มีการใช้ 'ชาโดว์แบน' ลดการมองเห็น เนื้อหาเกี่ยวกับ 'ปาเลสไตน์ ช่วงสงครามฮามาส จริงหรือ
<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-11-10 17:42</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>"ชาโดว์แบน" หรือการที่โซเชียลมีเดียทำการจำกัดการมองเห็นของเนื้<wbr></wbr>อหาบางอย่าง เมื่อไม่นานนี้มีคนตั้งข้อสั<wbr></wbr>งเกตว่า เนื้อหาที่พูดถึงความขัดแย้<wbr></wbr>งในปาเลสไตน์ถู<wbr></wbr>กลดการนำเสนอในหน้าฟีด ทำให้เกิดวิธีการใช้<wbr></wbr>คำที่พยายามหลบเลี่<wbr></wbr>ยงระบบกรอง AI แต่ทางโซเชียลยืนยันว่า จำนวนการเข้าถึงลดลง เพราะ "ข้อผิดพลาด" และเกิดขึ้นทั่วไปไม่ใช่แค่<wbr></wbr>เฉพาะเนื้อหาปาเลสไตน์</p>
<p> </p>
<p>10 พ.ย. 2566 เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีการตั้งข้อสั<wbr></wbr>งเกตจากชาวปาเลสไตน์ว่า เป็นไปได้ที่จะมีการแอบปิ<wbr></wbr>ดการมองเห็น หรือเปิดให้แค่เฉพาะบางคนเห็<wbr></wbr>นแบบที่เรียกว่า "ชาโดว์แบน" (Shadowbanning) เนื้อหาในหน้าโซเชียลมีเดียต่<wbr></wbr>างๆ ที่พูดถึงสงครามอิสราเอล-ฮามาส จนทำให้ผู้คนพยายามหลบเลี่<wbr></wbr>ยงการถูกปิดกั้นการมองเห็นด้<wbr></wbr>วยการแปลงคำเพื่อหลีกเลี่<wbr></wbr>ยงการกรองของระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI)</p>
<p>วิธีการที่ว่านี้เรียกว่า "อัลกอสปีค" (Algospeak) เป็นการแปลงคำพูดเดิมให้เป็<wbr></wbr>นคำใหม่เพื่อหลบเลี่<wbr></wbr>ยงการกรองคำต้องห้ามของ AI เช่นเปลี่ยนคำว่า "dead" ที่แปลว่า "ตาย" ให้เป็นคำว่า "unalive" (ไม่มีชีวิต) หรือคำว่า "sex" ที่หมายถึง "การมีเพศสัมพันธ์" ก็เขียนใหม่เป็น "seggs" ที่คำอ่านดูใกล้ของเดิม หรือเวลาเขียนถึงหนังโป๊คือ "porn" ก็เปลี่ยนเป็นคำที่เสียงใกล้กั<wbr></wbr>นคือ "corn" ที่จริงๆ แล้วแปลว่า "ข้าวโพด" (หรือบางครั้งก็ถึงขั้นใช้อี<wbr></wbr>โมจิรูปข้าวโพดแทนในแบบที่รู้กั<wbr></wbr>น)</p>
<p>ในกรณีประเด็นอิสราเอลกั<wbr></wbr>บปาเลสไตน์ ผู้พยายามหลบเลี่ยงการถูกปิดกั้<wbr></wbr>นการมองเห็นก็มีการใช้ อัลกอสปีค ด้วยเช่นกัน อย่างเช่นการเปลี่ยนคำว่า "Palestinians" (ชาวปาเลสไตน์) ให้เป็นคำว่า “P*les+in1ans.”</p>
<p>การที่ผู้คนจำเป็นต้องใช้วิธีนี้<wbr></wbr>สะท้อนให้เห็นความกังวลของผู้<wbr></wbr>คนจำนวนมากที่เผยแพร่เนื้<wbr></wbr>อหาประเด็นปาเลสไตน์ในช่วงที่มี<wbr></wbr>สงครามระหว่างกลุ่มติดอาวุ<wbr></wbr>ธฮามาสกับอิสราเอล พวกเขากังวลว่าโพสต์เนื้<wbr></wbr>อหาพวกเขาถูกลดการเข้าถึงหรือถู<wbr></wbr>กปิดกั้นการมองเห็นอย่างไม่เห็<wbr></wbr>นธรรม บ้างก็มองว่าพวกเขาถูกปิดกั้<wbr></wbr>นให้เห็นแค่เฉพาะกลุ่มในแบบที่<wbr></wbr>เรียกว่าชาโดว์แบนเมื่อมีการใช้<wbr></wbr>แฮชแท็กบางอย่าง</p>
<p>ทำให้มีวิธีการหลบเลี่<wbr></wbr>ยงชาโดว์แบนกันไปต่างๆ นานา ในพื้นที่อย่าง Tiktok, instagram และ Facebook เช่นการใช้แฮชแท็กที่ไม่เกี่<wbr></wbr>ยวข้องกับเนื้อหา ใช้รูปจากการแคปหน้<wbr></wbr>าจอแทนการโพสต์ซ้ำ หรือหลีกเลี่ยงการใช้แฮชแท็<wbr></wbr>กภาษาอาหรับ ซึ่งไม่แน่ชัดว่าวิธีการเหล่านี้<wbr></wbr>ใช้ได้หรือไม่ เพราะไม่มีความแน่ชัดว่ามี<wbr></wbr>การชาโดว์แบนเกิดขึ้นจริงหรื<wbr></wbr>อไม่ แล้วถ้าเกิดขึ้นจริงมีการชาโดว์<wbr></wbr>แบนโโยพิจารณาจากอะไรบ้าง</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">“ชาโดว์แบน” ปิดกั้นการมองเห็นได้อย่างไร</span></h2>
<p>นิยามที่ง่ายที่สุดของ "ชาโดว์แบน" หมายถึง การที่โซเชียลนั้นๆ ทำการจำกัดการมองเห็นของเนื้<wbr></wbr>อหาให้มีแค่บางคนเท่านั้นที่เห็<wbr></wbr>น ในยุคแรกๆ การชาโดว์แบนนั้นเรียกได้ว่าเป็<wbr></wbr>น "การกักกันการแพร่กระจายในเชิ<wbr></wbr>งดิจิทัล" คือคนที่ถูกแบนยังคงเข้าสู่<wbr></wbr>การใช้งานและโพสต์ได้แต่เนื้<wbr></wbr>อหาจะถูกจำกัดให้คนเห็นน้<wbr></wbr>อยและคนอื่นๆ นอกเหนือจากชุมชนของพวกเขาจะไม่<wbr></wbr>สามารถมองเห็นโพสต์ของพวกเขาได้ โดยที่ผู้โพสต์เองก็ไม่รู้ตัวด้<wbr></wbr>วยซ้ำว่าพวกเขาถูกกักกันแบบนี้</p>
<p>แต่ในเวลาต่อมาพั<wbr></wbr>ฒนาการของการใช้โซเชียลมีเดีย ทำให้ผู้คนเริ่มรู้วิธี<wbr></wbr>การโปรโมทตัวเองและเข้าใจเล่นกั<wbr></wbr>บอัลกอริทึมหรือระบบเรียงลำดั<wbr></wbr>บข้อมูล ส่งผลให้การดูแลเนื้อหามีความซั<wbr></wbr>บซ้อนขึ้น แล้วก็ทำให้นิยามของการชาโดว์<wbr></wbr>แบนขยายวงกว้างมากขึ้นตามไปด้วย จนบางทีชาโดว์แบนนั้<wbr></wbr>นหมายรวมไปถึง วิธีการปิดลับของโซเชียลที่<wbr></wbr>แอบซ่อนผู้ใช้งานจากผลการค้<wbr></wbr>นหาหรือจากอัลกอริทึม และในพื้นที่อื่นๆ ที่บัญชีผู้ใช้<wbr></wbr>งานสามารถปรากฏให้เห็นได้</p>
<p>เรื่องนี้ฝ่ายขวาอนุรักษ์นิ<wbr></wbr>ยมของสหรัฐฯ ก็เคยอ้างไว้เหมือนกันว่<wbr></wbr>าพวกเขาถูกชาโดว์แบนจากโซเชี<wbr></wbr>ยลมีเดีย กล่าวหาว่าโซเชียลอย่างเฟสบุ<wbr></wbr>คและทวิตเตอร์เซนเซอร์แนวคิดฝ่<wbr></wbr>ายขวา จนทำให้เกิดการฟ้องร้<wbr></wbr>องและการอภิปรายในสภาเรื่องนี้ แต่ก็มีหลักฐานน้อยมากที่บ่<wbr></wbr>งบอกว่ามีการชาโดว์แบนฝ่ายอนุรั<wbr></wbr>กษ์นิยมสหรัฐฯ จริง แต่ศาลสูงสุดของสหรัฐฯ ก็ตัดสินเข้าข้างการฟ้องร้<wbr></wbr>องในเท็กซัสและฟลอริดา ให้มีการออกข้อกำหนดเพิ่มเติ<wbr></wbr>มในเรื่องการควบคุมดูแลเนื้<wbr></wbr>อหาของบริษัทโซเชียลมีเดีย</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">“ชาโดว์แบน” เกิดขึ้นกับการเผยแพร่เรื่อง อิสราเอล-ฮามาส จริงหรือ</span></h2>
<p>สิ่งหนึ่งที่ทำให้เรารับรู้ได้<wbr></wbr>ยากว่ามีการชาโดว์แบนเกิดขึ้<wbr></wbr>นหรือไม่ เพราะมันเป็นเครื่องมือการควบคุ<wbr></wbr>มดูแลเนื้อหาที่ไม่มีความกระจ่<wbr></wbr>างชัดแบบวิธีการอื่นๆ เช่น การแบนบัญชีผู้ใช้งานโดยตรงที่<wbr></wbr>ผู้ใช้งานเองและคนอื่นๆ สามารถเห็นได้ หรือวิธีการที่ใช้ต่อต้<wbr></wbr>านการแพร่กระจายข้อมูลที่ผิดอย่<wbr></wbr>างเช่นการติดป้ายคำเตือนเนื้<wbr></wbr>อหาเหล่านั้นให้สาธารณะเห็น</p>
<p>ในช่วงที่ผ่านมามีผู้ใช้โซเชี<wbr></wbr>ยลมีเดียสงสัยว่า พวกเขาถู<wbr></wbr>กชาโดว์แบนเนื้อหาปาเลสไตน์ เช่นในอินสตาแกรมมีการลดระดั<wbr></wbr>บปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้<wbr></wbr>งานหลายคนหลังจากที่พวกเขาเปลี่<wbr></wbr>ยนสถานที่เป็นกาซ่าเพื่<wbr></wbr>อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกั<wbr></wbr>บชาวปาเลสไตน์ที่ถูกโจมตี<wbr></wbr>โดยกองทัพอิสราเอล หรือบ้างก็ถูกลดการปฏิสัมพันธ์<wbr></wbr>หลังจากที่ช่วยระดมทุนเพื่<wbr></wbr>อชาวปาเลสไตน์หรือโพสต์สนับสนุ<wbr></wbr>นชาวปาเลสไตน์</p>
<p>มีองค์กรด้านสิทธิดิจิทั<wbr></wbr>ลหลายองค์กรรวมถึง มูลนิธิอิเล็กโทรนิกฟรอนเทียร์ และศูนย์อาหรับเพื่อความก้าวหน้<wbr></wbr>าทางโซเชียลมีเดีย-7amleh ที่ทำการสืบสวนในเรื่องชาโดว์<wbr></wbr>แบนเช่นนี้ ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจริงจะนับเป็<wbr></wbr>นการละเมิดสิทธิทางดิจิทั<wbr></wbr>ลของชาวปาเลสไตน์ในช่วงที่เกิ<wbr></wbr>ดสงคราม โดยที่นักกิจกรรมชาวปาเลสไตน์<wbr></wbr>บางคน สังเกตเห็นการเปลี่<wbr></wbr>ยนแปลงของการหมุนเวียนเนื้<wbr></wbr>อหาของพวกเขาในช่วงไม่กี่สั<wbr></wbr>ปดาห์ที่ผ่านมา</p>
<p>นาดิม นาชีฟ ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้<wbr></wbr>อำนวยการของ 7amleh กล่าวว่า "การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้แก่ การแบนการใช้ชื่ออาหรับในช่วงที่<wbr></wbr>มีการยกระดับการสู้รบ (เช่น กรณี อิสราเอล-ฮามาส) ในขณะที่ยังอนุญาตให้ใช้ภาษาฮิ<wbr></wbr>บรูได้ มีการจำกัดการแสดงความคิดเห็<wbr></wbr>นจากบัญชีผู้ใช้ที่ไม่ใช่เพื่อน และที่สำคัญที่สุดคื<wbr></wbr>อการลดการมองเห็นโพสต์, รีล (วิดีโอใน ig) และสตอรี"</p>
<p>ทางบริษัท "เมตา" ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟสบุ<wbr></wbr>คและอินสตาแกรม ออกแถลงการณ์ในเรื่องนี้ระบุว่<wbr></wbr>าสาเหตุที่ชาวปาเลสไตน์รู้สึกว่<wbr></wbr>าโพสต์ของพวกเขาถูกปิดกั้<wbr></wbr>นการมองเห็นนั้น เนื่องมาจาก "บั๊ก" (ข้อผิดพลาดของโปรแกรม) ที่เกิดขึ้นทั่วโลกไม่ใช่แค่<wbr></wbr>เฉพาะปาเลสไตน์เท่านั้น และมาจากสาเหตุที่ว่าแฮชแท็กอิ<wbr></wbr>นสตาแกรมบางอย่างไม่สามารถค้<wbr></wbr>นหาได้อีกต่อไปเพราะเนื้อหาส่<wbr></wbr>วนหนึ่งที่ใช้แฮชแท็กนี้ละเมิ<wbr></wbr>ดกฎของบริษัทเมตา แต่ทางเมตาก็ไม่ได้ระบุชัดเจนว่<wbr></wbr>าเป็นแฮชแท็กใด</p>
<p>โมนา ชตายา นักกิจกรรมด้านสิทธิดิจิทั<wbr></wbr>ลชาวปาเลสไตน์กล่าวว่าการชาโดว์<wbr></wbr>แบนนั้นคือ "การลงโทษหมู่ต่อผู้คนที่<wbr></wbr>เผยแพร่ความคิดทางการเมืองหรื<wbr></wbr>อบันทึกเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิ<wbr></wbr>มนุษยชน" ซึ่งชตายามองว่ามันจะส่<wbr></wbr>งผลทางลบต่อการตรวจสอบข้อเท็<wbr></wbr>จจริงและการเผยแพร่ข้อมูลข่<wbr></wbr>าวสารที่ถูกต้องเกี่ยวกั<wbr></wbr>บสถานการณ์ในกาซ่า</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">หรือจะมาจาก "อคติในการควบคุมดูแลเนื้อหา" มากกว่า "ชาโดว์แบน"</span></h2>
<p>มีความเป็นไปได้ที่กรณีการถู<wbr></wbr>กลดการมองเห็นเนื้อหาเหล่านี้<wbr></wbr>จะมาจาก "อคติในการควบคุมดูแลเนื้อหา" มากกว่าจะเป็น ชาโดว์แบน ซึ่งปัญหานี้เคยเกิดขึ้นมาแล้<wbr></wbr>วกับเนื้อหาสนับสนุนปาเลสไตน์</p>
<p>ยอร์กกล่าวว่า อคติในการควบคุมดูแลเนื้อหามี<wbr></wbr>อยู่หลายรูปแบบและบางครั้งก็ไม่<wbr></wbr>ได้มาจากความจงใจ เช่น บางโซเชียลอาจจะมีปัญหาทรั<wbr></wbr>พยากรไม่มากพอในการดูแลเนื้อหา หรือมีความผิดพลาดในการจั<wbr></wbr>ดการเรื่องภาษา ซึ่งยอร์กบอกว่าเรื่องนี้เป็นปั<wbr></wbr>ญหากับบริษัทโซเชียลสัญชาติ<wbr></wbr>อเมริกันมานานแล้วในเวลาที่<wbr></wbr>พวกเขาต้องควบคุมดูแลเนื้<wbr></wbr>อหาภาษาอาหรับ ถึงแม้ว่าบริษัทเหล่านี้อาจจะมี<wbr></wbr>ผู้ดูแลเนื้อหาที่ใช้ภาษาอาหรั<wbr></wbr>บอยู่ก็จริง แต่พวกเขาก็มีปัญหาเวลาเจอกั<wbr></wbr>บภาษาอาหรับหลายสำเนียงต่างถิ่<wbr></wbr>นกัน</p>
<p>นอกจากเรื่องภาษาแล้ว อคติในการควบคุมดูแลเนื้<wbr></wbr>อหาอาจจะมาจากการจั<wbr></wbr>ดประเภทของคำบางคำโดยอัลกอริทึ<wbr></wbr>มก็เป็นไปได้ เรื่องนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่<wbr></wbr>วงที่มีการยกระดับความขัดแย้<wbr></wbr>งระหว่างอิสราเอลกับฮามาสในปี 2564 มนตอนนั้นกลุ่มด้านสิทธิดิจิทั<wbr></wbr>ลได้ทำการบันทึกเรื่องราวที่<wbr></wbr>โซเชียลมีเดียลบเนื้<wbr></wbr>อหาออกหลายร้อยชุดอย่างไม่เป็<wbr></wbr>นธรรมซึ่งเป็นเนื้อหาแสดงความรู้<wbr></wbr>สึกสนับสนุนปาเลสไตน์ ต่อมาเมตาก็ยอมรับเรื่องนี้ในที่<wbr></wbr>สุดว่าระบบของพวกเขาบล็อกการสื่<wbr></wbr>อถึงมัสยิด อัล-อักซอ ที่ถูกแปะป้ายอย่างเข้าใตผิ<wbr></wbr>ดโดยระบบของเมตาว่าเป็นสถานที่<wbr></wbr>เกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย</p>
<p>จากกรณีดังกล่าวนี้ เมตา ก็ทำการจ้างกลุ่มภายนอกให้<wbr></wbr>ตรวจสอบและเขียนรายงานเกี่ยวกั<wbr></wbr>บเรื่องการตัดสินใจของเมตาในช่<wbr></wbr>วงที่มีความขัดแย้งในปี 2564 ซึ่งมีการพูดถึงจุดอ่<wbr></wbr>อนของเมตาในเรื่องการดูแลเนื้<wbr></wbr>อหาในบริบทของภาษาอาหรับ และระบุว่าการตัดสินใจของเมตานั้<wbr></wbr>น "ดูเหมือนจะส่งผลกระทบในทางลบต่<wbr></wbr>อสิทธิมนุษยชน" ในแง่ที่มันกระทบต่อสิทธิต่างๆ ของของผู้ใช้งานชาวปาเลสไตน์ ไม่ว่าจะเป็น "เสรีภาพในการแสดงออก, เสรีภาพในการชุมนุม, การมีส่วนร่วมทางการเมือง และการไม่ถูกกีดกันเลือกปฏิบัติ<wbr></wbr>"</p>
<p>เมตาให้สัญญาว่าจะทำการพิ<wbr></wbr>จารณานโยบายที่เกี่ยวข้องและพั<wbr></wbr>ฒนาวิธีการควบคุมดูแลเนื้<wbr></wbr>อหาภาษาอาหรับ รวมถึงจ้างวานผู้ดูแล ที่มีความเชี่ยวชาญด้<wbr></wbr>านภาษาอาหรับในสำเนียงต่างๆ ด้วย</p>
<p>บริษัทเมตาระบุว่าการควบคุมดู<wbr></wbr>แลเนื้อหาเกี่ยวกับสงครามอิ<wbr></wbr>สราเอล-ฮามาสในตอนนี้มีผู้ดู<wbr></wbr>แลคือกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้<wbr></wbr>านภาษาฮิบรูและอาหรับ อีกทั้งยังระบุอีกว่ามีการนำเนื้<wbr></wbr>อหาบางส่วนออกซึ่งกระทำโดยไม่มี<wbr></wbr>การสั่งปิดบัญชีผู้ใช้งานนั้นๆ เพื่อไม่หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิ<wbr></wbr>ดการพลาดไปแบนบัญชีผู้ใช้<wbr></wbr>งานโดยอัตโนมัติเพราะความผิ<wbr></wbr>ดพลาดเรื่องการลบเนื้อหา</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">มีการใช้ "ชาโดว์แบน" กับเรื่องอื่นๆ ไหม</span></h2>
<p>นอกจากกรณีปาเลสไตน์แล้ว โซเชียลมีเดียยังเคยทำการชาโดว์<wbr></wbr>แบนเนื้อหาอื่นๆ ด้วย เช่น กรณีที่กลุ่มคนทำงานบริ<wbr></wbr>การทางเพศระบุถึงการที่พวกเขาถู<wbr></wbr>กชาโดว์แบนในพื้นที่โซเชียลมี<wbr></wbr>เดียใหญ่ๆ หลังจากที่มีกฎหมายใหม่<wbr></wbr>ออกมาในปี 2561 ที่อ้างว่าเพื่อยับยั้งการค้<wbr></wbr>ามนุษย์ แต่กฎหมายที่ว่านี้ก็ส่<wbr></wbr>งผลกระทบทางลบต่อคนทำงานบริ<wbr></wbr>การทางเพศแบบสมัครใจไปด้วย</p>
<p>หรือมีกรณีในปี 2560 ที่ผู้สร้างผลงานชาว LGBTQ+ พบว่ายูทูบทำการชาโดว์แบนวิดี<wbr></wbr>โอที่เนื้อหาไม่มีพิษมีภัยแต่มี<wbr></wbr>ผู้สร้างผลงานเป็นชาว LGBTQ+ โดยผลักให้ไปอยู่ใน "เนื้อหาที่ถูกจำกัด" กลายเป็นการจำกัดการมองเห็นเนื้<wbr></wbr>อหาเหล่านี้ไปด้วย</p>
<p>กรณี TikTok ก็เคยทำผิดพลาดในเรื่<wbr></wbr>องการชาโดว์แบนมาก่อน ก่อนที่พวกเขาจะแก้ไขให้กลั<wbr></wbr>บมาถูกต้องอีกครั้งเมื่อปี 2564 ความผิดพลาดของพวกเขาคื<wbr></wbr>อระบบทำการแบนอัตโนมัติต่อผู้<wbr></wbr>ผลิตเนื้อหาที่ใช้คำว่า "คนดำ" หรือ "ความสำเร็จของคนดำ" ในประวัติการตลาดของผู้ที่<wbr></wbr>สามารถสร้างเนื้อหาสปอนเซอร์ใน TikTok ได้</p>
<p>ยอร์กกล่าวว่า โซเชียลมีเดียมักจะนำวิธีชาโดว์<wbr></wbr>แบนมาใช้เวลาที่พวกเขาไม่<wbr></wbr>อยากให้คนรู้สึกว่าพวกเขาตัดผู้<wbr></wbr>ใช้งานออกไปจากพื้นที่ของตั<wbr></wbr>วเองโดยสิ้นเชิง แต่โซเชียลเหล่านี้ก็ถูกกดดั<wbr></wbr>นจากรัฐบาล หุ้นส่วน หรือผู้ซื้อโฆษณา ให้สกัดกั้นเนื้อหาบางอย่าง ทำให้ต้องชาโดว์แบนเพื่อจำกั<wbr></wbr>ดเนื้อหาที่ชวนให้เกิดข้อถกเถี<wbr></wbr>ยง ในขณะเดียวกับที่ปล่อยให้ผู้<wbr></wbr>คนเหล่านั้นอยู่ในพื้นที่ได้ต่<wbr></wbr>อไป</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">กลุ่มอนุรักษ์นิยมสหรัฐฯ กล่าวหา TikTok เอียงข้างปาเลสไตน์</span></h2>
<p>ในทางตรงกันข้าม ส.ส. สหรัฐฯ นักกิจกรรมอนุรักษ์นิยม และกลุ่มนักลงทุนด้านไอทีผู้ร่ำ<wbr></wbr>รวย เรียกร้องให้มีการแบนโซเชียลมี<wbr></wbr>เดีย TikTok อีกครั้งหลังจากที่เคยเรียกร้<wbr></wbr>องมาก่อนหน้านี้ โดยอ้างว่าเนื้อหาเกี่ยวกั<wbr></wbr>บสงครามอิสราเอล-ฮามาสที่นิ<wbr></wbr>ยมมากที่สุดในโซเชียลแห่งนี้คื<wbr></wbr>อเนื้อหาเอียงข้างสนับสนุ<wbr></wbr>นปาเลสไตน์และบั่นทอนการสนับสนุ<wbr></wbr>นต่ออิสราเอล ซึ่งมีกลุ่มชาวอเมริกันคนรุ่<wbr></wbr>นใหม่เป็นผู้ทำเนื้อหาเหล่านี้</p>
<p>กลุ่มผู้วิจารณ์ TikTok ได้พูดถึงเรื่องนี้ต่อสื่ออนุรั<wbr></wbr>กษ์นิยมของสหรัฐฯ อย่าง ฟ็อกซ์นิวส์ และกล่าวอ้างในโซเชียลมีเดียอย่<wbr></wbr>าง ทวืตเตอร์/เอ็กซ์ โดยกล่าวหาว่า TikTok ใช้อิทธิพลในการผลักดันเนื้<wbr></wbr>อหาที่สนับสนุนปาเลสไตน์และขั<wbr></wbr>ดกับผลประโยชน์ด้านนโยบายการต่<wbr></wbr>างประเทศของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่เล่<wbr></wbr>าจากปากของกลุ่มอนุรักษ์นิยมเอง</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ทาง TikTok ระบุว่า ข้อกล่าวหาเช่นนี้มีอคติและไร้<wbr></wbr>หลักฐาน</span></h2>
<p>สื่อ NBC ระบุว่าเรื่องนี้ขึ้นอยู่กั<wbr></wbr>บการวิเคราะห์ที่เราใช้ เช่นถ้าหากมีการวิเคราะห์ประวั<wbr></wbr>ติเทรนด์แฮชแท็กจากทั่<wbr></wbr>วโลกจะพบว่า #standwithpalestine (ยืนหยัดเคียงข้างปาเลสไตน์) มีมากกว่า #standwithisrael (ยืนหยัดเคียงข้างอิสราเอล) แต่ถ้าวิเคราะห์จากเทรนด์แฮชแท็<wbr></wbr>กในช่วง 30 วันที่ผ่านมาในประเทศสหรัฐฯ จะพบว่ามีเนื้อหาสนับสนุนอิ<wbr></wbr>สราเอลที่ทำผลงานได้เท่ากันหรื<wbr></wbr>ออาจจะดีกว่าเนื้อหาสนับสนุ<wbr></wbr>นปาเลสไตน์บางส่วนด้วยซ้ำ</p>
<p> </p>
<p> </p>
<p><strong>เรียบเรียงจาก</strong></p>
<p>Why some Palestinians believe social media companies are suppressing their posts, Vox, 29-10-2023</p>
<p><a href="
https://www.vox.com/technology/23933846/shadowbanning-meta-israel-hamas-war-palestine" target="_blank">
https://www.vox.com/<wbr></wbr>technology/23933846/<wbr></wbr>shadowbanning-meta-israel-<wbr></wbr>hamas-war-palestine[/url]</p>
<p>Critics renew calls for a TikTok ban, claiming platform has an anti-Israel bias, NBC News, 01-11-2023</p>
<p><a href="
https://www.nbcnews.com/tech/social-media/tiktok-ban-israel-gaza-palestine-hamas-account-creator-video-rcna122849" target="_blank">
https://www.nbcnews.com/tech/<wbr></wbr>social-media/tiktok-ban-<wbr></wbr>israel-gaza-palestine-hamas-<wbr></wbr>account-creator-video-<wbr></wbr>rcna122849[/url]</p>
<p> </p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2023/11/106743