รมว.พม. แจงปมเบี้ยผู้สูงอายุ ต้องดูฐานะการเงินรัฐบาล
<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2024-01-01 15:25</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แจงปมเบี้ยผู้สูงอายุ ต้องดูฐานะการเงินรัฐบาล ระบุคนวัยทำงานน้อยลงกระทบรายได้ประเทศลดตาม สวนทางยอดคนชรามากขึ้น - เตรียมจัดสัมมนาแก้ปัญหาโครงสร้างประชากร ขอทุกหน่วยงานร่วมมือจริงจัง เหตุเด็กเกิดใหม่ลดลง หวั่นประชากรของไทยลดฮวบในอนาคต</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/49023059927_44e3979c67_o_d.jpg" />
<span style="color:#f39c12;">แฟ้มภาพ</span></p>
<p>1 ม.ค. 2567 นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึงกรณีที่มีองค์กรผู้สูงอายุบางส่วนเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ว่า ประเทศไทยกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุสมบูรณ์แบบแล้ว และอีกไม่กี่ปีจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุสุดยอดซึ่งมีประชากรผู้สูงอายุเกิน 20 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรทั้งหมด จึงแสดงให้เห็นว่าคนวัยทำงานจะมีจำนวนน้อยลง สวนทางปริมาณของผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้ของรัฐบาลหรือของประเทศมาจากภาษี ซึ่งถ้าคนทำงานมีน้อยลง รายได้ของประเทศก็จะลดลง แต่ผู้ที่ต้องการใช้สวัสดิการดังกล่าวมีจำนวนเพิ่มขึ้น</p>
<p>นายวราวุธ กล่าวอีกว่า ตนก็อยากให้ผู้สูงอายุได้รับเบี้ยยังชีพ 3,000 หรือ 5,000 บาท แต่อยากให้ทุกคนคำนึงถึงรายรับของรัฐบาลด้วย มิฉะนั้นประเทศเราจะยังอยู่ในวังวนการกู้ยืมเงินแล้วเกิดปัญหาต่างๆ ตามมา ทั้งนี้เราเห็นใจผู้สูงอายุที่จำเป็นต้องมีเบี้ยผู้สูงอายุ ซึ่งพม.จะทำให้ดีที่สุดในการกระจายให้ทั่วถึงประชาชนที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไปทุกคน ขณะเดียวกันจำเป็นต้องคำนึงถึงฐานะทางการเงินของรัฐบาลด้วย ซึ่งไม่เพียงกรณีของเบี้ยผู้สูงอายุ ยังรวมถึงเรื่องเบี้ยผู้พิการและเงินอุดหนุนสำหรับเด็กแรกเกิดด้วย</p>
<h2><span style="color:#3498db;">เตรียมจัดสัมมนาแก้ปัญหาโครงสร้างประชากร</span></h2>
<p>นายวราวุธ ยังกล่าวถึงงานของกระทรวง พม.ที่จะเร่งดำเนินการในปี 2567 ว่ากระทรวงพม.จะจัดสัมมนาเกี่ยวกับโครงสร้างประชากร ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 โดยเราถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งของประเทศไทยในขณะนี้ เพราะปัจจุบัน ประเทศไทยมีอัตราการเกิดอยู่ที่ประมาณ 400,000 กว่าคน แต่อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 600,000 คน ถือว่าติดลบ ถ้ายังปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จะทำให้ประชากรของไทยลดลงเหลือ 33 ล้านคน ภายในเวลา 50-60 ปีจากนี้ไป ซึ่งแปลว่าคนรุ่นใหม่ที่กำลังเติบโตขึ้นมา จะกลายเป็นกลุ่มคนที่ต้องรับภาระมากมายในสังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ</p>
<p>นายวราวุธ กล่าวอีกว่า ดังนั้น ปัญหาทางสังคมและโครงสร้างประชากรของไทยในขณะนี้จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขด้วยการผนึกกำลังของทุกภาคส่วน ไม่ใช่แค่การส่งเสริมให้มีจำนวนเด็กแรกเกิดเพิ่มขึ้น เพราะเรากำลังมีปัญหาที่ประชาชนกลุ่ม Gen Y หรือกลุ่ม Gen Z ไม่อยากจะมีครอบครัวและไม่อยากมีผู้สืบสกุล ทุกกระทรวงและทุกหน่วยงานจึงต้องร่วมผนึกกำลังกันแก้ไขปัญหา และร่วมสร้างสังคมให้มีความอบอุ่น มีความปลอดภัย และมีคุณภาพ เพื่อทำให้กลุ่มคนเหล่านี้รู้สึกถึงความปลอดภัยและความอุ่นใจในการสร้างครอบครัวและมีลูกหลาน</p>
<p><span style="color:#3498db;">ที่มาเรียบเรียงจากสำนักข่าวไทย </span>
<span style="color:#3498db;">[1]</span><span style="color:#3498db;"> </span>
<span style="color:#3498db;">[2]</span><span style="color:#3498db;"> </span></p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">