ผลศึกษาพบไม่ใช้โซเชียลมีเดียในที่ทำงาน ช่วยเพิ่มความพึงพอใจในการทำงาน
<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2023-12-27 11:58</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>งานศึกษาจากนักวิจัยชาวเยอรมันพบว่าการใช้เวลาน้อยลงบนโซเชียลมีเดียสามารถปรับปรุงสุขภาพจิต ความพึงพอใจในการทำงาน และความทุ่มเทของพนักงานได้อย่างมาก</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53420928432_1c954ce642_o_d.png" />
<span style="color:#f39c12;">ที่มาภาพประกอบ: Jeremy Bezanger/Unsplash</span></p>
<p>27 ธ.ค. 2566 สำหรับพนักงานที่อยากให้วันทำงานมีคุณค่ามากขึ้น ถึงเวลาลดการเล่น TikTok และ Facebook ลงบ้างแล้ว งานศึกษาจากนักวิจัยชาวเยอรมันพบว่าการใช้เวลาน้อยลงบนโซเชียลมีเดียสามารถปรับปรุงสุขภาพจิต ความพึงพอใจในการทำงาน และความทุ่มเทของพนักงานได้อย่างมาก การวิจัยนี้เน้นย้ำถึงวิธีการง่าย ๆ และคุ้มค่าในการยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีในองค์กร</p>
<p>แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ซึ่งผู้คนมักใช้อ้างว่าสามารถสร้างอารมณ์เชิงบวกที่ขาดหายไปในชีวิตประจำวัน จริง ๆ แล้วเชื่อมโยงกับทั้งการเพิ่มอารมณ์และผลกระทบเชิงลบต่อสุขภาพจิต อาการ "กลัวตกกระแส" (FOMO) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับโซเชียลมีเดีย สามารถนำไปสู่พฤติกรรมติดหนึบซึ่งมีผลกระทบต่อระยะยาว</p>
<p>งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยรูร์โบคุม (The Ruhr University Bochum) ศึกษาผู้เข้าร่วม 166 คนที่ทำงงจังหรือเต็มเวลาและใช้เวลาเล่นโซเชียลมีเดียที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานอย่างน้อย 35 นาทีต่อวัน พวกเขาถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งยังคงพฤติกรรมการเล่นโซเชียลมีเดียตามปกติ ส่วนอีกกลุ่มลดการใช้งานลง 30 นาทีต่อวันเป็นเวลา 7 วัน ผู้เข้าร่วมตอบแบบสอบถามก่อน ระหว่าง และหลังการทดลอง ให้ข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยต่างๆ เช่น ภาระงาน, ความพึงพอใจในการทำงาน, สุขภาพจิต และอาการ FOMO</p>
<p>"แม้จะผ่านไปเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เราพบว่ากลุ่มที่ใช้เวลาเล่นโซเชียลมีเดียน้อยลง 30 นาทีต่อวัน มีความพึงพอใจในการทำงานและสุขภาพจิตที่ดีขึ้นอย่างมาก" จูเลีย ไบราลอฟสกายา (Julia Brailovskaia) รองศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยรูร์โบคุม ระบุในเอกสารเผยแพร่ของมหาวิทยาลัย "ผู้เข้าร่วมในกลุ่มนี้รู้สึกถูกกดดันน้อยลงและทุ่มเทกับงานมากกว่ากลุ่มควบคุม"</p>
<p>นอกจากนี้อาการ FOMO ของผู้เข้าร่วมการศึกษาก็ลดลงด้วย ผลกระทบเชิงบวกยังคงอยู่และเพิ่มขึ้นในบางกรณีแม้ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์หลังการทดลอง</p>
<p>นักวิจัยเชื่อว่า การลดการใช้โซเชียลมีเดีย ทำให้ผู้เข้าร่วมมีเวลามากขึ้นในการโฟกัสที่งานโดยไม่รู้สึกกดดันเกินไป และยังมีสิ่งรบกวนน้อยลงด้วย การขัดจังหวะจากโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่องอาจส่งผลต่อสมาธิและประสิทธิภาพในการทำงาน นอกจากนี้ การใช้โซเชียลมีเดียมากเกินไปอาจขัดขวางการติดต่อกับเพื่อนร่วมงานในชีวิตจริง นำไปสู่ความรู้สึกโดดเดี่ยว การลดเวลาเล่นโซเชียลมีเดียสามารถลดปัญหานี้ได้</p>
<p>"ขณะทำงานสมองของเราไม่สามารถรับมือกับสิ่งรบกวนจากโซเชียลมีเดียได้" ไบราลอฟสกายา อธิบาย "ผู้ที่หยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่บ่อยๆ เพื่อติดตามฟีดโซเชียลมีเดีย มักไม่โฟกัสที่การทำงาน และมีผลลัพธ์การทำงานที่แย่กว่า"</p>
<p>การศึกษานี้สอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้านี้หลายชิ้น ซึ่งระบุว่าการลดการใช้โซเชียลมีเดียแม้เพียงเล็กน้อยในแต่ละวันสามารถลดอาการซึมเศร้าและเพิ่มพูนสุขภาพจิตได้</p>
<p>"การลดเวลาเล่นโซเชียลมีเดียในแต่ละวันอาจเป็นประโยชน์เพิ่มเติมสำหรับการฝึกอบรมโค้ชธุรกิจ โปรแกรมสุขภาพจิต และการแทรกแซงทางจิตวิทยา" ไบราลอฟสกายา สรุป</p>
<p>การศึกษานี้ตีพิมพ์ในวารสาร
Behaviour and Information Technology</p>
<p><strong>ที่มา:</strong>
Avoiding social media at work leads to greater job satisfaction, study reveals (StudyFinds, 15/12/2023)</p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2023/12/107397 







