ผู้ใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐผ่านแอปฯ ถุงเงิน ต้องสแกนใบหน้า - กด PIN Code 6 หลัก เริ่ม 11 มีนา
<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2024-03-11 12:24</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>กรมบัญชีกลางแจง 11 มี.ค. 67 เป็นต้นไป ผู้ใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐผ่านแอปฯ ถุงเงิน ต้องสแกนใบหน้า พร้อมกดรหัสคู่บัตร (PIN Code) 6 หลัก ทุกครั้ง</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53580256156_75fbc5e984_k.jpg" /></p>
<p>11 มี.ค.2567 จากเมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา
เว็บไซต์กรมบัญชีกลาง รายงานว่า ทิวาพร ผาสุข รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้ดำเนินโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 โดยในวันที่ 1 ของทุกเดือน ผู้ที่ได้รับสิทธิจะสามารถใช้สิทธิเป็นวงเงินสิทธิกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ โดยวงเงินดังกล่าวจะไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป ซึ่งผู้ที่ได้รับสิทธิจะสามารถใช้วงเงินสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐในการซื้อสินค้า จำนวน 300 บาทต่อคนต่อเดือน วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน และวงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ จำนวน 750 บาทต่อเดือน กับร้านค้าหรือผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการที่รับชำระเงินผ่านเครื่อง EDC หรือแอปพลิเคชันถุงเงิน</p>
<p>“ปัจจุบันมีร้านค้าและผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่านแอปพลิเคชันถุงเงินกว่าหนึ่งแสนร้านค้า ดังนั้น เพื่อให้การรับชำระค่าสินค้าและบริการผ่านสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ จากแอปพลิเคชันถุงเงิน เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและโปร่งใส จึงได้กำหนดวิธีการรับชำระค่าสินค้าและบริการ ด้วยวิธีการสแกนใบหน้าควบคู่กับการใส่รหัสคู่บัตร (PIN Code) 6 หลัก ตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค. 2567 เป็นต้นไป โดยผู้มีสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ไปใช้สิทธิที่ร้านค้าหรือผู้ประกอบการที่รับชำระค่าสินค้าผ่านแอปพลิเคชันถุงเงิน จะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมกดรหัสคู่บัตร PIN 6 หลัก และให้ร้านค้าหรือผู้ประกอบการสแกนใบหน้าทุกครั้ง ยกเว้น กลุ่มผู้มอบอำนาจให้ดำเนินการแทน เช่น ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ ผู้สูงอายุที่เดินทางไปยืนยันตัวตนเองไม่ได้ เป็นต้น และกลุ่มผู้ที่สแกนใบหน้า ไม่ผ่านตั้งแต่ขั้นตอนยืนยันตัวตน (e-KYC)</p>
<p>สำหรับกรณีที่รหัสคู่บัตร (PIN Code) 6 หลัก ถูกล็อกนั้น โฆษกกรมบัญชีกลาง กล่าวให้ดำเนินการ ดังนี้</p>
<p>(1) หากผู้ใช้สิทธิยังจำรหัสเดิมได้ สามารถติดต่อขอปลดล็อกได้ด้วยตนเองผ่านระบบโทรศัพท์อัตโนมัติ ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง ที่ Welfare Call Center 0 2109 2345 หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ ในวันและเวลาทำการ (จันทร์-ศุกร์) ระหว่างเวลา 08.30 - 17.30 น.</p>
<p>(2) กรณีที่ต้องการเปลี่ยนรหัสคู่บัตร (PIN Code) 6 หลัก สามารถดำเนินการด้วยตนเองผ่านตู้ ATM บมจ.ธนาคารกรุงไทย (เครื่อง ATM สีเทาที่มีปุ่ม “ทำรายการด้วยบัตรประจำตัวประชาชน”)</p>
<p>(3) กรณีจำรหัสคู่บัตร (PIN Code) 6 หลัก ไม่ได้ ให้ติดต่อที่สาขาของ บมจ. ธนาคารกรุงไทย เพื่อทำการยืนยันตัวตนใหม่ พร้อมกำหนดรหัสคู่บัตร (PIN Code) 6 หลัก หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center กรมบัญชีกลาง 0 2270 6400 ในวันเวลาทำการ</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2024/03/108387