[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 เมษายน 2567 04:28:19 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: “ชาด” เครื่องสำอางที่ทำให้สาวจีนโบราณแก้มแดงระเรื่อ มาจาก สารขับถ่ายของแมลง”?  (อ่าน 174 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2327


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 16 ธันวาคม 2566 13:10:13 »


"Beauty Playing Go", a painting by an unknown Chinese artist of the Tang Dynasty period; the painting shows a woman playing Go.

“ชาด” เครื่องสำอางที่ทำให้สาวจีนโบราณแก้มแดงระเรื่อ สุขภาพดี มาจาก “สารขับถ่ายของแมลง”?

ผู้เขียน - ปดิวลดา บวรศักดิ์
เผยแพร่ - เว็บไซต์ ศิลปวัฒนธรรม วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ.2566


“ชาด” เป็น เครื่องประทินโฉม ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน บ้างก็ว่าเกิดขึ้นในสมัยโจ้วหวังหรือราว 1,000 ปีก่อนคริสตกาล บ้างก็ว่าเกิดอย่างน้อยก็น่าจะไม่เกินสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ (ราชวงศ์ฉิน) หรือราชวงศ์ฮั่น แม้ไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วชาดถูกใช้เพื่อแต่งแต้มแก้มให้แดงระเรื่อตั้งแต่เมื่อใด แต่ใน ประเทศจีน อันยิ่งใหญ่กลับมีสูตรนานาชนิดที่รังสรรค์ “ชาด” ให้ออกมาสวยพร้อมเสิร์ฟเป็นจำนวนมาก และไม่ได้มีเพียง “ชาด” ที่ทำมาจากแร่หรือดอกไม้เท่านั้น ทว่าถึงขั้นทำมาจาก “สารขับถ่ายของแมลง”?

ชาด จัดเป็น เครื่องประทินโฉม หรือเครื่องสำอาง มีสีแดงเป็นเอกลักษณ์ มักใช้ทาบริเวณแก้ม ปาก เพื่อให้ผิวเปล่งปลั่งฝาดแดงระเรื่อ สุขภาพดี เหมือนคนดื่มน้ำครบ 8 แก้วต่อวัน

อุปกรณ์เพิ่มความงามนี้มีหลากชนิด เริ่มต้นจากสมัยโบราณ ซึ่งอย่างน้อยก็น่าจะราชวงศ์โจว มักใช้แร่หรือจูซาเพื่อเสริมเติมแต่งความงาม โดยเป็นแร่ชนิดหนึ่งที่มีสีม่วงแดง ทำให้เป็นผง ก่อนจะผสมกับน้ำดอกหงฮวา

ก่อนที่ในสมัยราชวงศ์ฮั่นจะเกิดชาดจากดอกไม้ ซึ่งก็คือ “ชาดดอกหงหลาน” โดยชนเผ่าซุงหนูได้นำมาเผยแพร่ในจีนเนื่องจากศึกสงคราม จนหญิงจีนมากหน้าหลายตาได้รับวัฒนธรรมความงามนี้มา และเริ่มแต่งแต้มใบหน้าด้วยสีแดงจากชาดดอกไม้

“ชาดดอกหงหลาน” นี้ทำมาจากดอกหงหลาน มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่เหลียงฮั่นและซีอวี้ (เอเชียกลาง) มีรสเผ็ด ลักษณะอุ่น ไม่มีพิษ จึงเหมาะกับการทำชาด

วิธีการทำชาดด้วยดอกหงหลาน ใน “ฉีหมินเย่าซู่ เล่มที่ 5” โดยเจี่ยซือเสีย สมัยราชวงศ์เป่ยเว่ย ระบุไว้ว่า ต้องฆ่าดอกไม้ (หรือคือตำดอกไม้ให้ละเอียดนั่นแหละ) เสียก่อน ถึงจะเริ่มทำชาดได้ ในการฆ่าดอกไม้มีดังนี้

“นำดอกหงหลานมาตำให้ละเอียด ล้างด้วยน้ำ แล้วใส่ถุงผ้าคั้นน้ำสีเหลืองทิ้ง ตำอีก ล้างด้วยน้ำซาวข้าวฟ่างผสมกับน้ำส้มสายชูหมัก แล้วใส่ถุงผ้าคั้นน้ำ ได้น้ำสีแดง กากอย่าทิ้ง นำไปใส่ในอ่างกระเบื้อง ปิดผ้า พอรุ่งเช้านำมาตำให้ละเอียด วางบนเสื่อนำไปตากแดดพอหมาด แล้วปั้นเป็นแผ่น ในการปั้นต้องไม่แห้งเกินไป ให้ชื้นเล็กน้อย”

เมื่อฆ่าดอกไม้หรือตำดอกไม้เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาทำชาด ซึ่งระบุไว้ต่อมาว่า

“นำต้นลั่วหลี ต้นหลีเตี้ยว และต้นเฮามาเผาให้เป็นขี้เถ้า ถ้าไม่มีใช้ขี้เถ้าหญ้าก็ได้ แช่น้ำแล้วรินเอาแต่น้ำใส น้ำแรกที่ได้เข้มข้นเกินไป ใช้ฆ่าดอกไม้ไม่ได้ เอามาซักผ้าเท่านั้น ใช้น้ำที่แช่ครั้งที่ 3 นำมาขยำกับดอกไม้ ทำให้สีสวย ขยำ 10 รอบ ออกแรงเต็มที่ ใส่ถุงผ้าคั้นเอาน้ำ ใส่ชามกระเบื้อง นำทับทิมเปรี้ยวสองสามผล เขี่ยเมล็ดออก ตำละเอียด ผสมกับน้ำซาวข้าวฟ่างเล็กน้อย

คั้นเอาแต่น้ำ ผสมกับน้ำคั้นดอกไม้ ถ้าไม่มีทับทิม ใช้น้ำส้มสายชูหมักกับน้ำซาวข้าวแทน ถ้าไม่มีน้ำส้มสายชู ใช้น้ำซาวข้าวที่เปรี้ยวจัดก็ได้ เติมแป้งข้าวเท่าพุทราจีน ถ้าแป้งเยอะจะทำให้ได้สีออกขาว ใช้ไม้ไผ่สะอาดคนเป็นเวลานาน ปิดฝาตั้งไว้ข้ามคืน แล้วรินน้ำใสทิ้งให้หมด ใส่ถุงผ้าแขวนทิ้งไว้ 1 วัน วันรุ่งขึ้นก็แห้งหมาด ๆ ปั้นเป็นแท่งเล็กขนาดครึ่งหนึ่งของเชือกป่านผึ่งลมให้แห้งก็ใช้ได้”

ไม่เพียงแค่ดอกหงหลานเท่านั้น ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำชาด เพราะยังมี “ดอกซานเยียนจือ” ที่ทำให้เกิด ชาดซานฮวา, ชาดฮวาลู่ “ดอกกุหลาบ” ที่ทำให้เกิด ชาดกุหลาบ รวมไปถึง “ดอกซานหลิว” หรือ “ดอกตู้เจวียน” ที่มาของชาดดอกซานหลิว เป็นต้น

การใช้ชาดแต่งหน้าปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์จีนเรื่อยมา จนในสมัยราชวงศ์หมิงและชิงก็เกิด “ชาดหูเยียนจือ” ที่ทำมาจาก “สารขับถ่ายของแมลง” อย่าง “จื่อเหมา” ซึ่งปรากฏในตำราแพทย์ “ว่ายไถมี่เย่า” โดยหวังทาว ในสมัยราชวงศ์ถัง ซึ่งขณะนั้นยังคงเป็นเพียงกรรมวิธีภายในตระกูลไว้ว่า

“จื่อเหมา 1 ชั่ง บดละเอียด ไป๋ผี (เปลือกของต้นเว่ยเหมา-แยกต่างหาก) 8 สลึง บดละเอียด หูถงเล่ย (ยางไม้ต้นหยางหลิ่ว) ครึ่งตำลึง น้ำตาลกรวดเปอร์เซีย 2 ช้อน

เตรียมวัตถุดิบทั้งสี่ นำน้ำ 8 เซิงใส่ในภาชนะโลหะ ต้มด้วยไฟแรงจนเดือดพล่าน เติมจื่อเหมา ต้มจนเดือด เติมไป๋ผี คนให้ทั่ว จากนั้นเติมหูถงเล่ยและน้ำตาลกรวด ต้มจนเดือด รอให้จื่อเหม่า ต้มจนเดือด รอให้จื่อเหมาตกตะกอนก็ใช้ได้ นำมากรองด้วยผ้าบาง ใช้ก้อนสำลีหรือผ้าจุ่มลงไปขนาดใหญ่เล็กตามใจชอบ พอจุ่มเสร็จใช้ไม้ไผ่ประกบเหมือนเนื้อเค็ม นำมาย่างบนเตาถ่าน ย่างจนแห้งแล้วจุ่มใหม่ ทำเช่นนี้หกเจ็ดครั้งก็ใช้ได้ ถ้าทำ 10 ครั้งขึ้นไปยิ่งดี สีจะเข้มสวยงาม” 

แม้ปัจจุบันคนส่วนใหญ่จะไม่นิยมนำชาดจากแหล่งธรรมชาติมาเสริมเติมแต่งใบหน้าแล้ว เนื่องจากเครื่องสำอางสมัยใหม่มีพัฒนาการไปมาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในอดีต “ชาด” เป็นเครื่องสำอางที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ขาดไม่ได้

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.269 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 29 มีนาคม 2567 04:23:16