ผู้พลัดถิ่นจากสงครามในพื้นที่ของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง พุ่งสูงเกิน 7 แสนคนแล้ว
<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2024-02-07 15:42</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภาพปก บันทึกจาก KAREN NEWS </p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>พื้นที่สหภาพแห่งชาติกะเหรี่<wbr></wbr>ยง (KNU) ปกครองอยู่ มีประชากรผู้พลัดถิ่<wbr></wbr>นจากสงครามเพิ่มมากขึ้น จนในตอนนี้มีอยู่มากกว่า 700,000 รายแล้ว หลังจากที่เกิดรัฐประหาร 2564 ก็มีการสู้รบหนักขึ้นระหว่<wbr></wbr>างกองทัพเผด็จการกับกองกำลั<wbr></wbr>งกะเหรี่ยงฝ่ายต่อต้าน ผู้พลัดถิ่นเหล่านี้จำต้องหนี<wbr></wbr>จากการโจมตีด้วยปืนใหญ่<wbr></wbr>และการโจมตีทางอากาศใน 7 จังหวัดของภูมิภาคกอทูเล</p>
<p>กลุ่มสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) รายงานเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2567 ว่า จังหวัดญองเล่บีน ภายใต้การปกครองของกองพลน้อยที่ 3 ของ KNU มีจำนวนผู้พลัดถิ่นเพิ่มขึ้<wbr></wbr>นเพราะสงครามเป็นจำนวนมากถึง 248,160 ราย ตามมาด้วยจังหวัดดูปลายา ภายใต้การควบคุมของกองพลน้อยที่ 6 มีจำนวนผู้พลัดถิ่<wbr></wbr>นเพราะสงครามมากเป็นอันดับถั<wbr></wbr>ดมาคือ 149,969 ราย</p>
<p>สาเหตุที่จำนวนผู้พลัดถิ่<wbr></wbr>นเพราะสงครามเพิ่มสูงขึ้นอย่<wbr></wbr>างรวดเร็วนี้มีปัจจัยมาจากการสู้<wbr></wbr>รบที่รุนแรงขึ้นในเมืองกอกะเร็<wbr></wbr>กและเมืองโมน เรื่องนี้เป็นผลสืบเนื่<wbr></wbr>องมาจากปฏิบัติการโจมตี<wbr></wbr>ของกองกำลังปลดปล่อยแห่งชาติ<wbr></wbr>กะเหรี่ยง (KNLA) ซึ่งเป็นฝ่ายติดอาวุธของ KNU ที่ทำการโจมตีต่อสภากองทัพพม่<wbr></wbr>าช่วงปลายปี 2566 องค์กรให้ความช่วยเหลื<wbr></wbr>อของกะเหรี่ยงเน้นย้ำว่ายังไม่<wbr></wbr>มีการสนับสนุนที่เพียงพอสำหรั<wbr></wbr>บการช่วยเหลือกลุ่มประชากรผู้<wbr></wbr>พลัดถิ่นที่กำลังขาดแคลนอย่<wbr></wbr>างมาก</p>
<p>"พวกเราทำจนถึงขีดสุ<wbr></wbr>ดของพวกเราแล้วในการช่วยเหลื<wbr></wbr>อคนผู้พลัดถิ่นและปฏิสัมพันธ์กั<wbr></wbr>บประชาคมโลกเพื่อขอการสนับสนุน แต่ความช่วยเหลือในเชิงปฏิบัติ<wbr></wbr>จริงที่พวกเราสามารถให้ได้ก็ยั<wbr></wbr>งคงจำกัดอยู่ กลุ่มประชากรผู้พลัดถิ่<wbr></wbr>นเพราะสงครามนั้นในตอนนี้มี<wbr></wbr>มากเกิน 700,000 รายแล้ว ซึ่งความต้องการมีมากกว่าเรื่<wbr></wbr>องอาหาร แต่ยังมีความต้องการปัจจัยที่<wbr></wbr>จำเป็นอย่าง ที่อยู่อาศัย, การตั้งรกรากใหม่ และโอกาสในการดำรงชีวิตด้วย" Saw Khe Lay รองประธานคณะกรรมการเพื่<wbr></wbr>อชาวกะเหรี่ยงผู้พลัดถิ่<wbr></wbr>นภายในประเทศ (CIDKP) กล่าวให้สัมภาษณ์ต่อศูนย์ข้อมู<wbr></wbr>ลกะเหรี่ยง</p>
<p>Saw Khe Lay บอกว่า จากการเก็บข้อมูลสถิติอย่<wbr></wbr>างละเอียดรอบคอบของ CIDKP ทำให้ทราบว่ามีจำนวนผูู้พลัดถิ่<wbr></wbr>นเพราะสงครามมากกว่า 752,000 รายในกอทูเลตอนนี้ และมีอยู่ครึ่งหนึ่งที่ยั<wbr></wbr>งคงขาดแคลนการช่วยเหลือ</p>
<p>Saw Khs Lay กล่าวว่า "น่าเสียดายที่ในหมู่ประชาชน 700,000 ราย การช่วยเหลือของพวกเราสามารถเข้<wbr></wbr>าถึงได้แค่ไม่ถึงครึ่งหนึ่งอย่<wbr></wbr>างคงเส้นคงวา การช่วยเหลืออีกครึ่งหนึ่<wbr></wbr>งของประชาชนเกิดขึ้นแบบไม่สม่ำ<wbr></wbr>เสมอ โดยประมาณแล้วคือทุกๆ 4-5 เดือน ภายใต้ขีดความสามารถที่<wbr></wbr>พวกเราทำได้ ก็ยังคงมีความขาดแคลนหลงเหลื<wbr></wbr>ออยู่อีกมาก"</p>
<p>แถลงการณ์ของ KNU ระบุว่าการที่ในกอทูเลมีจำนวนบุ<wbr></wbr>คคลพลัดถิ่นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นั้น มาจากการที่กองทัพเผด็จการพม่<wbr></wbr>าทำการโจมตีเป้าหมายพลเรื<wbr></wbr>อนราวกับว่าเป็นเป้<wbr></wbr>าหมายทางการทหาร อย่างการใช้การโจมตีทางอากาศ, การยิงปืนใหญ่ใส่ และหันมาใช้ความรุนแรงในหลายรู<wbr></wbr>ปแบบกับประชากรในพื้นที่</p>
<p>คนในพื้นที่เปิดเผยว่า ท่ามกลางการปะทะกันที่เกิดขึ้<wbr></wbr>นอย่างต่อเนื่องในพื้นที่และมี<wbr></wbr>การโจมตีจากสภากองทัพพม่าที่<wbr></wbr>ทำการเผาบ้านเรือนประชาชนนั้น ผู้คนในพื้นที่ไม่เพียงแค่ต้<wbr></wbr>องทนกับความยากลำบากของการพลั<wbr></wbr>ดถิ่นเท่านั้นแต่ยังต้องเผชิญกั<wbr></wbr>บวิกฤตด้านวิถีชีวิตที่ถูกทำให้<wbr></wbr>แย่ยิ่งกว่าเดิมจากความไม่<wbr></wbr>ปลอดภัยที่คืบคลานเข้ามาซึ่<wbr></wbr>งอาจจะทำให้พวกเขาต้องเผชิ<wbr></wbr>ญความเสี่ยงชีวิตในช่สงที่มี<wbr></wbr>การสู้รบด้วย</p>
<p>หลังจากที่การรัฐประหารในพม่<wbr></wbr>าเกิดขึ้นมาเป็นเวลาเกือบ 3 ปีแล้ว จำนวนผู้พลัดถิ่<wbr></wbr>นภายในประเทศเพราะสงครามก็มีเพิ่<wbr></wbr>มมากขึ้นในกอทูเล ซึ่งนอกจาก 2 จังหวัดที่ระบุถึงข้างต้นแล้ว ยังมีพื้นที่อื่นๆ ที่มีผู้พลัดถิ่นเพิ่มขึ้น เช่น ท่าตอนที่เป็นพื้นที่ใต้<wbr></wbr>ปกครองของกองพลน้อยที่ 1 ของ KNU มีผู้พลัดถิ่นเพิ่มขึ้นเป็น 143,529 ราย ที่ตองอูของกองพลน้อยที่ 2 มีอยู่ 20,152 ราย ที่ทวาย-มะริด ของกองพลน้อยที่ 4 มีอยู่ 75,185 ราย ที่มูตรอ ของกองพลน้อยที่ 5 มีอยู่ 91,603 ราย และที่พะอันของกองพลน้อยที่ 7 มีอยู่ 22,981 ราย</p>
<p><strong>เรียบเรียงจาก</strong></p>
<ul>
<li>KNU-Controlled Areas Witness Surge in War-Displaced Population Now over 700,000, Karen News, 24-01-2024
https://karennews.org/2024/01/knu-controlled-areas-witness-surge-in-war-displaced-population-now-over-700000/</li>
</ul>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2024/02/107966