asia_07.mp3" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.watnyanaves.net/uploads/File/sounds/india-asia/india-asia_07.mp3</a></td><td class="aeva_q" id="aqc1"></td></tr></table>



ถ่ายภาพประกอบเนื้อหาโดยข้าพเจ้า(บางครั้ง)ขอรับภาพนี้เก็บอยู่ที่ ตากล้อง DOTCOM



...............................วันเกิดเป็นวันดีเพราะเราทำให้มันดี................................




ทั้งวันเกิด และวันขึ้นปีใหม่นี้ เป็นอันว่าดีทั้งนั้นที่ว่าดีก็เพราะเราทำให้ดีนั่นเองที่ว่าทำให้ดี ทำอย่างไร ก็เริ่มตั้งแต่ทำใจให้ดีทำใจให้ดี ให้ร่าเริงเบิกบานแจ่มใส และตั้งใจดีคิดดี ท่านเรียกว่าเป็นมโนกรรมที่เป็นบุญเป็นบุญกุศล ตอนนี้แหละมงคลเกิดขึ้นทันทีทีนี้พอใจดี สบายใจผ่องใสเบิกบาน คิดในทางที่ดี และตั้งใจดีว่าจะทำอะไร ๆ ที่เป็นเรื่องดีๆ แล้วต่อไป ก็พูดดี ต่อจากนั้นที่สำคัญก็ทำออกมาข้างนอกดี นี่แหละเป็นมงคลที่แท้จริง





................................ทำบุญวันเกิดให้เป็นการเริ่มต้นที่ดี....................................




วันเกิดนั้นเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต ทุกคนที่มีชีวิตยืนยาวมาจนบัดนี้ก็เริ่มจากการเกิดทั้งนั้น แต่สำหรับชาวพุทธเราไม่ว่าจะปรารภหรือ
นึกถึงอะไรก็ตาม ก็จะทำให้เป็นบุญเป็นกุศล คือทำให้เป็นเรื่องดีไปหมดในการทำให้ดีนั้น สำหรับวันเกิดเราก็มองหาความหมายก่อน โดย
ทั่วไปก็จะมองว่าการทำบุญวันเกิดนั้น เป็นการเริ่มต้นที่ดี เพราะวันเกิดก็คือวันเริ่มต้นของชีวิตในแต่ละรอบปี การทำบุญวันเกิดก็คือการเริ่มต้น
อายุในรอบปีต่อไปด้วยการทำความดี โดยเริ่มต้นดีด้วยการทำบุญ ทำกุศล เรียกว่าเป็นนิมิตให้เกิดความสุขความเจริญ นี้ก็อย่างหนึ่ง


Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 พฤษภาคม 2553 20:34:47 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2553 19:21:26 »





.....................................วันเกิดคือวันที่เตือนใจให้เกิดกันให้ดี ๆ..............................



ความหมายอีกอย่างหนึ่งก็คือ เราพูดว่าวันเกิด ก็เกิดกันมาตั้งนานแล้วนี่ จะเกิดอย่างไรอีก แต่ทางพระท่านบอกว่าเราเกิดอยู่เรื่อย ๆ
เวลานี้เราก็เกิดอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราไม่เกิดอยู่เรื่อยๆ เราก็อยู่ไม่ได้การเกิดนี้มีทั้งรูปธรรม และนามธรรมในกรณีนี้ การเกิดทางนามธรรมกลับเห็นง่าย คือ
การเกิดทางจิตใจ ซึ่งเราก็พูดกันอยู่เสมอ เช่น เกิดความสุข เกิดความสดชื่น เกิดปีติเกิดความเบิกบานใจ เกิดเมตตา เกิดศรัทธา เกิดทั้งนั้น
ที่เราเป็นอยู่นี้ เดี๋ยวก็เกิดอันโน้น เดี๋ยวก็เกิดอันนี้ คือเกิดกุศลหรืออกุศลในใจในทางไม่ดีก็เกิดความโกรธเกิดความเกลียด เกิดความกลัว อย่างนี้ไม่ดี
เมื่อถึงวันเกิดก็เลยเป็นเครื่องเตือนใจสำหรับชาวพุทธว่าให้เกิดดี ๆ นะ คือเกิดกุศลในใจ เราก็มาตั้งใจทำใจให้เกิดความสุข เกิดปีติเรียกว่าเกิดอกุศล
เกิดศรัทธา เกิดเมตตา เกิดความสดชื่น เกิดความอิ่มใจ เกิดความแจ่มใส เกิดความเบิกบานใจ ถ้าเกิดอย่างนี้เรื่อย ๆ ต่อไปก็จะมีความสุข
และความเจริญอย่างแน่นอนฉะนั้น วิธีดำเนินชีวิตอย่างหนึ่งก็คือ เกิดให้ดี โดยทำใจของเราให้เกิดกุศล และการเกิดที่ประเสริฐสุดก็คือการเกิดของกุศลนี้แหละเมื่อใดใจเกิดกุศล จะเป็นด้านความรู้สึกที่สบาย ผ่องใส เอิบอิ่ม เบิกบานใจก็ตาม เป็นคุณธรรม เช่น เมตตา ไมตรีก็ตาม หรือเป็นความคิด
ที่ดีว่าจะทำโน่นทำนี่ ที่เป็นการสร้างสรรค์ ช่วยเหลือกัน ร่วมมือกัน เอื้อเฟื้อกันก็ตาม เกิดอย่างนี้แล้วมีแต่ดีทั้งนั้น
นี่แหละคือวันเกิดที่ว่ามีความหมายเป็นการเริ่มต้นที่ดี เมื่อเกิดอย่างนี้แล้วต่อไปก็ออกสู่การกระทำ มีการปฏิบัติที่ดีไปหมด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 พฤษภาคม 2553 20:23:30 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2553 19:27:24 »





..........................................เราสร้างวาสนาแล้ววาสนาก็สร้างเรา.....................................




ถ้าใจของเราเกิดอย่างนี้บ่อยๆ จิตก็จะคุ้นเป็นนิสัย คือคนเรานี้อยู่ด้วยความเคยชินเป็นส่วนใหญ่
เราไม่ค่อยรู้ตัวหรอกว่า ที่เราอยู่กันนี้เราทำอะไรๆ ไปตามความเคยชิน ไม่ว่าจะพูดกับใคร จะเดินอย่างไร เวลามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น
เราจะตอบสนองอย่างไร ฯลฯ เรามักจะทำตามความเคยชินทีนี้ก่อนจะมีความเคยชินก็ต้องมีการสะสมขึ้นมา คือทำบ่อย ๆบ่อยจนทำได้โดยไม่รู้ตัวแต่ทีนี้
ท่านเตือนว่า ถ้าเราปล่อยไปอย่างนี้ มันจะเคยชินแบบไม่แน่นอนว่าจะร้ายหรือจะดี และเราก็จะไม่เป็นตัวของตัวเอง ท่านก็เลยบอกว่าให้มีเจตนาตั้งใจสร้างความเคยชินที่ดีความเคยชินที่เกิดขึ้นนี้ท่านเรียกว่า วาสนา ซึ่งเป็นความหมายที่แท้และดั้งเดิม ไม่ใช่ความหมายในภาษาไทยที่เพี้ยนไป
วาสนา ก็คือความเคยชิน ตั้งแต่ของจิตใจ ตลอดจนการแสดงออกที่กลายเป็นลักษณะประจำตัว ใครมีความเคยชินอย่างไร ก็เป็น
วาสนาของคนนั้นอย่างนั้น และเขาก็จะทำอะไรๆ ไปตามวาสนาของเขาหรือวาสนาก็จะพาเขาไปให้ทำอย่างนั้น ๆเ วลาพบเห็นอะไรใครสั่งสมจิตใจชอบมาทางไหน ก็ไปทางนั้นเช่น มีของเลือก ๒ - ๓ อย่าง คนไหนชอบสิ่งไหนก็จะหันเข้าหาแต่สิ่งนั้นแม้แต่ไปตลาดไปร้านค้าไปที่นั่นมีร้านค้าหลายอย่าง อาจจะเป็นห้างสรรพสินค้า เดินไปด้วยกัน คนหนึ่งชอบหนังสือก็ไปเข้าร้านหนังสืออีกคนไปเข้าร้านขายของเครื่องใช้ เครื่องครัว เป็นต้น แต่อีกคนหนึ่งไป
เข้าร้านขายของฟุ่มเฟือยอย่างนี้แหละเรียกว่า วาสนาพาไป คือ ใครสะสมเคยชินมาอย่างไร ก็ไปตามนั้น และวาสนานี้แหละจะเป็นตัวการที่ทำให้ชีวิตของเราผันแปรไปตามมัน พระท่านมองวาสนาอย่างนี้เพราะฉะนั้น วาสนาจึงเป็นเหตุเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ โดยไม่รู้ตัว ท่านก็เลยบอกว่าให้เรามาตั้งใจสร้างวาสนาให้ดี เพราะวาสนานั้นสร้างได้คนไทยเราชอบพูดว่าวาสนานี้แข่งกันไม่ได้ แต่พระบอกว่าให้แก้ไขวาสนา ให้เราปรับปรุงวาสนา เพราะมันอยู่ที่ตัวเรา ที่สร้างมันขึ้นมา แต่การแก้ไขอาจจะยากสักหน่อย เพราะความเคยชินนี้แก้ยากมาก แต่แก้ได้
ปรับปรุงได้ ถ้าเราทำ ก็จะมีผลดีต่อชีวิตอย่างมากมายขอให้จำไว้เป็นคติประจำใจเลยว่า วาสนามีไว้แก้ไข ไม่ใช่มีไว้แข่งขัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 พฤษภาคม 2553 20:24:17 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2553 19:34:25 »





......................................ถ้าคิดเป็นก็พลิกวาสนาได้.....................................



บางคนเกิดมาจน บอกว่าตนมีวาสนาไม่ดี หรือบางทีบอกว่า เราไม่มีวาสนา พูดอย่างนี้ยังไม่ถูก คนจนวาสนาดีก็มี วาสนาไม่ดีก็มี คนมี
ก็อับวาสนาได้ถ้าเกิดมาจนแล้ว มัวแต่หดหู่ ระย่อ ท้อแท้ใจ ได้แต่ขุ่นมัว เศร้าหมอง คิดอย่างนี้อยู่เรื่อย ก็แน่นอนละว่าวาสนาไม่ดี เพราะคิดเคยชินใน
ทางไม่ดี จนความท้อแท้อ่อนแอกลายเป็นลักษณะประจำตัวแต่ถ้าเกิดมาจนแล้วคิดถูกทางว่าก็ดีนี่เราเกิดมาจนนี่แหละเจอแบบฝึกหัดมากพระท่านว่าคนนี้เป็นสัตว์พิเศษจะประเสริฐได้ด้วยการฝึก เพราะเราจน เราจึงมีเรื่องยากลำบากที่จะต้องทำ มีปัญหาให้ต้องคิดและเพียรพยายามแก้ไขมาก นี่แหละคือได้ทำแบบฝึกหัดมากเมื่อเราทำแบบฝึกหัดมาก เราก็จะยิ่งพัฒนามากได้พัฒนาทักษะให้ทำอะไรได้ชำนิชำนาญ พัฒนาจิตใจให้เข้มแข็งอดทน มีความเพียร
พยายามใจสู้ จะฝึกสติฝึกสมาธิก็ได้ทั้งนั้น และที่สำคัญยอดเยี่ยมคือได้ฝึกปัญญา ในการคิดหาทางแก้ไขปัญหาคนที่เกิดมาร่ำรวยมั่งมี ถ้าไม่รู้จักคิด ไม่หาแบบฝึกหัดมาทำมัวแต่หลงเพลิดเพลินในความสุขสบาย นั่นแหละจะเป็นวาสนาไม่ดีต่อไปจะกลายเป็นคนอ่อนแอ ทำอะไรไม่เป็น ปัญญาก็ไม่พัฒนา กลายเป็นคนเสียเปรียบเพราะฉะนั้น ใครจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบ จะดูที่ฐานะข้างนอก ว่ารวย ว่าจน เป็นต้น ยังไม่แน่ คนที่รู้จักคิด คิดเป็น คิดถูกต้อง
สามารถพลิกความเสียเปรียบเป็นความได้เปรียบ แต่คนที่คิดผิด กลับพลิกความได้เปรียบเป็นความเสียเปรียบ และทำวาสนาให้ตกต่ำไปเลย
จึงต้องจำไว้ให้แม่นว่า ไม่มีใครเสียเปรียบหรือได้เปรียบอย่างสัมบูรณ์ ถ้าคิดเป็น ก็พลิกความเสียเปรียบให้เป็นความได้เปรียบได้ แต่อย่าเอาเปรียบกันเลย เรามาสร้างวาสนากันให้ดี จะดีกว่าพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์นั้นเป็นผู้ที่พ้นจากอำนาจของวาสนาพระพุทธเจ้าทรงละกิเลสพร้อมทั้งวาสนาได้หมด หมายความว่า พระองค์ไม่อยู่ใต้อำนาจความเคยชิน แต่อยู่ด้วยสติปัญญา

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 พฤษภาคม 2553 20:24:43 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2553 19:42:52 »




.................................มาสร้างวาสนาดี ๆ ที่จะให้มีความสุข.....................................



ทีนี้เรื่องของคนสามัญก็คือ พยายามแก้ไขวาสนาที่ไม่ดีและปรับปรุงสร้างวาสนาให้เป็นไปในทางที่ดี คือการที่เราตั้งใจทำจิตใจให้เกิดเป็น
กุศลอยู่เสมอจิตใจของเราจะไปตามที่มันเคยชิน อย่างคนที่เคยชินในการปรุงแต่งไม่ดี ไปนั่งไหนเดี๋ยวก็ไปเก็บเอาอารมณ์ที่ผ่านมา ที่กระทบกระทั่ง
ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น แล้วนำมาครุ่นคิด กระทบกระทั่งตัวเองทำให้ไม่สบายทีนี้ถ้าเรารู้ตัวมีสติ ก็ยั้งได้ ถ้าคิดอะไรไม่ดีขึ้นมาก็หยุด แล้วเอา
สติไปจับ คือไปนึกระลึกเอาสิ่งที่ดีขึ้นมา ระลึกขึ้นมาแล้วทำจิตใจให้สบาย ปรุงแต่งในทางที่ดี ต่อไปจิตก็จะเคย พอไปนั่งไหนอยู่เงียบ ๆ จิต ก็
จะสบาย นึกถึงเรื่องที่ดี ๆ แล้วก็มีความสุขคนเรานี้สร้างความสุขได้ สร้างวาสนาให้แก่ตัวเองได้สร้างวิถีชีวิตได้ด้วยการกระทำอย่างที่ว่ามานี้ คือให้มีการเกิดบ่อย ๆ ของสิ่งที่ดีงามถ้าญาติโยมนำวิธีปฏิบัติทางพระไปใช้จริง ๆ วันเกิดจะมีประโยชน์แน่นอนจะเป็นบุญเป็นกุศล ทำให้เกิดความเจริญงอกงามอย่างน้อยก็เตือนตนเองว่าเราจะให้เกิดแต่กุศลนะ เราจะไม่ยอมให้เกิดอกุศล เช่นใจที่ขุ่นมัวเศร้าหมองเราไม่เอาทั้งนั้นเพราะฉะนั้นการเกิดจึงเป็นนิมิต หมายความว่าให้ชาวพุทธได้คติหรือได้ประโยชน์จากวันเกิด



...........................................จิตใจที่ดีต้องเกิดห้าอย่างนี้เป็นประจำ...........................................



เพราะฉะนั้นจึงมีหลักที่แสดงพัฒนาการของจิตใจว่า จิตใจของ
ชาวพุทธ หรือจิตใจที่ดี ต้องมีคุณสมบัติ ๕ อย่าง คือ
๑. มีปราโมทย์ ความร่าเริงเบิกบานใจ
๒. มีปีติ ความอิ่มใจ
๓. มีปัสสัทธิ ความสงบเย็นผ่อนคลาย สบายใจ
๔. มีสุข ความคล่องใจ โปร่งใจ ฉ่ำชื่นรื่นใจ ไม่มีอะไรมาบีบคั้นหรือระคายเคือง
๕. มีสมาธิ ความมีใจแน่วแน่ สงบ มั่นคง ไม่หวั่นไหว ไม่ถูกอารมณ์ต่าง ๆ มารบกวนถ้าทำใจให้มีคุณสมบัติ ๕ อย่างนี้ได้ ก็จะเป็นจิตใจที่เจริญงอก
งามในธรรม สภาวะจิต ๕ ประการนี้โปรดจำไว้เลยว่าให้มีเป็นประจำพระพุทธเจ้าตรัสบ่อย ๆ ว่าเมื่อปฏิบัติธรรมถูกต้องแล้ว พิสูจน์
ได้อย่างหนึ่ง คือเกิดสภาพจิต ๕ ประการนี้ ถ้าใครไม่เกิด แสดงว่า
การปฏิบัติยังไม่ก้าวหน้า คือต้องมี

๑. ปราโมทย์
 
๒. ปีติ

๓. ปัสสัทธิ

๔. สุข

๕. สมาธิ


พอห้าตัวนี้มาแล้วปัญญาก็จะผ่องใส แล้วจะคิดจะทำอะไรก็จะหน้าไป ตลอดจนการปฏิบัติธรรมก็จะก้าวไปสู่โพธิญาณได้ด้วยดี


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 พฤษภาคม 2553 20:25:13 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2553 19:52:58 »





เพราะฉะนั้นในวันเกิดก็ขอให้ได้อย่างน้อย ๒ ประการนี้ คือเริ่มต้นดีและใหเ้กิดสิ่งที่ดี่ก็คุ้มเลย ชีวิตจะเจริญงอกงามมีความสุขแน่อน




..............................เกิด คือ เชื่อมต่อกำเนิดกับความงอกงามต่อไป........................




เรื่องวันเกิดนี้พูดได้หลายอย่าง หลายแง่ เพราะมีความหมายมากมาย ความหมายอีกอย่างหนึ่งของการเกิด ก็คือเป็นจุดเชื่อมต่อ
มิใช่ว่าเกิดมานี้คือการเริ่มต้นใหม่โดยไม่มีอะไรมาก่อน แต่การเกิดนี่เป็นจุดเชื่อมต่อ และถ้าใช้เป็น จุดเชื่อมก็ทำให้เราได้ประโยชน์มาก
มาย เชื่อมต่ออะไรเชื่อมเรากับคุณพ่อ - คุณแม่
๑. การเกิดเป็นตัวเชื่อมต่อตัวเราผู้เกิด กับท่านผู้ให้กำเนิดเพราะฉะนั้น ทันทีที่ใครคนใดคนหนึ่งเกิดนั้น อีกคนหนึ่งก็เกิดด้วย คือพอลูกเกิด พ่อแม่ก็เกิดด้วยคนที่ยังไม่ได้เป็นพ่อแม่ พอมีลูกเกิด ตัวเองก็เกิดเป็นพ่อเป็นแม่ทันที เพราะฉะนั้นวันเกิดของเรา จึงเป็นวันเกิดของคุณพ่อคุณแม่ด้วย
ด้วยเหตุนั้น วันเกิดนี้ในแง่หนึ่งจึงเป็นวันที่ระลึกถึงบิดามารดาและจะเป็นตัวเชื่อมให้เรามีความผูกพันกับท่านผู้ให้กำเนิด แล้วก็จะมีความสุขร่วมกัน
อย่างเช่นลูกเมื่อถึงวันเกิดก็นึกถึงคุณพ่อ - คุณแม่ และทำอะไร ๆ ที่จะทำให้ระลึกถึงกัน และมีความสุขร่วมกันจากคุณพ่อ - คุณแม่ก็โยงไปหาคนอื่น
อีก เช่น พี่น้อง ปู่ย่าตายายคนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสัมพันธ์กันไปหมด นี่คือการเกิดเป็นตัวต่อและเชื่อม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 พฤษภาคม 2553 20:26:20 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2553 19:53:39 »

สาธุ ๆ ๆ ๆ ๆ
บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2553 19:58:39 »





......................................เชื่อมฐานวัฒนธรรมไทยกับความเจริญที่จะก้าวหน้าต่อไป................................



๒. การเกิดนี้เชื่อมไปถึงพื้นฐานของเรา เช่น เมื่อเราเกิดเป็นคนไทย ชีวิตของเราที่เป็นพื้นเดิม ก็มีรากฐานคือวัฒนธรรมไทย เราเกิดมา
ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมนี้วัฒนธรรมไทยก็หล่อหลอมชีวิตของเรา เราจะต้องรู้จักเอาประโยชน์จากวัฒนธรรมไทยต่อจากพื้นฐานนี้เราก็ก้าวไปข้างหน้าและพบวัฒนธรรมภายนอกตลอดจนพบความเจริญอะไรต่าง ๆ ถ้าเราใช้เป็น เราก็จะได้ประโยชน์ทั้ง
สองด้าน คือ............................................................................
ก) เราจะมีพื้นฐานของเราที่มั่นคง ให้การเกิดเป็นตัวที่ยึดพื้นฐานของเราไว้ได้ด้วย รากฐานทางวัฒนธรรมที่เรามี เราก็ไม่ละทิ้ง แต่เราเอาส่วนที่ดีมาสร้างตัวให้เป็นพื้นฐานที่มั่นคง
ข) สิ่งใหม่ ๆ เราก็ก้าวไปรับ ไปทำ ก้าวไปสร้างสรรค์ถ้าเราได้ทั้งสองด้านนี้ เราจะมีความเจริญงอกงาม คือ ทั้งมีพื้นฐานที่ดี และสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงหมายความว่า ไม่ให้ขาดทั้งสองด้าน ทั้งพื้นฐานเดิม ที่เป็นรากฐานเก่า และทั้งด้านใหม่ที่จะก้าวไปข้างหน้า คนที่จะเจริญงอกงามต้อง
ได้ทั้งสองด้านนี้ จึงจะมีการพัฒนาที่สมบูรณ์นึกถึงวันเกิด ช่วยให้ไม่หลงเตลิดออกจากธรรมชาติเชื่อมบุคคลในสังคม กับชีวิตในธรรมชาติ
๓. การเกิดเป็นตัวเชื่อมต่อคนและสังคม กับธรรมชาติ คนเราที่มานี้ ตัวแท้ๆ ยังไม่มีอะไร ก็เป็นชีวิตเท่านั้น ชีวิตนี้เป็นธรรมชาติเนื้อตัวชีวิตของเรานี้เป็นธรรมชาติเมื่อเกิดมาแล้ว เราจึงเริ่มมีฐานะใหม่ คือสถานะในทางสังคม คือเป็นบุคคล เราก็จะเป็นบุคคลในสังคม เป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่ เป็นพี่
ของคนนั้น เป็นน้องของคนนี้ แล้วก็ก้าวเข้าไปในสังคมโดยมีฐานะต่าง ๆบางทีเราก้าวเข้าไปในฐานะที่สอง คือเป็นบุคคลในสังคม จนลืมฐานะที่หนึ่ง คือ ความเป็นชีวิตที่อยู่ในธรรมชาติ เรานึกถึงแต่ความเป็นบุคคลที่ไปเที่ยวมีบทบาทนั้นนี้ ๆ จนลืมตัวเองชีวิตนี้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เกิดจากธรรมชาติ เป็นไปตามธรรมชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 พฤษภาคม 2553 20:31:22 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2553 20:04:42 »





ทางพระท่านเตือนเสมอว่า อย่าลืมสถานะเดิมแท้ที่เป็นพื้นฐานของเราว่าชีวิตเป็นธรรมชาติ คนใดที่ได้ทั้งสองด้าน คนนั้นจึงจะมีชีวิตที่
เจริญงอกงามสมบูรณ์แต่คนเรานี้จำนวนมากมักจะลืมด้านชีวิต และได้แค่ด้านบุคคลคือนึกถึงแต่ด้านการอยู่ร่วมสังคม นึกถึงการที่จะมีฐานะอย่างนั้น
อย่างนี้
จนลืมชีวิตที่เป็นพื้นฐานแม้แต่จะกินอาหาร ถ้าเราลืมพื้นฐานด้านชีวิตเสียแล้ว เราก็พลาดถ้าเรามัวนึกถึงในแง่การเป็นบุคคลในสังคม เวลารับประทานอาหารเราก็นึกไปในแง่ว่า เรามีฐานะอะไร ควรจะกินอะไรให้สมฐานะ ดีไม่ดีก็ไปตามค่านิยมให้โก้ให้เก๋ เป็นต้น
แต่ถ้าเรานึกถึงในแง่ของชีวิต ก็คิดเพียงว่า การกินอาหารนั้นเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ให้ชีวิตดำเนินไปได้ ต้องกินให้สุขภาพดีนะ อย่ากิน
ให้เป็นโทษต่อร่างกายอาหารแค่ไหนพอดีแก่ความต้องการของร่างกาย อาหารประเภทไหนมีคุณภาพ เป็นประโยชน์ต่อชีวิต เราก็กินอย่างนั้นแค่นั้น
ถ้าเราไม่ลืมพื้นฐานของชีวิตในด้านธรรมชาติ เราจะรักษาตัวแท้ของชีวิตไว้ได้ ส่วนที่เหลือในด้านความเป็นบุคคล ก็เป็นเพียงตัว
ประกอบ แต่ปัจจุบันนี้เรามักจะเอาด้านบุคคลเป็นหลัก จนกระทั่งลืมด้านชีวิตไป ทำให้ด้านธรรมชาติสูญเสีย เราจึงมีชีวิตที่ไม่สมบูรณ์วันเกิดนี้จึงเป็น
เครื่องเตือนใจ โดยเป็นตัวเชื่อมว่า โดยเนื้อแท้นั้นฐานของเราเป็นธรรมชาตินะ อย่าลืมส่วนที่เป็นด้านธรรมชาตินี้ ส่วนด้าน
ที่เป็นบุคคลเราก็ทำให้ดี ให้ได้ผล ให้สองด้านมาประสานกลมกลืนกันทั้งด้านชีวิตที่เป็นธรรมชาติ และด้านเป็นบุคคลที่อยู่ในสังคม ถ้าอย่างนี้
แล้วชีวิตก็จะสมบูรณ์มีชีวิตอยู่ไปนานเท่าไร ๆ ก็อย่าลืมหลักการข้อนี้วันเกิด ทำให้ไม่ลืมที่จะหวนกลับมาพัฒนาชีวิตที่เป็นตัวแท้ของเรา
อีกอย่างหนึ่ง การมองตัวเองให้ถึงธรรมชาติที่เป็นชีวิตนี้ เราจะได้กำไร คือ หลักการของพระศาสนา จะมาเสริมให้เราพัฒนาตัวชีวิตที่แท้
ไม่ใช่พัฒนาแต่สิ่งภายนอกอย่างเดียวบางทีเราลืมไป มัวแต่แสวงหาอะไร ๆ ที่เป็นของภายนอก ที่พระท่านบอกว่าเป็นของนอกกายจนพะรุงพะรังเสร็จ
มาก่อทุกข์ให้แก่ตนเองชีวิตในด้านที่แท้จริงนั้น เมื่อเราไม่ลืมมันแล้วพระพุทธศาสนาก็เข้ามาได้ ท่านก็จะสอนให้พัฒนาชีวิตของเราว่า ชีวิตของเรานี้
นอกจากด้านการสื่อสารแสดงออกสัมพันธ์กับโลกภายนอกแล้ว ลึกเข้าไปยังมีด้านจิตใจ และอีกด้านหนึ่งคือ ปัญญา เราจะต้องมีความรู้เท่าทันชีวิตนี้
รู้เท่าทันโลก เป็นต้น ถึงตอนนี้ก็เข้ามาสู่ศีล สมาธิ ปัญญา





...........................................บทส่งท้าย...................................




ภาวนา คือ การอบรมจิตให้เป็นกุศลยิ่งขึ้น

เป็นการอบรมเจริญปัญญาตามลำดับขั้น

จิตเป็นสภาพธรรมที่ละเอียดรู้ยาก

ทุกคนมีอกุศลจิต

แม้ไม่ทำทุจริตกรรมแต่ใจก็เป็นอกุศลแล้ว

นึกคิดถึงคนอื่นด้วย ความผูกพันติดข้อง

หรือนึกถึงด้วยความขุ่นเคืองใจ

ถ้าเพียงโกรธไม่พูดคนอื่นก็อาจจะไม่รู้เลย



........................................................THE END...................................................



http://www.oknation.net/blog/3155

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 พฤษภาคม 2553 20:46:53 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #9 เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2553 20:05:19 »


http://i72.photobucket.com/albums/i191/knipat/hengjia/2006_07100078.jpg
วาสนาสร้างเองได้

 ยิ้ม   ยิ้ม   ยิ้ม
บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #10 เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2553 20:05:48 »

สาธุ ๆ ๆ ๆ ๆ




สลึมสลือ สลึมสลือ สลึมสลือ



สลึมสลือ สลึมสลือ สลึมสลือ

บันทึกการเข้า
คำค้น: regulations  the dhamma ระเบียบ ทุกอย่าง budda photo blog สมเด็จพระสังราช 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.384 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 26 มีนาคม 2567 07:30:51