[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
02 พฤษภาคม 2567 01:47:13 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: [ข่าวมาแรง] - รมว.ดีอี หนุน ‘รัฐ-เอกชน’ จับมือรณรงค์สร้างความมั่นคงข้อมูลส่วนบุคคล ยกระดับทั  (อ่าน 36 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สุขใจ ข่าวสด
I'm Robot
สุขใจ บอทนักข่าว
นักโพสท์ระดับ 15
****

คะแนนความดี: +101/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Italy Italy

กระทู้: มากเกินบรรยาย


บอท @ สุขใจ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2567 20:04:58 »

รมว.ดีอี หนุน ‘รัฐ-เอกชน’ จับมือรณรงค์สร้างความมั่นคงข้อมูลส่วนบุคคล ยกระดับทัดเทียมสากล
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2024-02-07 13:11</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>รมว.ดีอี หนุน ‘รัฐ-เอกชน’ จับมือรณรงค์สร้างความมั่นคงข้อมูลส่วนบุคคล ยกระดับทัดเทียมสากล สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ ด้าน สส.ก้าวไกล ชี้กรณีข้อมูลปชช.หลุดจากหน่วยงานรัฐเกือบ 20 ล้านชุด สะท้อนช่องโหว่ในระบบจ้างเอกชนทำแอปฯ</p>
<p>7 ก.พ.2567 ทีมสื่อพรรคเพื่อไทยรายงานต่อสื่อมวลชนว่า เมื่อวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา ประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ร่วมเป็นประธานและเป็นสักขีพยานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ด้านการเผยแพร่ข้อมูลและรณรงค์ตระหนักรู้เรื่องข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดขึ้น โดยมีเป้าหมายให้ทุกภาคส่วนตระหนักรู้ถึงความสำคัญเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการผนึกกำลังความร่วมมือทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในการการสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่สำคัญ เพื่อขับเคลื่อนการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศให้มีความก้าวหน้าตามมาตรฐานสากล และมุ่งเน้นให้ทุกภาคส่วนโดยเฉพาะภาคธุรกิจเห็นความสำคัญของการออกกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อปกป้องสิทธิส่วนบุคคลให้ข้อมูลมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานมากขึ้น ควบคู่ไปกับการเรียกร้องให้ภาคธุรกิจเก็บใช้และประมวลผลข้อมูลเหล่านั้นอย่างมีความรับผิดชอบ </p>
<p>ประเสริฐ กล่าวมอบนโยบายให้แก่ผู้เข้าร่วมงานว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและเน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด การลงนามในความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ด้านการเผยแพร่ข้อมูลและรณรงค์ตระหนักรู้เรื่องข้อมูลส่วนบุคคลในวันนี้จะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคลให้กับทั้งผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไป ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนประเทศและยกระดับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้ทัดเทียมกับสากล เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ</p>
<div class="more-story">
<ul>
<li>สส.ก้าวไกล ชี้กรณีข้อมูลปชช.หลุดจากหน่วยงานรัฐเกือบ 20 ล้านชุด สะท้อนช่องโหว่ในระบบจ้างเอกชนทำแอปฯ</li>
</ul>
</div>
<p>ศิวรักษ์ ศิวโมกษธรรม  เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยในวันนี้ จะช่วยสร้างความตระหนักรู้เรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้กับผู้ประกอบธุรกิจการค้า โดยทั้งสามหน่วยงานจะร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างความตระหนักรู้ด้านการคุ้มครองส่วนบุคคลอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ การพัฒนาหลักสูตรด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับผู้บริหาร (Executive PDPA) การถ่ายทอดความรู้แก่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ หรือ YEC ในการส่งต่อความรู้กับสมาชิกในเครือข่าย และจัดทำแนวปฏิบัติด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสมสำหรับผู้ประกอบการในแต่ละกลุ่มธุรกิจ ทั้งนี้ PDPC ตอบรับนโยบายของท่านรัฐมนตรีในการกำกับดูแลหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอย่างเคร่งครัด รวมทั้งสร้างความตระหนักรู้ให้แก่ประชาชนทั่วไป” </p>
<p>สนั่น  อังอุบลกุล  ประธานกรรมการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับภาคธุรกิจแล้ว PDPA ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของธุรกิจ ทั้งการเตรียมพร้อม ปรับรูปแบบ การเก็บข้อมูล เพื่อหลีกเลี่ยงการทำผิดกฎหมาย รวมถึงการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงเมื่อข้อมูลที่มีลดน้อยลง หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในนามภาคธุรกิจเอกชน จึงเห็นความสำคัญในการเผยแพร่แผนการดำเนินงาน และสร้างเครือข่ายความร่วมมือในวันนี้ขึ้น  เพื่อสร้างการตระหนักรู้ด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมทั้งเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และองค์ความรู้ในการยกระดับองค์กรให้สอดคล้องกับกฎหมาย ให้แก่องค์กรที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาข้อมูลในด้านต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน รวมทั้งส่งเสริมให้มีแนวทางในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่มีมาตรฐานสากล เพื่อให้มีมาตรการด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่สอดคล้องตามหลักการสากลที่ประเทศต่างๆ ให้ความสำคัญ รวมทั้งมีการพัฒนาก้าวหน้าได้อย่างยั่งยืนในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล</p>
<p>อธิป  พีชานนท์  รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศ กล่าวเสริมว่า ในยุคที่ธุรกิจขับเคลื่อนด้วย Big Data การปรับกลยุทธ์ เพื่อให้ธุรกิจยังคงดำเนินต่อไปได้ สิ่งเหล่านี้ยังถือเป็นโจทย์ครั้งสำคัญที่ผู้ประกอบการทุกภาคส่วน โดยเฉพาะ SMEs และ Startup ต้องแก้ปัญหาเพื่อให้ธุรกิจเติบโตต่อไปในอนาคต เพราะข้อมูลส่วนบุคคลถือเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาธุรกิจ ทั้งในด้านการวิเคราะห์หา Insight ของลูกค้า เพื่อนำไปในใช้ในด้านการตลาด รวมถึงการพัฒนาสินค้าให้ตอบสนองตามความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ ถึงแม้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลจะเป็นผลดีต่อธุรกิจ แต่ในทางกลับกันหากไม่มีมาตรการป้องกันที่เพียงพอ ก็อาจนำมาสู่การถูกโจรกรรมข้อมูล และนำไปใช้ข้อมูลในทางที่ผิด ซึ่งจากประเด็นนี้ส่งผลให้เกิด PDPA ขึ้นมาในประเทศไทย</p>
<p>ธนวรรธน์ พลวิชัย รองศาสตราจารย์และอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า PDPA ยังคงมีบทบาทสำคัญต่อสถานบันการศึกษา โดยเฉพาะการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เรียนในสถานศึกษา เป็นเรื่องที่ต่างประเทศ (โดยเฉพาะประเทศในยุโรป) ให้ความสำคัญและเป็นกระแสตื่นตัวกันอย่างมากมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว นับตั้งแต่การประกาศใช้ GDPR หรือกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป สถานศึกษา เช่น โรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัย ต่างมีนโยบายและมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลออกมาให้เห็นความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน โดยมีการประกาศเอาไว้อย่างชัดแจ้งบนหน้าเว็บไซต์ของสถานศึกษา ตลอดจนมีการขอความยินยอมจากผู้เรียน/ผู้ปกครอง เพื่อให้ทางสถานศึกษาสามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เรียนได้ตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งเอาไว้  ถึงเวลาที่บุคลากรในวงการการศึกษาจะหันมาให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้เห็นความสำคัญ จึงได้ร่วมผนึกกำลังความร่วมมือ ในการปลูกฝังค่านิยม การรับรู้ การสร้างองค์ความรู้ ในการวางแผนการจัดทำหลักสูตรด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.)  ซึ่งเป็นบทบาทโดยตรงของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย  </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ด้าน สส.ก้าวไกล ชี้กรณีข้อมูลปชช.หลุดจากหน่วยงานรัฐเกือบ 20 ล้านชุด สะท้อนช่องโหว่ในระบบจ้างเอกชนทำแอปฯ</span></h2>
<p>ขณะที่วานนี้ (6 ก.พ.) ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาให้ความเห็นต่อกรณี รายงานของบริษัท Resecurity ระบุว่าเฉพาะเดือนมกราคม 2567 มีข้อมูลที่ใช้ระบุตัวบุคคลของคนไทยเกือบ 20 ล้านชุดข้อมูลรั่วไหล และถูกประกาศขายบนฟอรัมซื้อขายข้อมูลผิดกฎหมาย โดยเป็นข้อมูลจากกรมกิจการผู้สูงอายุมากถึง 19.7 ล้านแถวข้อมูล โดยณัฐพงษ์ระบุว่าข้อมูลที่หลุดครั้งนี้สะท้อนถึงเหตุที่เกิดขึ้นซ้ำๆ มาโดยตลอด โดยเฉพาะในกรณีนี้เป็นข้อมูลที่น่ากังวลที่หลุดออกมาจากหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งปฏิเสธได้ยากว่าเป็นเรื่องของความบกพร่องในการบริหารจัดการข้อมูลประชาชนของภาครัฐ พร้อมแนะนำให้เร่งรัดนโยบาย “cloud first policy” ดูแลความปลอดภัยได้ง่ายกว่า วิจารณ์นโยบายดิจิทัลรัฐบาลให้น้ำหนักนโยบายดึงเม็ดเงินลงทุนตั้ง “data center” แต่ยังขาดความชัดเจนมาตรฐานความปลอดภัยขั้นต่ำ </p>
<p>สส.พรรคก้าวไกล ระบุด้วยว่าแม้รัฐบาลจะมีการประกาศนโยบาย cloud first policy หรือการทำให้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศขึ้นคลาวด์ให้หมดแล้ว แต่ยังมีขั้นตอนของการบริหารจัดการที่ต้องวางกรอบในเรื่องของการจัดการความปลอดภัยไซเบอร์ให้รัดกุมยิ่งขึ้น ในการให้ภาครัฐเป็นคนควบคุมข้อมูลและรักษาดูแลความปลอดภัยข้อมูลให้ประชาชน ไม่ใช่ให้ผู้รับเหมาควบคุมได้ทุกอย่าง</p>
<p>หากเปรียบแอปพลิเคชันที่ใช้ในการทำงานภาครัฐหรือบริการออนไลน์ที่ให้ประชาชนลงทะเบียนเป็นเหมือนสำนักงานหนึ่งแห่ง ปัจจุบันเมื่อภาครัฐหน่วยงานหนึ่งจะจัดทำแอปขึ้นมาก็จะจ้างผู้รับเหมาหนึ่งเจ้าไปขึ้นสำนักงานหลังใหม่ สมมติว่ามี 20 กระทรวงที่ทำแอปพลิเคชัน ก็เหมือนมีสำนักงานใหม่ขึ้นมา 20 หลัง โดยที่ภาครัฐจะให้ผู้รับเหมาเป็นคนดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับภาครัฐเลย แต่อย่าลืมว่าในสำนักงานแต่ละหลังผู้รับเหมาที่รับช่วงต่อจากภาครัฐแต่ละเจ้าก็มีวิธีการจัดการคนละแบบ 20 เจ้าก็ 20 แบบ วันดีคืนดีคนในของผู้รับเหมาเจ้านั้นแอบขโมยกุญแจเข้าตึกหลังนั้นแล้วไปขายต่อก็ได้</p>
<p>แต่หากเป็นการใช้ cloud first policy จะเหมือนกับการที่รัฐตั้งตึกหลังใหม่เป็นศูนย์กลางแห่งเดียว แล้วให้บรรดากระทรวงมาเช่าสำนักงานอยู่ในตึกนี้ เอาแอปพลิเคชันทุกชิ้นมากองอยู่ในคลาวด์ของภาครัฐ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเซิร์ฟเวอร์จะต้องอยู่ที่เดียว และไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีผู้ให้บริการคลาวด์เพียงรายเดียวให้กับรัฐ เพียงแต่ภาครัฐจะสามารถบริหารจัดการให้ทุกแอปพลิเคชันหรือทุกบริการดิจิทัลภาครัฐที่ให้บริการอยู่บนคลาวด์หลายๆ ที่นั้น มีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยแบบเดียวกัน ภาครัฐสามารถจัดการได้อย่างรวมศูนย์ และมีหน้าที่ในการดูแลรักษาและวางมาตรการการรักษาความปลอดภัยได้เองทั้งหมด นี่เป็นสถาปัตยกรรมระบบดิจิทัลของภาครัฐที่ตอนนี้หลายประเทศใช้อยู่</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/02/107962
 

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

นักข่าวหัวเห็ด แห่งเวบสุขใจ
อัพเดตข่าวทันใจ ตลอด 24 ชั่วโมง

>> http://www.SookJai.com <<
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
[ข่าวมาแรง] - ‘รมว.ดีอี’ เผยอายัดบัญชีคนร้ายได้มากกว่า 7,996 บัญชีแล้ว
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 71 กระทู้ล่าสุด 09 ธันวาคม 2566 15:52:29
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - ‘ดีอี’ จับมือ ‘Meta’ หวังสร้างความปลอดภัยทางไซเบอร์ เสริมทักษะ ยกระดับความสามารถ
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 82 กระทู้ล่าสุด 13 ธันวาคม 2566 21:48:23
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - 'ดีอี' เข้ม เร่งปิดกั้น-จับกุม 'เพจ-เว็บ' ซื้อขายข้อมูล ปชช. เร่งแก้ไขหน่วย
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 89 กระทู้ล่าสุด 29 ธันวาคม 2566 04:46:21
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - 'ดีอี’ หารือ ‘สภาองค์กรของผู้บริโภค’ ดันแนวทางคุ้มครองประชาชนจากภัยออนไลน์
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 47 กระทู้ล่าสุด 15 มกราคม 2567 20:49:57
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - รมว.ดีอี ตอบกระทู้ สว. ระบุจับมือพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เร่งป้องกัน-ปราบปร
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 33 กระทู้ล่าสุด 12 มีนาคม 2567 06:53:53
โดย สุขใจ ข่าวสด
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.164 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 21 กุมภาพันธ์ 2567 08:50:36