[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 เมษายน 2567 16:19:52 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: [ข่าวมาแรง] - 'ก้าวไกล' แถลงจับตานโยบายจากห้อง กมธ.งบ 67 แบ่งอนุฯ-ตัดงบหลายส่วนแบบมีธง  (อ่าน 30 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สุขใจ ข่าวสด
I'm Robot
สุขใจ บอทนักข่าว
นักโพสท์ระดับ 15
****

คะแนนความดี: +101/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Italy Italy

กระทู้: มากเกินบรรยาย


บอท @ สุขใจ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 18 มีนาคม 2567 05:10:00 »

'ก้าวไกล' แถลงจับตานโยบายจากห้อง กมธ.งบ 67 แบ่งอนุฯ-ตัดงบหลายส่วนแบบมีธง
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2024-03-18 03:39</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'ก้าวไกล' แถลงจับตานโยบายจากห้อง กมธ.งบ 67 ชี้ข้อสังเกตแบ่งอนุฯ-ตัดงบหลายส่วนแบบมีธง ยืนยันจุดยืนตัดงบฝายดินซีเมนต์เพราะไม่คุ้มค่า-ไม่โปร่งใส งงมติ ครม.หนุนเรือฟริเกตแต่มาตีตกทีหลัง ย้ำทุกกรณีพิจารณาด้วยเหตุผลและข้อมูล</p>
<p> </p>
<p>18 มี.ค.2567 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานต่อสื่อมวลชนว่า เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่อาคารอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกลแถลงข่าวจับตานโยบาย "รวบตึงงบฯ 67 จากห้อง กมธ." โดยมี ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล, สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และ ชยพล สท้อนดี สส.กรุงเทพฯ เขต 8 พรรคก้าวไกล ร่วมแถลงข้อสังเกตที่ได้จากการทำหน้าที่ในคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567</p>
<p>ในส่วนของศิริกัญญา ระบุว่าการพิจารณางบประมาณในปีนี้รวดเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากปีนี้เป็นปีพิเศษที่งบประมาณออกล่าช้าไปประมาณ 6 เดือน และด้วยเงื่อนไขเช่นนี้ ทำให้ในปีนี้ได้มีการอนุมัติหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการใช้งบประมาณไปพลางก่อน โดยนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ตามคำแนะนำของผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ที่อนุมัติหลักเกณฑ์ว่าสามารถที่จะขอได้ 2 ใน 3 ของงบประมาณปี 2566 หรือราว 2 ล้านล้านบาท และเมื่อหน่วยงานส่งแผนงานมาจริงๆ ผอ.สำนักงบประมาณก็ได้อนุมัติไปทั้งสิ้น 58.8% </p>
<p>สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเมื่ออนุมัติไปแล้ว หน่วยงานก็เริ่มใช้งบประมาณไปตั้งแต่ต้นปีงบประมาณในเดือนตุลาคมเป็นต้นมา และเมื่อสภาฯ เข้ามาพิจารณางบประมาณปี 2567 จำนวน 3.48 ล้านล้านบาท ก็จะมีราวๆ เกือบ 2 ล้านล้านบาทที่ถูกอนุมัติและมีการใช้ไปแล้ว ดังนั้น ในความเป็นจริงสภาฯ มีอำนาจที่จะพิจารณาอย่างจริงจังเพียงแค่ 41% เท่านั้น นี่ก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การพิจารณางบประมาณในปีนี้สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53593005847_7d7588d2c9_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">ศิริกัญญา</span></p>
<p>ศิริกัญญากล่าวต่อไปว่า แต่วิธีการแบบนี้ก็มีปัญหามีช่องโหว่อยู่เช่นกัน แม้จะเป็นการทำตามรัฐธรรมนูญมาตรา 141 และ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ และในขั้นตอนอนุมัติหลักเกณฑ์ นายกรัฐมนตรี ยังเป็นผู้ที่ต้องเข้ามาเห็นชอบด้วย แต่ก็มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่มีอำนาจอนุมัติ นั่นคือ ผอ.สำนักงบประมาณ ซึ่งเท่ากับว่าอำนาจในการอนุมัติงบประมาณตกไปอยู่ที่ ผอ.สำนักงบประมาณ ที่มาจากการแต่งตั้ง ทั้งที่ควรจะต้องได้รับการอนุมัติโดย ครม. หรือนายกฯ เพื่อให้เกิดความรับผิดชอบในงบประมาณในส่วนที่สภาฯ ไม่สามารถเข้าไปปรับลดได้นี้</p>
<p>ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ในห้องอนุกรรมาธิการ ที่ไปตัดโครงการบางโครงการแล้วจำเป็นที่จะต้องมาคืนในภายหลัง เพราะหน่วยงานบอกว่ามีการใช้ไปพลางก่อนแล้ว นี่จึงเป็นความพิเศษของปีงบประมาณนี้ และไม่แน่ว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าหรืออีก 4 ปีข้างหน้า หากมีการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าเหมือนปีที่ผ่านมา เราก็อาจจะต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้อีก จึงอยากให้เป็นบทเรียนว่าคนที่จะมีอำนาจในการอนุมัติแผนงานใช้งบประมาณไปพลางก่อน ควรจะต้องเป็นคณะรัฐมนตรี เพื่อให้คณะรัฐมนตรีรับผิดรับชอบกับงบที่ใช้ไปแล้วโดยไม่ได้ผ่านสภาฯ</p>
<p>ศิริกัญญากล่าวต่อไป ว่าตามปกติแล้วในทุกๆ ปี คณะกรรมาธิการงบประมาณ ซึ่งมีราว 70 กว่าคน จะมีการแต่งตั้งอนุกรรมาธิการขึ้นมาทำงานแทน เพราะมีเรื่องที่จะต้องลงรายละเอียดในรายโครงการ ซึ่งที่ผ่านมาจะมีการแบ่งตามรายการ แต่ปีนี้มีเรื่องแปลกใหม่คือแม้ทางกรรมาธิการในสัดส่วนพรรคก้าวไกลจะพยายามจะผลักดันให้มีการแบ่งอนุกรรมาธิการตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ แต่ก็ไม่เป็นผล แล้วก็สรุปจบที่การแบ่งกันตามกระทรวง</p>
<p>และถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นได้ว่าแต่ละอนุกรรมาธิการจะมีความเป็นเจ้าของของแต่ละรัฐมนตรีที่มาจากสังกัดพรรคการเมืองเดียวกันอยู่ ทำให้มีข้อกังวลมาจากกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการด้วยเช่นเดียวกัน ว่าการจัดแบบนี้อาจจะทำให้เกิดการเข้ามาปกป้องงบประมาณของรัฐมนตรีหรือไม่ ซึ่งจากสังเกตการณ์จะพบว่าในบางอนุกรรมาธิการจะมีผู้ที่อยู่ในคณะรัฐมนตรี หรือกระทั่งเลขานุการรัฐมนตรีมานั่งอยู่ในห้องนั้นด้วย ซึ่งพรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วยกับการแบ่งอนุกรรมาธิการแบบนี้มาตั้งแต่ต้น และสิ่งนี้ควรจะเป็นบทเรียนว่าในปีหน้าก็ไม่ควรจะมีการจัดอนุกรรมาธิการเช่นนี้อีก</p>
<p>ศิริกัญญายังได้ตั้งข้อสังเกตถึงการตัดงบประมาณในชั้นกรรมาธิการ โดยระบุว่าสิ่งที่สังเกตเห็นได้ก็คือมีความพยายามที่จะเร่งตัดกันในช่วงวันสุดท้ายหรืออาทิตย์สุดท้ายของของการพิจารณาในห้องอนุกรรมาธิการ และยังมีอีกหลายรายการที่มาตัดกันต่อในห้องกรรมาธิการใหญ่ ทำให้น่าสังเกตว่าอาจจะมีการตั้งเป้าหมายไว้แล้วว่าจะต้องตัดได้ถึงเท่าไรหรือไม่ เมื่อไม่ถึงเป้าจึงต้องมาเร่งทำยอดกันในวันท้ายๆ ที่น่าสังเกตประการต่อมา คือการที่แผนบูรณาการก็เป็นแผนที่ถูกตัดมากที่สุด โดยในห้องอนุกรรมาธิการมีการตัดไปประมาณ 3 พันล้านบาท แต่หน่วยงานกลับมาอุทธรณ์เพื่อขอคืนงบประมาณ 24 รายการ แทบจะเยอะที่สุดในบรรดาอนุกรรมาธิการทั้งหมด สุดท้ายก็คืนงบไป 2 พันล้านบาท</p>
<p>โดยสรุปแล้ว กรรมาธิการตัดงบประมาณไปได้ราว 9.2 พันล้านบาท ซึ่งตามประเพณีปฏิบัติทั่วไปก็จะส่งต่องบประมาณในส่วนที่ตัดได้ไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่ขอเข้ามาเพิ่ม ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะไปลงที่งบกลางราว 8 พันกว่าล้านบาท ในปีนี้กรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคก้าวไกลเห็นชอบด้วย เพราะอย่างที่ตนได้อภิปรายในการพิจารณางบประมาณวาระ 1 ว่าปีนี้มีงบประมาณที่เรียกว่าเงินชดใช้เงินคงคลังอยู่ประมาณเกือบ 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งเยอะมากเป็นประวัติการณ์ และทำให้งบประมาณที่เพิ่มขึ้นมาเกือบ 3 แสนล้านบาทใช้ไม่ได้จริงทั้ง 3 แสนล้านบาท เพราะส่วนหนึ่งต้องเอาไปคืนเงินคงคลัง จากการใช้งบประมาณแต่ละปีไม่พอแล้วต้องไปล้วงเอาเงินคงคลังออกมาใช้ </p>
<p>ซึ่งเงินที่เอามาใช้ตรงนี้ไม่น่าที่จะเกิดขึ้น เพราะเราควรจะต้องตั้งงบประมาณไว้อย่างพอเพียง ไม่ว่าจะเป็นเบี้ยหวัด บำเหน็จบำนาญ เงินเดือนข้าราชการ แต่ในปีนี้ก็ยังจัดสรรพลาดอยู่เช่นเดียวกัน เช่น บำเหน็จบำนาญ หากเทียบกับงบที่เบิกจ่ายปีที่แล้ว พบว่าตั้งงบขาดไปถึงเกือบ 3 หมื่นล้านบาท ในขณะที่ค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลของข้าราชการขาดไปประมาณ 2 หมื่นล้านบาท เมื่อมีการตัดลดงบประมาณได้ สำนักงบประมาณเองจึงเป็นผู้ที่เสนอสองรายการนี้เข้ามา ก็เลยมีการอนุมัติให้ แต่เนื่องจากว่าตัดมาได้น้อยก็เลยแบ่งให้กับค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลและบำเหน็จบำนาญข้าราชการได้แค่ประมาณ 3 พันล้านบาท </p>
<p>นอกจากนี้ ยังมีการใส่เงินลงไปที่เงินสำรองใช้จ่ายฉุกเฉินจำเป็น ซึ่งก็คืองบกลางเจ้าปัญหาที่ตรวจสอบได้ยากและนายกฯ มีอำนาจเต็ม แต่เมื่อขอมาแค่ 1 พันล้านบาท ก็เลยขอแลกกับการที่จะเพิ่มเงินในกองทุนประกันสังคมที่ตั้งไว้ไม่เพียงพอแทน ถือว่าเป็นการเข้าไปเจรจาต่อรองและประนีประนอมกับทั้งสองฝั่งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เราอยากได้</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53594084268_b74bdb544c.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">สุรเชษฐ์</span></p>
<p>ในส่วนของสุรเชษฐ์ ได้แถลงถึงความสำเร็จของพรรคก้าวไกล 2 เรื่อง นั่นคือ ประการแรก การตัดงบประมาณฝายดินซีเมนต์ ที่ประหยัดเงินให้ประเทศได้มากถึง 1,255 ล้านบาท ที่นอกจากจะมีข้อเสียมากกว่าข้อดีแล้ว ยังส่อแววทุจริตอย่างเห็นได้ชัด โดยมี 8 เหตุผลด้วยกัน กล่าวคือ</p>
<p>1) เป็นโครงการ “แจกเสื้อโหล” มี 3 ขนาดให้เลือก Size S/M/L
2) มีความเร่งรีบอย่างผิดสังเกต องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีเวลาเพียง 12 วันในการเลือกสถานที่ ทำแบบก่อสร้าง และประมาณราคา ซึ่งถ้าไม่รู้กันมาก่อนหรือเป็นพวกเดียวกันเตรียมมาก่อนย่อมไม่มีใครทำทันได้ 
3) มีการแทรกแซงกระบวนการพิจารณางบประมาณ ไม่มีการตรวจสอบโครงการอย่างครบถ้วนบนมาตรฐานเดียวกันกับการพิจารณางบประมาณในโครงการอื่น มีการลัดขั้นตอนในการตรวจสอบเอกสาร การขออนุญาตต่าง ๆ ให้ครบถ้วนก่อนพิจารณาอนุมัติ
4) มีหลายโครงการที่ราคาต่ำกว่า 5 แสนบาทเพียงเล็กน้อย เสมือนจงใจให้หลีกเลี่ยงการแข่งขันโดยอาศัยช่องว่างทางกฎหมายที่ให้หน่วยงานสามารถจิ้มเลือกผู้รับเหมาได้เลยหากราคากลางต่ำกว่า 5 แสนบาท 
5) มีความจงใจหลีกเลี่ยงการรับประกันผลงาน 2 ปี โดยหน่วยงานได้ชี้แจงว่าฝายดินซีเมนต์เข้าเงื่อนไขข้อยกเว้นทำให้ไม่ต้องมีการประกันผลงาน 2 ปีเฉกเช่นโครงการก่อสร้างทั่วไป และไม่กล้ารับประกันด้วยว่าฝายดินซีเมนต์จะแข็งแรงทนทานอยู่ได้อย่างน้อย 2 ปี แม้มีอำนาจให้ประกันผลงานได้
6) ไม่มีใบอนุญาตมาแสดง ทั้งจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและกรมเจ้าท่า 
7) มีการอ้างว่าเป็นฝายชั่วคราว แต่ราคากลับแพงเกินจริง และไม่มีใครตอบได้ว่าถ้าฝายพังใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ 
8) หลังจากที่มีการถกเถียงกันมามากมาย สุดท้ายหน่วยงานก็จำนนต่อเหตุผลและไม่มีการขออุทธรณ์ </p>
<p>สุรเชษฐ์กล่าวต่อไป ว่าหลังจากที่มีการตัดงบประมาณ ก็มีผู้เสียประโยชน์จากโครงการ ฟูมฟายก่นด่า แต่ตนก็ยืนยันด้วยเหตุด้วยผลว่า ฝายดินซีเมนต์ไม่คุ้มค่าและไม่โปร่งใส เป็นการทำหน้าที่ของกรรมาธิการอย่างถูกต้องโดยสุจริตใจ และเราก็ภูมิใจด้วยว่าเราเป็นผู้เสนอตัดงบประมาณก้อนนี้ ทำให้ประหยัดเงินภาษีให้ประชาชนได้ถึง 1.2 พันล้านบาท  อย่างไรก็ตาม ตนมีข้อสังเกตที่สำคัญ 4 ข้อด้วยกัน</p>
<p>1) มีการเอาตนและพรรคก้าวไกลไปโจมตีด้วยวาทกรรมต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อไปตัดงบประมาณเยอะขนาดนี้ก็ย่อมไปเป็นก้างขวางคอของใครบางคน แต่แทนที่จะมาโจมตีที่ตัวบุคคลที่เสนอตัดงบ ทำไมไม่มาถกเถียงกันด้วยเหตุด้วยผลว่า 8 ข้อที่กล่าวไปไม่จริงตรงไหน หากเหตุผลไม่ดีจริง มีหรือที่กรรมาธิการเสียงข้างมากจะยอมให้ตัดและหน่วยงานเจ้าของงบประมาณก็จำนนต่อเหตุผล ไม่มีการขออุทธรณ์เข้ามา มีแต่การโวยวายจากผู้เสียประโยชน์อย่างไร้เหตุผล
2) มีการโฆษณาเกินจริงว่าทำฝายแล้วจะเก็บน้ำเพื่อการเกษตรได้มาก แต่ข้อเท็จจริงจากการให้หน่วยงานคำนวณ ฝายดินซีเมนต์จะเก็บน้ำได้น้อยมาก ที่สำคัญคือพอมีการเก็บน้ำไว้ที่ต้นน้ำโดยไม่คิดถึงคนปลายน้ำ ก็จะยิ่งทำให้คนปลายน้ำมีน้ำไม่พอแม้กระทั่งการอุปโภคบริโภค 
3) การใช้ดินผสมซีเมนต์ทำให้เข้ากันได้ยากยิ่งในทางปฏิบัติ ซึ่งมีความสำคัญมากต่องานโครงสร้าง โดยทั่วไปการใช้ดินผสมซีเมนต์จึงไม่เป็นที่นิยม นอกจากนั้น ดินแต่ละที่ไม่เหมือนกัน จะผสมอย่างไรให้มั่นใจได้ว่าแข็งแรงเพียงพอ การเซ็นแบบและควบคุมการก่อสร้างให้เป็นไปตามแบบ ก็ไม่ได้รับความชัดเจนถึงแนวทางปฏิบัติ เห็นแต่การบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบโดยอ้างว่าเป็นฝายชั่วคราว
4) ฝายดินซีเมนต์จะเปลี่ยนสภาพลำน้ำให้กลายเป็นขั้นบันไดและพังทลายได้ทุกเมื่อ ช่วงหน้าแล้งอาจเก็บน้ำได้บ้างโดยไม่เพียงพอสำหรับการทำเกษตร แต่ท้ายน้ำจะขาดแคลนน้ำมากขึ้นโดยไม่เหลือพอสำหรับการอุปโภค/บริโภค ช่วงหน้าฝนอาจพังทลาย ก่อให้เกิดความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สิน คล้ายกรณีเขื่อนแตก</p>
<p>สุรเชษฐ์กล่าวต่อไป ว่าโดยสรุปโครงการฝายดินซีเมนต์ไม่คุ้มค่าและไม่โปร่งใส หากปล่อยไปคือได้ไม่คุ้มเสีย และจะเป็นพิษภัยต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวอย่างแน่นอน ซึ่งตนและพรรคก้าวไกลสนับสนุนให้ท้องถิ่นมีงบประมาณ แต่เราไม่เห็นด้วยกับการแจกเสื้อโหลในโครงการนี้ สิ่งที่ควรทำมากกว่าคือการทำให้เกิดการกระจายอำนาจและงบประมาณไปสู่ท้องถิ่นอย่างจริงจัง ให้ท้องถิ่นคิดเองว่าเมื่อมีกรอบงบประมาณไปแล้วจะเอาเงินไปทำอะไรบ้าง ให้มีการรับทั้งผิดและชอบ ไม่ใช่เพียงของบประมาณแล้วรอเงินทอน </p>
<p>“ฝายสร้างได้แต่ต้องเลือก เลือกตำแหน่งที่ตั้ง เลือกขนาด เลือกวัสดุให้ดี ไม่ใช่การแจกเสื้อโหลตัวละเกือบ 5 แสนบาทเพื่อไปหากินกันแบบที่เจอในโครงการนี้ ขอฝากข้อคิดไปถึงผู้ที่อยากหาทำฝายดินซีเมนต์ หากคุณรู้จักแค่ค้อน คุณก็จะมองปัญหาทุกอย่างเป็นตะปู ฝายมีหลายแบบ สร้างได้แต่ต้องคิด คิดถึงคนท้ายน้ำด้วย คิดถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศด้วย” สุรเชษฐ์กล่าว</p>
<p>สุรเชษฐ์กล่าวต่อไปถึงความสำเร็จประการที่สอง ในการตัดลดงบประมาณซ่อมถนนที่กระจุกตัวใน จ.บุรีรัมย์ อย่างผิดปกติได้ โดยระบุว่าในการอภิปรายงบประมาณปีที่แล้ว ตนได้อภิปรายถึงกรณีงบประมาณซ่อมถนนแบบไร้เหตุผลที่ให้ จ.บุรีรัมย์ได้มากที่สุด ทั้งที่ไม่ใช่พื้นที่ที่มีจำนวนถนนมากที่สุด ไม่ได้มีจำนวนประชากรมากที่สุด ไม่ได้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ไม่ใช่พื้นที่เป้าหมายเพื่อการพัฒนาต่าง ๆ แต่กลับได้งบประมาณซ่อมถนนไปมากกว่าค่าเฉลี่ยถึง 4.29 เท่า </p>
<p>ซึ่งจากการตรวจสอบกรณี “บุรีรัมย์นำโด่ง” โดยพรรคก้าวไกล ทำให้หน่วยงานราชการและสำนักงบประมาณไม่กล้าที่จะตั้งงบประมาณให้จังหวัดใดจังหวัดหนึ่งมากเป็นพิเศษอย่างไร้เหตุผลในปีงบประมาณนี้ นี่จึงนับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของพรรคก้าวไกลที่ได้มีการทำหน้าที่เพื่อติดตามและตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจของรัฐบาล ไม่ให้ใช้อำนาจหน้าที่และงบประมาณอย่างน่าเกลียดเกินไป</p>
<p>นี่คือ 2 ตัวอย่างที่แสดงถึง “ความสำเร็จ” ของพรรคก้าวไกล ในการทำหน้าที่ปกป้องเงินภาษีของพี่น้องประชาชน ให้ถูกใช้อย่างคุ้มค่าและโปร่งใส มีการกระจายตัวอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม โดย 2 ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นความสำคัญของการมีพรรคการเมือง อย่างพรรคก้าวไกล</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53593881091_8d98e6e79b_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">ชยพล</span></p>
<p>ในส่วนของชยพล ได้แถลงถึงข้อสังเกตต่อการตัดงบประมาณจัดซื้อเรือฟริเกตโดยกองทัพเรือ โดยระบุว่าในงบประมาณปี 2567 นี้ กองทัพเรือได้มีการตั้งงบประมาณจำนวน 1.7 พันล้านบาท หรือ 10% ของวงเงินโครงการ 1.7 หมื่นล้านบาท เพื่อขอซื้อเรือฟริเกตลำใหม่ ซึ่งที่ผ่านมากองทัพเรือยังไม่เคยได้สื่อสารในรายละเอียดเชิงลึกของโครงการ จนกระทั่งได้เข้ามาถึงห้องอนุกรรมาธิการงบประมาณด้านความมั่นคง จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่กองทัพเรือนำเอกสารมาชี้แจงถึงความจำเป็นของการจัดหาเรือในครั้งนี้</p>
<p>โดยตามการประเมินของกองทัพเรือ ได้ประเมินไว้ว่าประเทศไทยจำเป็นต้องมีเรือฟริเกตทั้งหมด 8 ลำเพื่อปกป้องน่านน้ำไทย โดยแบ่งพื้นที่เป็นฝั่งอันดามัน 4 ลำและฝั่งอ่าวไทย 4 ลำ แต่ในปัจจุบันกองทัพเรือมีเรือฟริเกตใช้งานเพียง 4 ลำเท่านั้น แต่ละลำก็มีอายุถึง 29-38 ปี ยกเว้นเรือหลวงภูมิพลที่มีอายุ 5 ปี ทั้งที่เรือฟริเกตควรใช้อยู่ที่ 30 ปีเท่านั้น แต่เนื่องจากว่ากองทัพเรือไม่ได้รับอนุมัติงบประมาณให้ซื้อเรือฟริเกตลำใหม่ จึงจำเป็นต้องซ่อมบำรุงเรือและยืดอายุการใช้งานยาวไปจนถึง 40 ปีจึงค่อยเริ่มปลดระวาง ทำให้ประเทศไทยกำลังจะอยู่ในสถานการณ์ที่เหลือเรือฟริเกตใช้งานเพียง 3 ลำเท่านั้น จากความต้องการขั้นพื้นฐานในการดูแลน่านน้ำไทยทั้งหมด 8 ลำ </p>
<p>ชยพลกล่าวต่อไป ว่าการซื้อเรือฟริเกตปกติจะใช้เวลาในการต่อเรือ 4-5 ปี ซึ่งเพียงแค่สถานการณ์ในตอนนี้ การดำเนินงานของกองทัพเรือในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติทางทะเลก็ยากที่จะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว และเป็นไปได้ว่ากว่าจะได้รับอนุมัติงบประมาณอีกครั้งอาจจะเป็นปีงบประมาณ 2569 เลย แปลว่าเราจะมีเรือฟริเกตในการป้องกันประเทศเพียง 3 ลำต่อไปถึงอีก 4 ปี เป็นความเสี่ยงทางความมั่นคงอย่างยิ่ง</p>
<p>นอกเหนือจากเหตุผลด้านความมั่นคงแล้ว ประโยชน์ทางเศรษฐกิจก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะการจัดหาเรือฟริเกตครั้งนี้กองทัพเรือได้ชี้แจงในห้องอนุกรรมาธิการว่ามีความตั้งใจจะให้เรือลำนี้ต่อในไทยโดยให้บริษัทต่อเรือในไทยทำสัญญาความร่วมมือกับต่างประเทศ เพื่อรับองค์ความรู้ในการต่อเรือครั้งนี้ไปใช้ในการต่อยอดอุตสาหกรรมภายในประเทศ จะมีการเพิ่มองค์ความรู้ในการต่อเรือ เกิดการจ้างงาน เกิดการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ เพิ่มโอกาสการลงทุนและสนับสนุนการเติบโตของระบบเศรษฐกิจ พัฒนาอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ พัฒนาความสามารถของอู่ต่อเรือในไทย เป็นเจ้าขององค์ความรู้เทคโนโลยีป้องกันประเทศที่สามารถต่อยอดได้ สร้างเสริมอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ</p>
<p>ชยพลกล่าวต่อว่า การจัดซื้อจัดจ้างครั้งนี้ไม่เหมือนกับการจัดซื้อจัดจ้างครั้งก่อนของกองทัพเรือ เช่นการซื้อเรือดำน้ำที่เป็นการเอาเงินไปแลกเรือเปล่าๆ และไร้ซึ่งองค์ความรู้อื่นนอกจากการใช้งาน พรรคก้าวไกลจึงมองเห็นความสำคัญของโครงการนี้ ถ้ากองทัพเรือทำตามที่ตัวเองวางไว้ได้ครบทั้งหมด ก็สมควรแก่การสนับสนุนให้เกิดขึ้นจริงโดยเร็ว</p>
<p>โดยกรรมาธิการสัดส่วนของพรรคก้าวไกลเองก็ได้ศึกษาข้อมูลทั้งหมดพร้อมตั้งคำถามให้กับกองทัพเรือจนกระทั่งเข้าใจถึงประโยชน์ของโครงการ แต่ก็น่าเสียดายที่กรรมาธิการสัดส่วนอื่นๆ กลับไม่ได้มีความคิดเห็นในทางเดียวกัน โดยเห็นว่าไม่จำเป็นไม่เร่งด่วน รอบรรจุในงบประมาณปีถัดไปได้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่น่าตั้งคำถามจริงๆ ว่าได้ฟังที่กองทัพเรือชี้แจงมาบ้างหรือไม่ ว่าไม่มีเรือฟริเกตเหลือแล้ว</p>
<p>เหตุผลต่อมา คือเรื่องของทีโออาร์กับ offset policy ไม่ชัด ทั้งที่กองทัพเรือได้เตรียมเอกสารมาชี้แจงเรียบร้อยแล้ว แต่น่าเสียดายที่คนที่เข้าไปศึกษาตัวเอกสารทั้งหมดมีอยู่แค่กรรมาธิการในสัดส่วนพรรคก้าวไกลเท่านั้น ซึ่งก็คือตนและ ธนเดช เพ็งสุข สส.กรุงเทพฯ เขต 13 พรรคก้าวไกล จนกระทั่งเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความตั้งใจและแนวคิดเบื้องหลัง รวมถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาของบริษัทที่จะเข้ามาร่วมทุนกับบริษัทภายในไทย ทำให้ตนคิดเป็นอื่นไม่ได้นอกจากว่ากรรมาธิการคนอื่นไม่ได้อ่านเอกสารเหล่านี้เลย แต่มีการตั้งธงมาแล้วว่าจะต้องมีการตัดเท่านั้น </p>
<p>ชยพลกล่าวต่อไป ว่าหลังจากที่พรรคก้าวไกลได้ออกมาสื่อสารถึงข้อดีต่างๆ ของโครงการจัดหาเรือฟริเกตในครั้งนี้ ก็มีหลายคนจากฝั่งรัฐบาลออกมาให้ความคิดเห็นต่อท่าทีของพรรคก้าวไกลในทางลบ ทั้งที่ความคิดเห็นทั้งหมดที่มีต่อโครงการนี้ผ่านการศึกษาดูข้อมูลแล้ว มีการซักถามจนเข้าใจเห็นภาพใหญ่ของตัวโครงการแล้ว </p>
<p>นอกจากนี้ ที่น่าสังเกตคือมีมติ ครม. วันที่ 5 ตุลาคม 2566 ออกความคิดเห็นว่าเห็นด้วยกับตัวโครงการนี้ โดยผู้ที่ได้รับทราบประกอบด้วยกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน โดยที่ ครม. ได้ประชุมปรึกษากันเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 ลงมติอนุมัติความเห็นและให้กระทรวงกลาโหมรับความคิดเห็นไปดำเนินการต่อแล้ว </p>
<p>“คือทุกคนก็เห็นด้วยหมดแล้ว ถามจริงคือได้คุยกันเองก่อนไหม ก่อนที่จะออกมาค้านที่เราสนับสนุนโครงการนี้ เพราะว่ามันก็คือ ครม. ของรัฐบาลเองไม่ใช่หรือที่สนับสนุน แล้วก็กลายเป็น สส. ของรัฐบาลเอง กลายเป็นกรรมาธิการของรัฐบาลเองที่ออกมาค้าน ผมแนะนำให้ทุกคนไปคุยกันเองก่อนดีกว่า ไม่ใช่อนุมัติมาอย่างนี้เสร็จแล้วก็มาตีตกทีหลัง จะไม่รับผิดชอบอะไร แล้วก็ปล่อยประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์ที่เปราะบางและสูญเสียโอกาสทางการทางเศรษฐกิจในระดับนี้ได้” ชยพลกล่าว</p>
<p>ชยพลกล่าวต่อไป ว่าพรรคก้าวไกลไม่ได้มีจุดยืนต่อต้านการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ แต่ต้องมีการซื้อยุทโธปกรณ์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ ความจำเป็นทางด้านความมั่นคง ที่มีหลักฐานประกอบอย่างแท้จริง นั่นคือเหตุผลที่พรรคก้าวไกลไม่ได้ตั้งเป้าในการตัดงบ พรรคก้าวไกลเพียงต้องการให้กองทัพเป็นกองทัพที่มีประสิทธิภาพ กะทัดรัด และสมเหตุสมผล สามารถทำงานทุกอย่างอย่างคุ้มค่าต่องบประมาณให้เหมาะสม</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/03/108473
 

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

นักข่าวหัวเห็ด แห่งเวบสุขใจ
อัพเดตข่าวทันใจ ตลอด 24 ชั่วโมง

>> http://www.SookJai.com <<
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
[ข่าวมาแรง] - 'ก้าวไกล' ประกาศการเมืองไทยเข้าสู่ซีซัน 2 ‘ก้าวไกล vs. การเมืองระบบเก่า’
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 141 กระทู้ล่าสุด 27 สิงหาคม 2566 16:43:08
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - 'ก้าวไกล' ตั้งคณะทำงานพิเศษป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงทางเพศ
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 59 กระทู้ล่าสุด 21 ตุลาคม 2566 14:05:20
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - ‘ก้าวไกล’ ชวนประชาชนแสดงความเห็นร่างกฎหมาย ‘ยุบ กอ.รมน.’
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 137 กระทู้ล่าสุด 28 ตุลาคม 2566 21:35:18
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - 'ก้าวไกล' เป็นเจ้าภาพจัดประชุมเครือข่ายพรรคการเมืองแนวสังคมประชาธิปไตยเอเ
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 85 กระทู้ล่าสุด 17 พฤศจิกายน 2566 23:18:22
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - สส.ก้าวไกล ชี้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำยั่งยืนต้องเพิ่มค่าแรงทุกปีไม่ให้ต่ำกว่าอัตร
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 45 กระทู้ล่าสุด 09 ธันวาคม 2566 17:23:32
โดย สุขใจ ข่าวสด
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.696 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 17 เมษายน 2567 10:27:33