'ฟอร์ติฟายไรท์' เรียกร้องบังกลาเทศร่วมมือ ICC สอบสวน ตชด. พม่าที่หลบหนีอยู่ในประเทศ
<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2024-02-17 11:43</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ในช่วงที่มีสงครามกลางเมืองพม่าระหว่างสภากองทัพเผด็จการพม่า กับกองกำลังฝ่ายต่อต้าน ก็มีตำรวจตระเวนชายแดนฝ่ายเผด็จการพม่าจำนวนหลายร้อยนายหนีไปยังประเทศบังกลาเทศที่อยู่ติดกับพม่า องค์กรสิทธิมนุษยชน 'ฟอร์ติฟายไรท์' เรียกร้องให้มีการสอบสวนว่าเจ้าหน้าที่เหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมโหดร้ายในพม่าหรือไม่ โดยให้ประสานงานกับศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ในการนี้</p>
<p><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53534053503_98fa60503b_o_d.png" /></p>
<p>ฟอร์ติฟายไรท์ องค์กรด้านการตรวจสอบการละเมิดสิทธิฯ ระบุในบทความเว็บไซต์ของพวกเขาลงวันที่ 8 ก.พ. 2567 เรียกร้องให้รัฐบาลบังกลาเทศสืบสวนสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน (BGP) ของกองทัพเผด็จการพม่าที่หนีเข้าบังกลาเทศ เนื่องจากเจ้าหน้าที่เหล่านี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมความโหดร้ายในพม่า</p>
<p>ฟอร์ติฟายไรท์เรียกร้องให้มีการประสานความร่วมมือกับศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ในการสืบสวนอาชญากรรมต่อชาวโรฮิงญาที่เป็นชนกลุ่มน้อยในพม่า หลังจากที่ในช่วงไม่กี่วันก่อนหน้านี้มีตำรวจตระเวนชายแดนพม่าหลายร้อยนายที่หนีจากการสู้รบกับอาระกันอาร์มีเข้าสู่บังกลาเทศ โดยที่กลุ่มอาระกันอาร์มีเป็นกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์กลุ่มหนึ่งในรัฐยะไข่ ประเทศพม่า</p>
<p>เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2567 หน่วยตระเวนชายแดนของบังกลาเทศกล่าวว่าตำรวจตระเวนชายแดนพม่า 264 นายได้เดินทางเข้าสู่บังกลาเทศเนื่องจากกำลังเกิดการสู้รบอยู่ในพม่า มีบางวันที่ตชด.เหล่านี้อพยพเข้าสู่ประเทศมากกว่า 100 นายในวันเดียว และมีบางส่วนที่ "บาดเจ็บสาหัส" ซึ่งพวกเขากำลังเข้ารับการรักษาพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลในบังกลาเทศ</p>
<p>โมฮัมเหม็ด มิซานูร์ รอห์มัน กรรมาธิการด้านการบรรเทาทุกข์ผู้ลี้ภัยและการส่งกลับประเทศของบังกลาเทศ ที่มีฐานในเมืองค็อกซ์บาซาร์ กล่าวว่า ตำรวจตระเวนชายแดนของพม่าจะได้รับการดูแลในเมืองบานดาร์บานที่อยู่ใกล้เคียงก่อนที่จะส่งตัวกลับพม่า</p>
<p>ฟอร์ติฟายไรท์ระบุว่า บังกลาเทศไม่ควรจะบังคับให้ตำรวจตระเวนชายแดนพม่ากลับประเทศของตัวเอง</p>
<p>แมทธิว สมิทธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของฟอร์ติฟายไรท์กล่าวว่า "บังกลาเทศควรจะหลีกเลี่ยงไม่รีบส่งตัวเจ้าหน้าที่เหล่านี้กลับประเทศ แต่ควรจะให้การดูแลและคุ้มครองตามความต้องการของพวกเขา และควรจะมีการสอบสวนพวกเขาถึงความเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมความโหดร้ายในพม่า"</p>
<p>"มันจะเป็นประโยชน์กับทหาร, ตำรวจ และ เจ้าหน้าที่ชายแดนนายอื่นๆ ของพม่าเอง ในการที่จะออกมายอมรับการกระทำของตัวเอง และให้ความร่วมมือกับกลไกยุติธรรมนานาชาติ" สมิทธ์กล่าว</p>
<p>ทางศาล ICC เองก็เคยมีการตัดสินเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2562 อนุญาตให้ สำนักงานอัยการของ ICC (OTP) ทำการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในพม่าตามที่มีการกล่าวหา อย่างน้อยก็ในส่วนที่เกิดขึ้นในอาณาเขตของบังกลาเทศ</p>
<p>ทางศาล ICC ยังไม่ได้ออกหมายจับในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมความโหดร้ายต่อโรฮิงญา การสืบสวนของ OTP ยังอยู่ในช่วงของการดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาราว 4 ปีแล้ว</p>
<p>บังกลาเทศเป็นประเทศสมาชิก ICC ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมาและก่อนหน้านี้ก็เคยประสานงานกับศาลในการนำตัวผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดจากพม่ามาดำเนินคดี</p>
<p>เมื่อเดือน ก.ย. 2563 ทหารพม่า 2 นายคือ พลทหาร Myo Win Tun และ Zaw Naing Tun ปรากฏตัวที่พรมแดนบังกลาเทศ-พม่า ทั้งสองคนขอการคุ้มครองจากทางการบังกลาเทศ ในฐานะที่บังกลาเทศเป็นสมาชิกของ "ธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ" ทางการบังกลาเทศได้แจ้งเตือนเรื่องพลทหารสองนายนี้ต่อ ICC โดยที่ทหารสองนายนี้ได้สารภาพว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารหมู่, การข่มขืน และอาชญากรรมอื่นๆ ต่อชาวโรฮิงญาในพม่า ทหารสองนายนี้ถูกส่งตัวต่อไปที่กรุงเฮก (เมืองที่ตั้งของ ICC) และนับเป็นผู้ก่อเหตุกลุ่มแรกในพม่าที่ถูกส่งตัวให้กับ ICC</p>
<p>ฟอร์ติฟายไรท์เสนอว่าทางการบังกลาเทศควรจะประสานงานกับกลไกอิสระนานาชาติเพื่อพม่า (IIMM) ในการเก็บรวบรวมหลักฐานเกี่ยวกับอาชญากรรมนานาชาติในพม่า คณะมนตรีด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติจัดตั้ง IIMM ขึ้นในปี 2562 เพื่อเก็บรวบรวมและเก็บรักษาหลักฐานอาชญากรรมนานาชาติในพม่าเพื่อที่จะนำมาใช้สำหรับการดำเนินคดีในอนาคต</p>
<p>ในปี 2559-2560 กองทัพพม่าเป็นผู้นำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่ โดยมีการเผาทำลายหมู่บ้านหลายร้อยแห่ง มีกรณีการสังหาร, ข่มขืน และทารุณกรรม เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน และบีบให้ประชาชนมากกว่า 700,000 คนลี้ภัยไปที่บังกลาเทศ ฟอร์ติฟายไรท์, รัฐบาลสหรัฐฯ, คณะผู้แทนค้นหาข้อเท็จจริงที่ได้รับแต่งตั้งโดยสหประชาชาติ, องค์การต่างๆ ที่นำโดยชาวโรฮิงญา และหน่วยงานอื่นๆ ต่างก็ระบุว่าการโจมตีต่อชาวโรฮิงญาในกรณีนี้นับเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์</p>
<p>สมิทธ์ กล่าวว่า "รัฐบาลบังกลาเทศมีความคงเส้นคงวาในการกระทำในสิ่งที่ถูกต้องโดยการช่วยสร้างความคืบหน้าด้านกระบวนการยุติธรรมนานาชาติสำหรับกรณีอาชญากรรมความโหดร้ายในพม่า และพวกเราก็หวังว่าทางการจะยังคงเดินตามเส้นทางเดิมต่อไปในสถานการณ์เช่นนี้"</p>
<p>"ตำรวจตระเวนชายแดนเหล่านี้ อาจจะมีข้อมูลที่ช่วยนำตัวผู้ก่อเหตุมารับผิดชอบต่อการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญาและอาชญากรรมอื่นๆ ที่กำลังปรากฏให้เห็นในพม่า และพวกเขาก็ควรจะได้รับการสอบสวนอย่างเหมาะสม" สมิทธ์กล่าว</p>
<p><span style="color:#2980b9;"><strong>เรียบเรียงจาก</strong></span></p>
<p>
<span style="color:#2980b9;">Bangladesh: Investigate Fleeing Myanmar Junta-Forces, Coordinate with International Criminal Court, Fortify Rights, 08-02-2024</span></p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2024/02/108104