“ไม่ลดเพดาน ม.112” ภารกิจที่ต้องแลกกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีอะไรอยู่เบื้องหลัง ?
<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-07-31 22:53</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>สมบูรณ์ คำแหง
ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.)
22 ก.ค. 2566</p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>มีหลายคนตั้งคำถามว่า “ทำไมก้าวไกลถึงไม่ยอมลดเพดาน ด้วยการประกาศยกเลิกเรื่องมาตรา 112 ตามประมวลกฏหมายอาญา ที่ว่าด้วยเรื่องของการคุ้มครองสถาบันกษัตริย์ เพราะถ้ายอมก็อาจจะได้เป็นรัฐบาล และพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็อาจจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีไปแล้ว ความคิดนี้ยังมีพรรคการเมืองบางพรรคที่จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลแสดงความอึดอัดออกมาอย่างชัดเจน</p>
<p>แล้วจะมีอะไรเป็นหลักประกันว่า หากก้าวไกลยอมยกเลิกนโยบายเรื่องนี้แล้ว จะได้รับการยอมรับจากสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ซึ่งหลายคนก็รู้ว่าสุดท้ายแล้วผลการลงมติในสภาฯจะเป็นอย่างไร ถึงกระนั้นก็ตาม มีบางคนยืนยันที่จะให้ดำเนินการเช่นนั้น ด้วยเพราะคิดว่าถ้าไม่ลอกก็คงไม่รู้</p>
<p>อยางไรก็ตาม ท่าทีของพรรคก้าวไกลต่อเรื่อง ม. 112 มีความชัดเจนอยู่ในตัว ถือเป็นจุดแข็งที่พลพรรคก้าวไกลยืนยันว่าจะไม่ยอมลดเพดานในเรื่องนี้อย่างแน่นอน ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่านี้คือ “ความไม่ชาญฉลาด” และ “ไม่ทันเกมการเมือง” ของพรรคการเมืองนี้ และปรามาสว่าเป็น “ความอ่อนหัด” ทางการเมือง</p>
<p>หากย้อนกลับไปดูความคิดของพรรคก้าวไกล ที่นำเสนอนโยบายพรรคที่ว่าด้วยเรื่อง ม.112 ผ่านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่กล่าวอยู่เสมอที่ถูกนักข่าวถามในเรื่องนี้ โดยชี้แจงว่า “พรรคก้าวไกลเพียงต้องการให้รัฐสภา ซึ่งเป็นสถาบันทางการเมืองของระบบประชาธิปไตยที่สำคัญ ได้นำเรื่องนี้เข้าสู่การพิเคราะห์พิจารณาว่าควรจะดำเนินการแก้ไขได้หรือไม่อย่างไร และถ้าคิดว่าควรแก้ไขก็แค่ให้มาดูกันว่าจะแก้ตรงส่วนไหนอย่างไร เพื่อไม่ให้กฏหมายมาตรานี้ถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองและรังแกกับคนบางกลุ่มเท่านั้น”</p>
<p>ถ้าอ่านหรือตีความข้อเสนอของพรรคก้าวไกลให้เข้าใจแล้ว ก็จะเห็นถึงเจตนาสำคัญในเรื่องนี้</p>
<p>การไม่ยอมลดเพดานในเรื่องนี้ ก็คือการยืนยันในหลักการสำคัญที่กำลังเป็นปัญหาของประเทศนี้ และไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมานี้ ได้มีกลุ่มการเมือง พรรคการเมือง และนายทุนขุนศึกทั้งหลาย มีการแอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ อ้างความจงรักภักดี แล้วนำเอามาตรา 112 มาใช้ฟาดฟันฝ่ายตรงข้าม เพื่อรักษาฐานอำนาจของตนเองไว้เพื่อหากินหาประโยชน์ได้ต่อไป นั่นหมายถึงการ “การหากินอยู่กับสถาบันฯ” ใช่หรือไม่</p>
<p>การวิเคราะห์ปัญหาสังคมไทยจากล่างขึ้นบน ไม่ว่าจะจากนักวิชาการ นักคิด นักเคลื่อนไหว หรือใครก็แล้วแต่ มักจะมีข้อสรุปที่ไม่แตกต่างกันมากนักว่า ในเกือบทุกปัญหาของสังคมไทย ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม ด้านความเหลื่อมล้ำ ด้านสิทธิมนุษยชน ด้านเศรษฐกิจ และอื่นๆ ล้วนไปจบอยู่ที่อำนาจรวมศูนย์ ภายใต้การยึดกุมอำนาจของกลุ่มนายทุนขุนศึก (ทุนผูกขาดกับทหาร) ที่เข้ามากุมสภาพทางการเมืองในแต่ละยุคสมัย โดยอาศัยอำนาจที่เหนือกว่ามาเป็นเครื่องมือ แล้วทำการออกแบบระบบการเมืองการปกครองให้อยู่ในวิสัยที่พวกเขาควบคุมได้ และสร้างความคิดไปว่าหากใครคิดอะไรต่างไปจากนี้แล้วคือการไม่เคารพ และเข้าข่ายการแบ่งแยกหรือทำลายระบบการปกครองของประเทศนี้ ประเทศไทยจึงอยู่ในสภาพการปกครองแบบลูกผีลูกคนมานานนับหลายปี คือจะกระจายอำนาจก็ไม่ใช่ จะรวมศูนย์ก็ไม่เชิง ดังสะท้อนได้จากการปกครองส่วนภูมิภาค ที่มีทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด และมีนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดไปพร้อมกัน ทำงานหลายเรื่องทับซ้อนกัน สิ้นเปลืองทั้งบุคลากรและงบประมาณแผ่นดิน และเราก็ถูกทำให้เข้าใจไปว่าเราต้องอยู่ในระบบการปกครองแบบนี้ไปจนตาย จะเปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้</p>
<p><strong>การรื้อระบบอำนาจดังกล่าว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง “รื้อโครงข่ายอำนาจ” นายทุนขุนศึกเหล่านั้น</strong></p>
<p>การออกมาเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่ ที่เขาไม่สามารถทนกับระบบการเมืองแบบนี้ได้อีกแล้ว เขาอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงใหม่ ผ่านระบบการเมืองการปกครอง ในขณะที่ชุดความคิดเก่าถูกทำให้แข็งตัวมากขึ้นทุกวัน ผ่านการนำสถาบันพระมหากษัตริย์เข้าไปหลอมรวมกับความคิดเหล่านั้นด้วย จึงกลายเป็นสิ่งที่คนกลุ่มนี้ไม่สามารถยอมรับได้ ที่คนรุ่นใหม่กำลังเสนอให้มีการแก้ไขมาตรา 112 เพราะไม่เพียงแค่การเข้าไปลบหลู่สถาบันฯแล้ว อาจจะนำไปสู่การล้มล้างระบบการปกครองอีกด้วย</p>
<p>พรรคก้าวไกล เป็นพื้นที่การรวมตัวของคนรุ่นใหม่ ที่ไม่ได้หมายถึงอายุเพียงอย่างเดียว แต่เป็นกลุ่มที่มีความคิดใหม่และอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในสังคมแบบใหม่ เขาไม่ได้ปฏิเสธการมีอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่เขากำลังเรียกร้องให้สถาบันฯมีการปรับตัวสู่สังคมสมัยใหม่ไปพร้อมกัน นั่นหมายถึงการเข้าไปร่วมรื้อทำลายกลุ่มอำนาจบางกลุ่มที่ที่เกาะกินสถาบันฯทั้งหลายมาอย่างนานนมให้หมดสิ้นไปจากสังคม และมาร่วมกันออกแบบการเมืองการปกครองให้สามารถแก้ไขปัญหาสังคมไทยได้จริง ไม่ใช่แค่เพียงวาทกรรมเท่านั้น</p>
<p>ดังนั้น การได้พรรคการเมืองหรือนายกรัฐมนตรีที่มาบริหารประเทศนี้บนโครงสร้างอำนาจแบบเดิมๆ ไม่ใช่เรื่องยาก แต่การจะได้พรรคการเมืองและนายกรัฐมนตรีที่เข้าใจในเรื่องนี้ และกล้าหาญพอที่จะกระเทาะกับกลุ่มอำนาจเก่าเหล่านั้นต่างหากที่เป็นเรื่องยาก</p>
<p>หากถามว่าพรรคการเมืองทั้งหลายรับรู้เรื่องรากฐานของปัญหาเล่านี้หรือไม่นั้น คงไม่ต้องถาม แต่ถามว่าในเมื่อรู้แล้ว แต่ไม่ยอมหรือไม่กล้าที่จะเข้าไปทำอะไรเลยนั้นเพราะอะไร บางก็บอกว่า “ยังไม่ถึงเวลา” บ้างก็บอกว่า “มันเสี่ยงเกินไป” หรือบ้างก็เพราะตนเองและพวกพ้องได้ประโยชน์</p>
<p>การยืนหยัดเรื่อง ม. 112 ของพรรคก้าวไกล ที่ยอมแลกกำตำแหน่งทางการเมืองใกล้แค่เอื้อม บางคนอาจจะมองว่าไร้เดียงสาทางการเมือง แต่ต้องมองให้ลึกว่านั่นคือการยืนหยัดอย่างควรเคารพ ด้วเพราะเป็นการยืนยันที่จะทำการเมืองเพื่อแก้ไขปัญหาโครงสร้างของประเทศนี้จริงๆ แต่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์เฉพาะหน้าเท่านั้น</p>
<p><strong>จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่พรรคก้าวไกลจะเดินทางไปสู่เป้าหมายนั้นได้ มิใช่เพราะกำแพงอำนาจจากกลุ่มใดทั้งสิ้น แต่พรรคก้าวไกลจะต้องเดินฝ่ากำแพงประชาชนที่ยังไม่เข้าใจในเรื่องนี้ต่างหาก และนั่นคือภารกิจอันใหญ่หลวงที่จะต้องดำเนินกันต่อไป</strong></p>
<p> </p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">บทค
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2023/07/105265 







