[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
07 กรกฎาคม 2568 11:22:52 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: [ข่าวมาแรง] - หอการค้าไทยยื่นสมุดปกขาวต่อ 'เศรษฐา' นำเสนอแนวทางภาคเอกชนไปต่อยอดฟื้นเศรษ  (อ่าน 235 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สุขใจ ข่าวสด
I'm Robot
สุขใจ บอทนักข่าว
นักโพสท์ระดับ 15
****

คะแนนความดี: +101/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Italy Italy

กระทู้: มากเกินบรรยาย


บอท @ สุขใจ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2566 18:49:20 »

หอการค้าไทยยื่นสมุดปกขาวต่อ 'เศรษฐา' นำเสนอแนวทางภาคเอกชนไปต่อยอดฟื้นเศรษฐกิจไทย
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2023-11-19 13:07</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ยื่นสมุดปกขาวต่อ 'เศรษฐา ทวีสิน' นายกรัฐมนตรี บนเวทีสรุปผลการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 41 เพื่อมุ่งหวังนำเสนอแนวทางของภาคเอกชนไปต่อยอดพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยให้กลับมาดีขึ้น ย้ำภาคเอกชนยินดียกระดับรายได้และลดความเหลื่อมล้ำให้กับประชาชนเต็มที่ - 'เศรษฐา' ปาฐกถาพิเศษยืนยันประเทศไทยมีศักยภาพดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศมาลงทุนในไทย ย้ำรัฐบาลขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หนุนพัฒนาเมืองรอง</p>
<p>19 พ.ย. 2566 สำนักข่าวไทย รายงานว่านายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวรายงาน สรุปผลการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 41 พร้อมยื่นสมุดปกขาวต่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีที่มากล่าวปิดสัมมนาในครั้งนี้ โดยหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ผมขอกราบขอบพระคุณท่านนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ได้กรุณาให้เกียรติเข้าร่วมและจะได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ งานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศในปีนี้</p>
<p>ทั้งนี้ งานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ เป็นกิจกรรมประจำปีที่หอการค้าไทย พร้อมด้วยเครือข่ายเอกชนทั่วประเทศ จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี จนถึงปีนี้ เป็นนับเป็น ครั้งที่ 41 ภายใต้แนวคิดการจัดงาน Connect – Competitive – Sustainable และตรงโอกาสครบรอบการก่อตั้ง 90 ปี หอการค้าไทย โดยหอการค้าไทย ได้รวบรวมประเด็นและข้อเสนอแนะ จากงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ โดยจัดทำเป็น “สมุดปกขาว” โดยมุ่งหวังนำเสนอแนวทางเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย</p>
<p>อย่างไรก็ตาม ในสมุดปกขาวได้ยื่นผ่านข้อเสนอภาคเอกชน 2 ส่วนสำคัญ ประกอบด้วย</p>
<p>1. ข้อเสนอเพื่อการเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน (Transform) ไปสู่การแสวงหาโอกาสและรูปแบบการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสมัยใหม่ในอนาคต</p>
<p>2. ข้อเสนอยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของหอการค้า 5 ภาค ที่ได้รวบรวมประเด็นเชิงพื้นที่จากหอการค้าจังหวัดและภาคเอกชนทั่วประเทศ ผ่านการประชุมสัญจรและมีการจัดลำดับความสำคัญ เพื่อช่วยกันดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมตามความต้องการและความจำเป็นในแต่ละพื้นที่ โดยนำเสนอ Highlight สำคัญที่อยู่ในสมุดปกขาว 4 ประเด็น ได้แก่</p>
<p>1) ประเทศไทยต้องยกระดับ Innovation Digital และนำเทคโนโลยี มาเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสิ่งประเทศไทยยังขาดอยู่ จึงเสนอให้ภาครัฐยกระดับมาตรการ Talent immigration policy เพื่อดึงดูดคนต่างชาติที่เก่งเข้ามาทำงานและอยู่อาศัยในประเทศไทย</p>
<p>- ซึ่งช่วยให้เกิดการสร้างงาน รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีและทักษะสมัยใหม่ โดยรัฐบาลควรมีมาตรการ Incentive ที่เหมาะสมเช่น การอำนวยความสะดวกเรื่อง Visa และ Work permit มาตรการทางภาษี มาตรการพำนักอยู่อาศัยที่เหมาะสม เป็นต้น</p>
<p>- ส่วนหนึ่งที่หอการค้าไทยได้ดำเนินการไปแล้วคือการขับเคลื่อนการศึกษาที่ตอบโจทย์โลกเห็นอนาคต ผ่าน Harbour space@UTCC ที่มุ่งผลิตบัณฑิตที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยนำคนเก่งจากทั่วโลกและรู้จริงในด้านต่าง ๆ มาเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาในประเทศไทย เพื่อสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันให้ทัดเทียมประเทศอื่นๆ ในเวทีโลก</p>
<p>2) นโยบายเพิ่มจำนวนประชากรและพัฒนาประชากรให้มีคุณภาพ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลก พร้อมเป็น Global Citizen ที่มีคุณภาพ ต่อยอดจาก YEC ครบรอบ 10 ปี หอการค้าไทยได้มีการจัดทำโครงการ YPC เพื่อ Connect ข้าราชการรุ่นใหม่ในท้องถิ่นกับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ หอการค้าจังหวัด ซึ่งประสบความสำเร็จและจะขยายผลต่อไปและหอการค้าไทยยังมีโครงการสร้างผู้นำที่เก่งและดี ด้วยกระบวนการ Mentoring ผ่านโครงการ Developing Outstanding Talents for Thailand หรือ DOT พร้อมขยายผลเพื่อสร้างอุทยานผู้นำของประเทศ</p>
<p>3) จากการสัมมนาในครั้งนี้ ได้รับฟังเสียงจากผู้ประกอบการถึงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วประเทศ โดยเฉพาะ SMEs ที่มีความเดือดร้อนมาก ดังนั้น รัฐบาลควรสนับสนุนเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยให้ธุรกิจ SMEs ฟื้นตัว ควบคู่ไปกับแก้ไขปัญหาหนี้ SMEs สร้างโอกาสให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างเป็นระบบ</p>
<p>4) ผลักดันโครงการพัฒนาเมืองรอง 10 จังหวัด เป็นเมืองหลัก ซึ่งจะเป็นโมเดลต้นแบบความร่วมมือภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ เกิดการยกระดับรายได้และลดความเหลื่อมล้ำให้กับประเทศไทย</p>
<h2><span style="color:#3498db;">'เศรษฐา' ปาฐกถาพิเศษยืนยันประเทศไทยมีศักยภาพดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศมาลงทุนในไทย ย้ำรัฐบาลขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หนุนพัฒนาเมืองรอง</span></h2>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53341407873_757bf446e4_o_d.jpg" /></p>
<p>เว็บไซต์รัฐบาลไทย รายงานว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 41 ในโอกาสครบรอบ 91 ปี หอการค้าไทย เรื่อง “The time to act is now พลิกวิกฤต ฟื้นเศรษฐกิจไทยให้ยั่งยืน” และรับข้อเสนอทางเศรษฐกิจจากหอการค้าทั่วประเทศ (สมุดปกขาว) ซึ่งจัดขึ้นเพื่อรวมพลังเครือข่ายหอการค้าทุกภาคส่วนตามแนวทาง Connect the dots ในการเชื่อมโยงความร่วมมือและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันไปสู่การพัฒนาเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน Connect – Competitive - Sustainable โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วย คณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ประธานหอการค้าจังหวัดและเลขาธิการหอการค้าจังหวัด ประธานหอการค้าต่างประเทศ นายกสมาคมการค้า ผู้ประกอบการรุนใหม่ YEC หอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้
 
นายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีที่ได้มากล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 41 ในโอกาสครบรอบ 91 ปี หอการค้าไทยในวันนี้ โดยกล่าวถึงการเดินทางไปร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 (2023 APEC Economic Leaders’ Meeting) ระหว่างวันที่ 12-19 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ณ นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา และได้พบปะกับผู้นำประเทศต่าง ๆ หน่วยงานภาครัฐและเอกชนชั้นนำของต่างประเทศ เช่น Facebook Tesla Google Microsoft ทำให้เห็นถึงศักยภาพประเทศไทยในหลายด้านทั้งเรื่องความพร้อมด้านคมนาคม โดยเฉพาะเรื่องของ Clean Energy ซึ่งเป็นนโยบายหลักของประเทศ เรื่อง Health Care โรงเรียน International ฯลฯ และสนใจที่จะมาลงทุนในไทยอย่างมาก ซึ่งประเทศไทยแม้จะเป็นประเทศเล็ก ๆ แต่ก็มีจุดยืนของตนเองด้านการค้าขายมาโดยตลอด โดยนายกฯ ย้ำวัตถุประสงค์การเดินทางไปเยือนต่างประเทศได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่มาเพื่อค้าขายและเชิญชวนให้นักลงทุนมาลงทุนในไทยผ่านการได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่นักลงทุนจะได้รับ เช่น มาตรการสนับสนุนด้านภาษี และมาตรการต่าง ๆ ที่สามารถ Offer นักลงทุนต่างประเทศให้มาลงทุนในไทยได้ อย่างไรก็ตามในเรื่องของ FTA ยังล้าหลังอยู่ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาไทยมีการเจรจาเรื่องนี้น้อยมาก ซึ่งเรื่องของ FTA จะเป็นอีกหนึ่งวาระที่สำคัญของรัฐบาลนี้ที่จะเดินหน้าเต็มที่และทำให้เกิดผลโดยเร็ว ซึ่งจากการที่ได้เดินทางไปต่างประเทศ นายกรัฐมนตรีก็ได้มีการปูทางไว้แล้ว เช่น ที่ออสเตรเลียถึงแม้มีเรื่อง FTA แล้วแต่ก็จะมีการอัปเกรด FTA ขึ้นไปอีก และจะมีการขยายไปในอีกหลายประเทศต่อไปด้วย
 
นายกรัฐมนตรีกล่าวแม้หลายคนพูดถึงการเดินทางไปร่วมประชุมเอเปค ครั้งที่ 30 เราประสบความสำเร็จอย่างสูงนั้น นายกฯ ยังไม่มองแบบนั้น แต่มองว่าเรายังสามารถทำได้อีกมาก โดยพรุ่งนี้จะมีการนัดทีมที่ไปทำกันมาว่าแต่ละหน่วยงาน แต่ละกระทรวง กรม ต้องไปทำการบ้านอย่างไรต่อ เพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนนั้นเกิดขึ้นได้จริง ๆ รวมไปถึงการพัฒนาเรื่องเมืองรองของไทยซึ่งต่างประเทศก็ให้ความสนใจในเรื่องนี้ด้วย ไม่เฉพาะการท่องเที่ยวเมืองหลัก เช่น เชียงใหม่ กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต เท่านั้น เพราะต่างประเทศมองว่าหลายจังหวัดของไทยยังมีศักยภาพอยู่มากทั้งเรื่องวัฒนธรรม Soft Power และสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่ต้องการให้ไทยมีการพัฒนาให้มากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เช่น เรื่องการพัฒนาสนามบินต่าง ๆ ของไทย ทั้งสุวรรณภูมิ ภูเก็ต พังงา เชียงใหม่ เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเมกะโปรเจกต์ที่ต้องดำเนินการให้เกิดขึ้นตามแผน ทั้งนี้ หลายเมืองรองต้องมีการเตรียมความพร้อมในหลายมิติเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเที่ยวให้มากขึ้น ซึ่งทุกฝ่ายต้องช่วยกัน โดยสิ่งสำคัญคือระยะเวลาที่นักท่องเที่ยวมาอยู่ในเมืองไทย ดังนั้นการดึงให้นักท่องเที่ยวให้อยู่นานและไปท่องเที่ยวในเมืองรองด้วย ต้องมีการขยายระยะเวลาให้นักท่องเที่ยวอยู่ได้นานขึ้น ซึ่งมีการเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ ในทุกมิติรองรับด้วย ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ รวมถึงด้านการเดินทางคมนาคมขนส่งเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำให้เกิดขึ้นให้ได้ ทั้งนี้ เห็นด้วยที่ทางหอการค้าแห่งประเทศไทยจะเริ่มขับเคลื่อนใน 4 เมืองรอง และขยายไปสู่จังหวัดอื่น ๆ ด้วย เพราะถือเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้โดยจะพยายามทำให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยจะให้ทีมงานนัดเพื่อหารือกันในเรื่องดังกล่าวต่อไป เช่น เรื่องของ Incentive เมืองรองคืออะไร การสนับสนุนจากรัฐบาลที่ต้องการคืออะไร เป็นต้น
 
สำหรับกรณีเรื่องนโยบายเงิน Digital Wallet ที่มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเมื่อวานนี้ (18 พ.ย. 66) ที่นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้แสดงความเห็นถึงเรื่องนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีย้ำว่าความจริงแล้วปัจจัยหลักอยู่แค่นี้ คือ เร่งด่วน จำเป็น วิกฤติหรือเปล่า ซึ่งก็มีบางคนเห็นว่า ไม่เร่งด่วน ไม่จำเป็น ไม่วิกฤติ แต่รัฐบาลนี้เห็นว่าเป็นเรื่องที่จำเป็น เร่งด่วน และสภาพเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะที่วิกฤติ ส่วนที่บอกว่าถ้าจะวิกฤติ ต้อง GDP ติดลบ ท่านพูดถูก ถ้าอย่างนั้นก็ไม่วิกฤติ แต่เราหรือประเทศไทยไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก เราอยู่บนโลกของการแข่งขันที่สูงมาก ถ้าย้อนกลับไปดูประเทศคู่แข่งของไทย เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ จะพบว่าตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศดังกล่าวขยายตัวไปเท่าไรในปีที่ผ่านมาเมื่อเปรียบเทียบกับไทย ซึ่งเชื่อว่าทุกคนทราบดีว่าไทยสามารถทำได้และไปไกลได้อีก ทั้งนี้ 9-10 ปีที่ผ่านมา การขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยเฉลี่ยต่ำกว่า 2% พักหนี้เกษตรกรไป 13 ครั้ง ซึ่งเกษตรกรเองก็อยากมีความภาคภูมิใจไม่ต้องมาพักหนี้ให้เขา เกษตรกรอยากจะมีตลาดใหม่ ๆ สำหรับนำสินค้าเกษตรไปจำหน่ายได้มากและราคาที่ดีขึ้น รวมถึงความต้องการมีนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาช่วยสนับสนุนเรื่องการเกษตร เพื่อสร้างผลิตผลที่สูงขึ้น เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลนี้ที่เข้ามาอาสาเข้ามาแก้ไขปัญหา รัฐบาลต้องพยายามทำให้ได้
 
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลก็ได้ดำเนินการดูแลประชาชนทุกกลุ่ม เช่น พักหนี้เกษตรกร การลดค่าไฟฟ้า การลดค่าน้ำมันเบนซินและดีเซล การสนับสนุน Short Quick Win  การสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวด้วยการยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีน คาซัคสถาน อินเดีย และไต้หวัน ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นมาตรการเร่งด่วนของรัฐบาลที่ได้ดำเนินการแล้ว รวมไปถึงการดำเนินการเรื่องของการยกเว้น ตม.6 ซึ่งเป็นแบบฟอร์มที่นักท่องเที่ยวมาเลเซียจะสามารถเดินทางเข้ามาในไทยได้ง่ายขึ้น ทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวมาเลเซียเดินทางเข้ามาไทยเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในวันศุกร์-อาทิตย์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่วันละประมาณ 30,000 คน จากเดิมอยู่ที่ 10,000 คนต่อวัน สิ่งที่พูดเหล่านี้เพียงอยากย้ำว่า รัฐบาลนี้และรัฐมนตรีทุกคนทำงานหนัก ลงรายละเอียดทุกเม็ดเพื่อก่อให้เกิดผลทางเศรษฐกิจ ซึ่งดิจิทัลวอลเล็ตก็เป็นนโยบายหนึ่งของรัฐบาลเช่นกันที่จะทำให้เกิดผลทางเศรษฐกิจด้วย
 </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/11/106877
 

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

นักข่าวหัวเห็ด แห่งเวบสุขใจ
อัพเดตข่าวทันใจ ตลอด 24 ชั่วโมง

>> http://www.SookJai.com <<
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.708 วินาที กับ 27 คำสั่ง

Google visited last this page 22 มิถุนายน 2568 00:37:25